‘สแกมเมอร์ – แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ภัยใหญ่ยุคดิจิทัลที่ต้องอาศัยความสามัคคีจากนานาชาติร่วมแก้อย่างจริงจัง
By : Zhang Taehun

ที่มา : ThaiPBS สถานีประชาชน
ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลยกับคำว่า “ทะลุล้าน” ในครั้งนี้ สำหรับสถิติการแจ้งความออนไลน์ซึ่งเปิดเผยโดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2565 ที่เปิดระบบแจ้งความออนไลน์ จนถึง ณ วันที่ 30 ก.ย. 2568 มีการแจ้งความทั้งหมด 1,058,056 เรื่อง รวมมูลค่าความเสียหาย 100,408,016,872 บาท และเมื่อดูประเภทของการหลอกลวง จะพบว่า 4 ใน 5 อันดับ เป็นเรื่องของ“ขบวนการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม” (สแกมเมอร์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์) ทั้งสิ้น
โดยประเภทของคดีที่มีการแจ้งความออนไลน์ อันดับ 2 หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงาน จำนวน 125,853 คดี ความเสียหาย 14,608,150,915 บาทอันดับ 3 หลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน จำนวน 95,305 คดี ความเสียหาย 3,915,177,731 บาท อ้นดับ 4 หลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล จำนวน 74,412 คดี ความเสียหาย 8,183,772,265 บาท และอันดับ 5 หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ จำนวน 72,478 คดี ความเสียหาย 32,583,115,483 บาท
นอกจากจะหลอกเอาเงินจากเหยื่อแล้ว มิจฉาชีพประเภทนี้ในลักษณะขบวนการยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวด้วย ดังตัวอย่างของประเทศไทย ในช่วงเดือน ม.ค. 2568 ที่ดาราหนุ่มชาวจีน หวังซิง (หรือซิงซิง) ถูกล่อลวงโดยอ้างว่ามีงานในไทย ก่อนถูกพาตัวข้ามชายแดนไปยังประเทศเมียนมา ในบริเวณที่เป็นฐานปฏิบัติการของมิจฉาชีพ สร้างความไม่มั่นใจให้กับชาวจีน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนอันเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักที่เดินทางมาไทยลดลง เนื่องจากไทยถูกมองว่าเป็น“ทางผ่าน” ของเส้นทางการค้ามนุษย์
ไม่ต่างจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา การถูกนานาชาติระบุว่าเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มมิจฉาชีพฉ้อโกงทางโทรคมนาคม ซึ่งเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ ล่อลวงผู้คนไปกักขังและบังคับให้เข้าออนไลน์หลอกลวงเหยื่อ ยิ่งทำให้ชาวต่างชาติไม่กล้าไปเยือนแพราะกังวลความปลอดภัย มีคำเตือนเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะล่าสุดที่ผุ้ประกอบการท่องเที่ยวในกัมพูชาถึงกับต้องประท้วงเกาหลีใต้ เมื่อทางการเกาหลีใต้ออกคำเตือนประชาชนในการเดินทางไปกัมพูชา รวมถึงสั่งห้ามเข้าไปในบางเมือง หลังชาวเกาหลีใต้ถูกลักพาตัวและทรมานจนเสียชีวิตในกัมพูชา

ที่มา : ThaiPBS
