ตรวจสอบข่าวลวงประเด็นสุขภาพ

ข้อความ

ดูทั้งหมด >>
1 คนสงสัย
หากลืมรับประทานยา สามารถทานรวมกับมื้อถัดไปได้หรือไม่ ?
ยาแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและคำแนะนำในการรับประทานแตกต่างกัน เช่น ยาบางชนิดต้องการความต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อรักษาระดับยาในเลือด หากไม่รับประทานตามเวลาที่กำหนด อาจทำให้ยาออกฤทธิ์ไม่เต็มที่และส่งผลเสียต่อร่างกายได้ "ดังนั้นการลืมรับประทานยาจึงไม่ควรรับประทานรวมกับครั้งถัดไป เพราะอาจทำให้ยาออกฤทธิ์ไม่เต็มประสิทธิภาพ เกิดการดื้อยา และร่างกายอาจได้รับยาเกินขนาด"
สุขภาพ
meter
2 ความคิดเห็น
Thitiwut Apiraktanakul  •  1 สัปดาห์ ที่แล้ว
1 คนสงสัย
ไฟไหม้โรงงานในนิคมฯมาบตาพุด ทำให้สารเคมีรั่วไหลสู่ชุมชนส่งผลให้อากาศเป็นพิษ อันตรายต่อชุมชน
สุขภาพ ภาคตะวันออก สภาพอากาศ
meter
1 ความคิดเห็น
KANTA  •  1 สัปดาห์ ที่แล้ว
1 คนสงสัย
รากฟันเทียมฟรี สำหรับคนอายุ 55 ปีขึ้นไป
สุขภาพ
meter
1 ความคิดเห็น
ไม่ระบุชื่อ  •  2 สัปดาห์ ที่แล้ว
1 คนสงสัย
ย้อมสีผมบ่อย เสี่ยงก่อโรคมะเร็งจริงหรือไม่ ?
ย้อมสีผมบ่อย เสี่ยงก่อโรคมะเร็งจริงหรือไม่ ? การย้อมสีผมในปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการย้อมเพื่อเปลี่ยนลุคและสไตล์ หรือการซ่อนผมขาว ได้รับการยอมรับในทุกช่วงวัย การย้อมสีผมบ่อยๆจะทำให้เราได้รับสารเคมีอย่างต่อเนื่อง แต่สารเคมีเหล่านั้นไม่สามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ แต่หากการได้รับสารเคมีในน้ำยาย้อมสีผมเป็นประจำอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ (ข้อมูลจาก Harvard Medical School) ยาย้อมผมตามท้องตลาดมี 3 ประเภท ดังนี้ 1. ประเภทสีชั่วคราว ถ้าสระผมแล้วสีก็จะค่อยๆหายไป 2. ประเภทสีกึ่งถาวร หรือเรียกว่าสีโกรกผม สามารถปิดหงอกได้ไม่เกิน 30% ถ้าสระผม 5-6 ครั้ง ก็จะค่อยๆหลุดออกไป 3. ประเภทสีย้อมถาวร หรือเรียกว่าสีย้อมผม สามารถปกปิดผมได้ สระแล้วสีไม่หลุดลอก แต่วิธีนี้งานวิจัยระบุว่าจะทำให้โครโมโซมร่างกายเสียหาย ถ้าย้อมบ่อยๆเซลล์อาจจะกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็งได้ ส่วนผสมในน้ำยาย้อมผมที่อาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย ดังนี้ 1. สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไชด์ : ทำลายเส้นผมและหนังศีรษะ ก่อให้เกิดอาการอักเสบ และระคายเคือง 2. สารฟีนิลินไดอะมีน หรือสีย้อมผมชนิดถาวร : อาจทำให้เกิดการระคายเคือง และอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งหนังศีรษะได้ 3. แอมโมเนีย : สามารถกัดเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้ผมเสีย รากผมอ่อนแอ 4. สารซิลเวอร์ไนเตรต : ทำให้เกิดการระคายได้ 