– ทางการไทยทำอะไรบ้าง? : นอกจากการจับกุมผู้กระทำผิดและยึดของกลางที่เกี่ยวข้อง เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องกระจายสัญญาณ (Sim Box)สำหรับใส่และใช้งานซิมการ์ดโทรศัพท์เพื่อโทรศัพท์หรือส่ง SMS ได้ทีละมากๆ ที่ปรากฏในข่าวเป็นระยะๆ แล้ว ยังมีการออก พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ให้อำนาจธนาคารสามารถระงับบัญชีที่มีเจ้าทุกข์แจ้งว่าหลงเชื่อโอนเงินไป จากเดิมที่เจ้าทุกข์จะต้องไปแจ้งความก่อน หวังสกัดไม่ให้เงินถูกโอนถ่ายเป็นทอดๆ อย่างรวดเร็ว
รวมถึงการกำหนดโทษผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารและซิมโทรศัพท์มือถือให้ผู้อื่นนำไปใช้กระทำความผิด (บัญชีม้า – ซิมม้า) โดยมีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 300,000 บาท และมีการจับกุมดำเนินคดีในข้อหานี้อย่างต่อเนื่อง โดยรายงานของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระบุว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา สามารถระงับบัญชีม้าได้ถึง 1,660,000 บัญชีและจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับบัญชีม้าได้ 2,495 ราย
ต่อมามีการออกกฎหมายเพิ่มเติม คือ พ.ร.ก. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ครอบคลุมไปถึงผู้ให้บริการระบบการชำระเงินและผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ และสถาบันการเงินต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าปฏิบัติตามมาตรฐานหรือมาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตามที่กำหนด
อีกทั้งยังยกฐานะของศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) ที่สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้มีสถานะเป็นศูนย์ปฏิบัติการตามกฎหมาย (Operation Center) และให้สามารถบริหารจัดการกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2568 มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีกับ 15 หน่วยงาน เดินหน้าปฏิบัติการเชิงลึก 5 ด้านหลัก
ได้แก่ 1.การบังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาดไม่ว่าจะเป็นผู้กระทำความผิดหรือผู้สนับสนุนอยู่ข้างหลัง 2.การสร้างระบบประสานงานแบบบูรณาการเชื่อมโยงข่าวกรองและการสืบสวน 3.การยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทันทีตัดเส้นทางการเงินอาชญากรไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานฟอกเงินได้อีกต่อไป 4.ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและ AI ในการตรวจจับเส้นทางเงินของมิจฉาชีพเพื่อสกัดก่อนที่จะเกิดเหตุ และ 5.การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนให้มีความรู้เท่าทัน

ที่มา : แนวหน้า
– อะไรบ้างที่ควรทำเพิ่มเติม : ที่ผ่านมามีข้อเสนอจากหลายฝ่าย เช่น กัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคเป็นธรรม ในบทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ประชาไท วันที่ 22 ต.ค. 2568 ตั้งข้อสังเกตกรณีฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งประเทศเมียนมา ว่า ไทยยังคงถูกใช้เป็นทางผ่านเหมือนเดิม เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ง่ายที่สุดเมื่อเทียบกับเส้นทางอื่นๆ โดยยังคงมีการใช้วิธีการเดิมๆ คือการเข้ามาโดย Free VISA ก่อนพาไปยังชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก และข้ามฝั่งไปเมืองเมียวดีของเมียนมา อย่างไรก็ตาม ระยะหลังๆ ฝ่ายความมั่นคงของไทยในพื้นที่ อ.แม่สอด คุมเข้มมากขึ้นหากเป็นการเดินทางของชาวต่างชาติ ทำให้เหยื่อที่พบมักจะเป็นคนไทย