5. สารเลดอะซีเตด : หากสะสมในร่างกายจะทำลายสมอง ประสาทสัมผัส และจัดอยู่ในสารก่อมะเร็ง (ข้อมูลจาก Herbplus+) เราจึงควรมีหลักการในการเลือกน้ำยาย้อมสีผม ดังนี้ 1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน มีวันหมดอายุ วิธีใช้ ส่วนผสม และเลขที่จดแจ้งระบุไว้ชัดเจน 2. เลือกน้ำยาที่ไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย 3. ทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ทุกครั้ง 4. เช็กความเข้มข้นของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ไม่ควรมีมากกว่า 6% เพราะจะทำให้ผมแห้ง ผมกระด้าง และอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะได้ 5. ใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมที่มีส่วนผสมของสมุนไพรเป็นหลัก (ข้อมูลจาก Herbplus+ และ Wongnai) นอกจากนี้ คนที่ย้อมสีผมอยู่แล้ว ไม่ควรย้อมเกิน 9 ครั้งต่อปี นพ.วีรวุฒิ อิ่มสาราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ได้กล่าวไว้ว่า ผู้ที่ยังไม่เคยย้อมผมไม่ควรย้อมสีผม โดยเฉพาะคนที่ผมบางหรือผมน้อยอยู่แล้ว เพราะการย้อมผมทำให้รากผมไม่แข็งแรง ผมหลุดร่วงได้ง่าย หากสะสมในร่างกาย อาจทำร้ายสมอง ประสาทสัมผัส ที่สำคัญยังจัดอยู่ในสารก่อมะเร็งด้วยเช่นกัน และ นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ได้กล่าวไว้ว่า น้ำยาย้อมสีผมยังเป็นอันตรายต่อช่างทำผม เพราะเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการได้รับสารเคมีมากกว่าผู้ที่ย้อมผม เนื่องจากต้องสัมผัสกับสารเคมีที่มาจากน้ำยาต่างๆเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม จากการทบทวนวรรณกรรมงานวิจัยต่างๆ พบว่ายังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่ายาย้อมสีผมเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ได้ ดังนั้นเวลาที่ย้อมสีผมควรอยู่ในที่ที่ระบายอากาศได้ดี มีการสวมถุงมือ และใส่หน้ากากป้องกันสารเคมีทุกครั้ง (สาธิตา แสวงลาภ, ฤดีรัตน์ มหาบุญปี ติ, อัจฉรา นราศรี, 2562) (ข้อมูลจาก Herbplus+,สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณะสุข) เครือข่าย : ชมรมสื่อสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
สุขภาพ มะเร็ง
meter
1 ความคิดเห็น
apinya25460  •  3 สัปดาห์ ที่แล้ว
1 คนสงสัย
กินผลิตภัณฑ์วิตามินซี รักษาไข้หวัดได้
สุขภาพ
meter
1 ความคิดเห็น
ไม่ระบุชื่อ  •  4 สัปดาห์ ที่แล้ว
1 คนสงสัย