กัณวีร์ เสนอแนะว่า 1.ตัดผู้บงการและสมุน ต้องสืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับคนกลุ่มนี้ให้ได้ 2.ตัดเส้นทางการเงิน เพราะองค์กรหลอกลวงเหล่านี้อยู่ได้ด้วยเงิน 3.ตัดบุคลากร ต้องไม่ให้มีขบวนการค้ามนุษย์นำพาคนข้ามแดน และ 4.ตัดสถานประกอบการ ซึ่งเรื่องนี้ทำยากเพราะฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่นอกเขตอำนาจอธิปไตยของไทย แต่ในบางกรณีรัฐไทยก็ต้องกล้าทำงานเชิงรุก เช่น เจรจากับกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ปกครองพื้นที่ในเมียนมา จะทำกิจการโรงแรมหรือกาสิโนก็ทำไป แต่ห้ามปล่อยให้ตั้งฐานหลอกลวงโดยเด็ดขาด
โดย สส. พรรคเป็นธรรม ขยายความในส่วนนี้ว่า ตนเคยไปพูดคุยกับกองกำลังกลุ่ม DKBA และ BGFได้รับข้อมูลว่า กองกำลังดังกล่าวให้กลุ่มทุนเช่าพื้นที่ 90 ปี โดยไม่มีเงื่อนไขอะไร ไม่ได้เข้าไปยุ่ง นี่จึงเป็นสิ่งที่ไทยต้องเข้าไปบอกว่าอะไรทำได้- ไม่ได้ และกองกำลังติดอาวุธในฐานะเจ้าของพื้นที่ก็สามารถบอกกับกลุ่มทุนที่มาเช่าพื้นที่ได้ หากไม่ยอมทำตาม ไทยอาจใช้มาตรการการค้าชายแดนกดดัน เพราะว่าการค้าตลอดแนวไทย-เมียนมา กว่า 2,400 กม. มีมูลค่าสูงถึง 300,000 ล้านบาทต่อปี
“ยุทธวิธีของไทยคือการขอความร่วมมือเป็นหลัก เพราะเขาเป็นเจ้าของพื้นที่ ขอความร่วมมือเสร็จ กองกำลังเหล่านี้ต้องไปปราบและกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ได้ ถ้าเขามาเปิดในพื้นที่ของคุณ ก็ต้องจับ และถ้าสมมติว่าสอบสวนจนได้ข้อเท็จจริงว่าใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ก็ให้ส่งให้ฝ่ายความมั่นคงของไทยขยายผลการจับกุม และสอบสวนต่อ หากไม่ได้ก็ต้องมีมาตรการกดดัน” กัณวีร์ กล่าว
ขณะที่รายงานของ The Standard วันที่ 17 ต.ค. 2568 รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นในประเด็น “ปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย (โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดน)” ว่า คนที่อยู่แนวหน้าย่อมรู้ดีว่ารถขนคนจำนวนมากจากเอเชียใต้หรือแอฟริกาไม่อาจผ่านด่านได้หากไม่มีการอำนวยความสะดวกบางอย่าง คำถามคือ ผ่านไปได้อย่างไร ทั้งที่มีการตรวจคนเข้าเมืองและหน่วยความมั่นคงอยู่ตรงนั้น
“หากไทยต้องการชูบทบาทผู้นำและทำให้ทั่วโลกเข้าใจว่า ประเทศไทยเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบ ก็ต้องมีความจริงใจทางนโยบายในการจัดการเรื่องคอร์รัปชั่นอย่างเร่งด่วน เพื่อแสดงให้เห็นว่าไทยเป็นผู้เล่นที่สุจริตและพร้อมร่วมมือกับนานาชาติในการจัดการปัญหานี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่เราเองก็เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการ” รศ.ดร.ปิติ กล่าว

ที่มา : UNODC