คนมีอายุต้องห้ามกินส้มโอ !! ******* ใครกินยาลดความดัน ยาลดไขมันควรอ่าน งานจะยุ่งขนาดไหน ก็ต้องอ่าน เพียงกินแค่ส้มโอ ก็ทำให้เกือบเสียชีวิตได้ อันตราย...จำเป็นต้องระวัง!! วันนี้ที่เมืองเจียงซี มีผู้สูงวัยคนหนึ่งกินส้มโอเข้าไป หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงรู้สึกผิดปกติ ที่บ้านจึงพาไปโรงพยาบาล ขณะที่เดินทางไปโรงพยาบาล ผู้สูงวัยก็รู้สึกโลกหมุน หัวใจเต้นเร็ว และก็เป็นลมไป เมื่อไปถึงโรงพยาบาลตรวจร่างกายเรียบร้อย แพทย์ที่รักษาดูอาการได้วิเคราะห์สาเหตุออกมาว่า ส้มโอไม่มีพิษภัยต่อร่างกาย ถ้าจะมีปัญหาคือ ก่อนกินส้มโอ ผู้สูงวัยได้กินยาลดความดัน แพทย์ได้แนะนำว่า ส้มโอมีผลต่อการทำงานของยาลดความดัน ทำให้ยากลายเป็นพิษร้ายแรงต่อร่างกายได้ ภายในส้มโอมีสาร Coumarin ซึ่งมีผลต่อเอนไซม์ในตับ ทำให้การทำงานของเอนไซม์นั้นลดลง ซึ่งเอนไซม์นี้มีผลต่อการเผาผลาญยา เมื่อยาเผาผลาญไม่ได้ ทำให้ความเข้มข้นของยาในเลือดเข้มข้นขึ้น ทำให้สะสมกลายเป็นพิษต่อร่างกายได้ นอกจากนี้ ในส้มโอยังมีสารที่เรียกว่า Naringenin ทำให้ยาเข้าไปในลำไส้ได้เร็วขึ้น เมื่อยาถูกดูดซึมเข้าไป ก็จะทำให้ในเลือดมีความเข้มข้นของยาสูง ทำให้ร่างกายของคนเกิดอาการมึนหัวหรือความดันเลือดต่ำได้ แพทย์ผู้ชำนาญการได้เตือนว่า การกินส้มโอแบบนี้ให้โทษแก่ร่างกาย หากเป็นห่วงคนรอบตัว กรุณาส่งต่อให้พวกเขา! 1.ส้มโอไม่ควรกินพร้อมกับอาหารทะเล เพราะส้มโอมีวิตามินซีสูง ในอาหารทะเลจะมีธาตุสารหนูสูง วิตามินซีและสารหนู เมื่อเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้เกิดสารจำพวกอาร์เซนิกไตรออกไซด์ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย ซึ่งหากร่างกายได้รับเป็นปริมาณมาก อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ 2.ส้มโอไม่สามารถกินร่วมกับยาบางชนิดได้ เช่น ยาลดไขมันในเส้นเลือด, ยาแก้แพ้ (Terfenadine), ยากดภูมิคุ้มกัน (Cyclosporine), คาเฟอีน, ยาต้านแคลเซียม (Calcium Channel Blocker), ยาลดอาการปวด (Cisapride) เป็นต้น ดังนั้นผู้ป่วยที่รับประทานยาเหล่านี้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ไม่ควรกินส้มโอหรือน้ำส้มโอ เรื่องนี้กรุณาอย่าเก็บไว้ดูเพียงคนเดียว ส่งต่อให้คนอื่นให้ได้มากที่สุด สิ่งนี้อาจช่วยชีวิตคนรอบข้างและเพื่อนๆ ของคุณให้พ้นจากอันตรายเหล่านี้ได้ ช่วงนี้เป็นช่วงที่คนนิยมกินส้มโอ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน หวังว่าคุณจะเป็นคนแรกที่ส่งต่อเรื่องราวที่มีประโยชน์นี้ ยิ่งส่งต่อมาก ก็จะทำให้คนยิ่งระมัดระวังกันมากขึ้น เพียงใช้เวลาแค่หนึ่งวินาทีในการส่งต่อแก่คนรู้จัก ขอบคุณมากๆ Cr.น.พ.อนันต์ ประสานสุข
สุขภาพ ลดความอ้วน
meter
1 ความคิดเห็น
ไม่ระบุชื่อ  •  1 เดือน ที่แล้ว

เช็คข่าวลวง
ชวน Add LINE

@cofact
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็น ข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ส่งข้อความนั้นมาให้ Chatbot ของเราช่วยตรวจสอบได้เลย
@cofact
คุณก็สามารถเริ่มตรวจสอบข้อความหรือข่าวนั้นได้ทันที