– วาระที่อาเซียนและทั้งโลกต้องร่วมมือ : ด้วยความที่การฉ้อโกงทางโทรคมนาคม (สแกมเมอร์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์) เป็นการประกอบอาชญากรรมที่เกี่ยวพันกับหลายประเทศ เช่น องค์กรอาชญากรรมเลือกตั้งฐานปฏิบัติการในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านรอบไทย โฆษณาชวนเชื่อเรื่อง “งานสบายรายได้ดี” ให้เหยื่อหลงเชื่อ หากเป็นเหยื่อชาวต่างชาติจะอ้างว่าทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์หรืองานสำนักงานในไทย ส่วนเหยื่อที่เป็นคนไทยถูกหลอกด้วยข้ออ้างว่ามีงานบริการในโรงแรมหรือกาสิโนในประเทศเพื่อนบ้าน แต่สุดท้ายถูกพาข้ามชายแดน ถูกกักขัง ทรมานและบังคับให้เข้าร่วมในกิจการหลอกลวงเงินจากเหยื่อด้วยการโทรศัพท์หรือแพลตฟอร์มดิจิทัล
ขณะที่เหยื่อซึ่งถุกหลอกสูญเสียเงินทองจนสิ้นเนื้อประดาตัวนั้นก็มีตั้งแต่ประเทศใกล้เคียงอย่างไทย สิงคโปร์ จีน ไปจนถึงประเทศที่ห่างไกลกันคนละซีกโลกอย่างสหรัฐอเมริกาหรืออังกฤษ ถึงขั้นที่รัฐบาลประเทศดังกล่าวต้องคว่ำบาตรและระงับธุรกรรมทางการเงินของบุคคลหรือองค์กรที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมประเภทนี้ รวมถึงมีการโยกย้ายถ่ายเทเงินข้ามแดนไปฟอกอย่างซับซ้อนแต่ที่ผ่านมา การปราบปรามเหมือนสถานการณ์ “แมวจับหนู” คือเมื่อประเทศใดเอาจริง กลุ่มแก๊งเหล่านี้ก็จะย้ายฐานไปประเทศอื่น หากยังตามมาปราบปรามอีกก็ย้ายหนีย้อนกลับไปในพื้นที่แรกที่การปราบปรามเบาลง หรืออาจไปยังพื้นที่ใหม่ๆ ที่การบังคับใช้กฎหมายยังไม่เข้มแข็งนัก
ดังเช่นเมื่อช่วงต้นปี 2568 ที่ไทยตัดไฟฟ้า อินเตอร์เน็ตและน้ำมันซึ่งเชื่อมกับเมืองขายแดนของเมียนมา มีรายงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ย้ายฐานเข้าไปในกัมพูชา ต่อมาเมื่อไทยและกัมพูชาเกิดการสู้รบ มีสถานการณ์ตึงเครียดถึงขั้นปิดชายแดน ก็พบรายงานแก๊งเหล่านี้พยายามหนีกลับไปฟื้นตัวใหม่ในเมียนมา หรือบ้างก็ย้ายเข้าไปบริเวณชายแดนติดกับเวียดนาม และแม้กระทั่งในประเทศสมาชิกล่าสุดของอาเซียนอย่างติมอร์ – เลสเต (ติมอร์ตะวันออก)ก็มีรายงานพบร่องรอยปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นกัน
กัณวีร์ สส.จากพรรคเป็นธรรม กล่าวว่า ไทยต้องสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศ รัฐบาลต้องมีแถลงการณ์หรือประกาศอย่างชัดเจนว่าจะปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ และดึงตัวแทนจากองค์กรระหว่างประเทศมาทำงานร่วมกัน เช่น สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) สามารถให้ความรู้ทางการไทยเรื่องการประเมินสถานการณ์ และเชื่อมต่อทางการไทยและประเทศอื่นๆ ต่อยอดความร่วมมือได้ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ที่ให้ความสำคัญเรื่องขบวนการนำพาคนข้ามแดน และให้ความรู้ว่าจะมีวิธีการป้องกันเรื่องเหล่านี้ หรือตำรวจสากล (Interpol) ในการช่วยเหลือทางด้านการสืบสวนสอบสวน และออกหมายจับผู้บงการ

ที่มา : แนวหน้า
หรือย้อนไปในช่วงที่มีปฏิบัติการตัดไฟฟ้า อินเตอร์เน็ตและน้ำมันซึ่งเชื่อมกับเมืองขายแดนของเมียนมา ซึ่งจีนก็เข้ามามีบทบาทสำคัญร่วมด้วย ศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี อาจารย์ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์ของ The Matter เผยแพร่วันที่ 20 ก.พ. 2568 ว่า ไทยควรที่จะมีข้อเสนอไปยังรัฐบาลจีน ให้มีมาตรการซึ่งมีประสิทธิภาพ มีมาตรการในการกดดันตัวละครสำคัญหรืออาชญากร หรือมีเป้าหมายที่จะทำลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่เป็นระบบมากกว่านี้โดยตั้งข้อสังเกตว่า บุคคลระดับ “บอสใหญ่” หลายรายในอาณาจักรสแกมเมอร์ไม่ได้ถูกทางการจีนคว่ำบาตร
ส่วนท่าทีของอาเซียน มีเพียงแถลงการณ์กว้างๆ ว่าจะร่วมมือกันในการหยุดยั้งอาชญากรรมข้ามชาติแต่ยังไม่เห็นอะไรเป็นรูปธรรม เช่น จะตัดตอนการค้ามนุษย์นำคนมาเป็นแรงงานในฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างไร นั่นหมายความว่า มาตรการในการตรวจคนเข้าเมืองของทุกประเทศในอาเซียนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต้องขัดขวางไม่ให้ข้ามแดนเข้าไปยังพื้นที่ตั้งฐานของแก๊งเหล่านี้ได้โดยสะดวก รวมถึงต้องการตัดตอนเส้นทางการเดินทางของการฟอกเงิน การตัดตอนตลาด หรือการทำลายตลาดมืดในการค้าข้อมูลผิดกฎหมาย
“ลูกศิษย์ (คนจีน) เล่าว่า เฟซไทม์คุยกับเพื่อนที่เมืองไทยอยู่ ผ่านไป 10 นาที มี SMS เข้ามาเลยว่า สายที่คุณกำลังคุยอยู่ไม่ปลอดภัย ผ่านไป 15 นาที คราวนี้ตำรวจโทรมาเองเลย เขาใช้อินเตอร์เน็ตของโรงแรม แน่นอนจีนเขาทำอะไรแบบนี้ได้ แต่มันสะท้อนให้เห็นว่า บริษัทโทรคมนาคมต้องลงทุนทำพวกนี้เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับลูกค้า ซึ่งนี่เป็นมาตรการที่ควรทำร่วมกันทั้งอาเซียน ในช่วงที่คุณต้องการจัดการกับแก๊งสแกมเมอร์ ถ้าไม่มีมาตรการเหล่านี้ พูดแค่ว่าเราจะร่วมมือร่วมใจกันปราบแก๊งอาชญากรรม ส่วนตัวก็รู้สึกว่าเป็นแค่แถลงการณ์”ศ.ดร.ปิ่นแก้ว กล่าว

– “แพลตฟอร์มโซเชียล – บิ๊กเทค” ต้องรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่านี้ : น่าจะเป็นประเด็นท้าทายที่สุดแล้วเพราะปัจจุบันหากไม่นับประเทศอย่างจีนที่มีระบบนิเวศแบบปิดซึ่งรัฐสามารถควบคุมกระแสได้ทั้งการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ประเทศอื่นๆ ทั่วไป บริษัทใหญ่ๆ ผู้ให้บริการเทคโนโลยีล้ำๆ ตลอดจนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ค่อนข้างมีอิทธิพลในด้านต่างๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ จนรัฐยากจะควบคุม แม้กระทั่งในสหรัฐอเมริกา ประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของทุนใหญ่กลุ่มนี้ก็ตาม
ดังตัวอย่างของ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Tesla , SpaceX รวมถึงแพลตฟอร์มโซเชียลอย่าง X (ทวิตเตอร์เดิม) ถูกฝ่ายการเมืองในสหรัฐฯ จับตามองอย่างต่อเนื่องกรณี “Starlink” บริการอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ถูกนำไปใช้โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งฐานปฏิบัติการในเมียนมา โดยเริ่มมีรายงานตั้งแต่ช่วงต้นปี 2568 หลังไทยตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมต่อกับเมืองชายแดนของเมียนมา อย่างไรก็ตาม ทาง SpaceX ได้ออกมายืนยันเมื่อเดือน ต.ค. 2568 ว่าระงับการให้บริการอุปกรณ์ Starlink ที่ศูนย์หลอกลวงในเมียนมาใช้ไปแล้วมากกว่า 2,500 เครื่องท่ามกลางการสอบสวน อีลอน มัสก์ โดยสภาคองเกรสของสหรัฐฯ
รวมถึงล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย. 2568 สื่อหลายสำนักรายงานโดยอ้างสำนักข่าวรอยเตอร์ กรณีเอกสารภายในของ “Meta” บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook และ Instagram ประเมินรายได้ปี 2567 ว่าร้อยละ 10 หรือราว 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 5.9 แสนล้านบาท) มาจากโฆษณาที่เข้าข่ายหลอกลวงหรือสิ่งผิดกฎหมาย เช่น การลงทุนปลอม การพนันออนไลน์ ยาและสินค้าต้องห้าม นอกจากนั้น ผู้ใช้แพลตฟอร์มของ Meta ต้องเผชิญกับการเห็นโฆษณาหลอกลวงมากถึง 1.5 หมื่นล้านรายการต่อวัน ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูง แต่ระบบตรวจสอบของบริษัทกลับไม่สามารถจัดการได้อย่างทั่วถึง
อีกทั้งบางส่วนในเอกสารยังชี้ว่า Meta เคยตั้งเป้าลดรายได้จากโฆษณาผิดกฎหมายจากร้อยละ 10.1 ในปี 2567 เหลือร้อยละ 7.3 ภายในสิ้นปี 2568 และค่อย ๆ ลดเหลือร้อยละ 6 ในปี 2569 ก่อนจะเหลือเพียงร้อยละ 5.8 ในปี 2570 แต่ในทางปฏิบัติ “ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการลดลงอาจช้ากว่าที่คาด เพราะแต่ละประเทศมีกฎระเบียบที่เข้มงวดไม่เท่ากัน และ Meta เองมักเน้นแก้ไขเฉพาะในตลาดที่มีแรงกดดันจากรัฐบาล”
อนึ่ง แม้ Meta จะแย้งว่าข้อมูลของรอยเตอร์นั้นเกินจริง แต่ก็ยอมรับว่ามีการหารือภายในเพื่อหาจุดสมดุลระหว่างรายได้และการบังคับใช้กฎ โดยในเอกสารระบุว่า ทีมตรวจสอบภายในปี 2568 ไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการใด ๆ ที่อาจทำให้บริษัทสูญเสียรายได้เกินร้อยละ 0.15 ของรายได้รวม หรือราว 135 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5,000 ล้านบาท) ในครึ่งปีแรกของปีดังกล่าว ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าการจำกัดเพดานเช่นนี้เป็นการสะท้อนจุดยืนของ Meta ที่ยังให้ความสำคัญกับผลกำไรเหนือความปลอดภัยของผู้ใช้
ก็ต้องตามดูกันต่อไปว่า ในเมื่ออาชญากรรมอย่าง “สแกมเมอร์ – แก๊งคอลเซ็นเตอร์” กลายเป็น “ภัยร้ายระดับโลก” ที่ไม่ว่าประเทศใดก็ล้วนเผขิญผลกระทบ นานาชาติจะสามารถร่วมมือกันอย่างจริงจังเพื่อจัดการเรื่องนี้ได้หรือไม่? ขณะที่ประเทศไทยเอง MOU ที่ 15 หน่วยงานทำร่วมกันจะส่งผลเพียงใด หรือจะเป็นอย่างที่ผ่านๆ มา ที่เห็นกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพเคลื่อนย้ายหาพื้นที่วนไป – มาเรื่อยๆ ปราบไปก็ไม่ลดลง กลายเป็นความรับรู้ที่ชาชิน!!!
-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-
อ้างอิง
https://www.voathai.com/a/chinese-actor-s-abduction-to-myanmar-sign-of-growing-diversity-of-scams-/7938234.html (เผยสแกมเมอร์ยกระดับ หลังเหตุลักพาตัวดาราจีนไปเมียนมา : VOA Thai 16 ม.ค. 2568)
https://www.matichon.co.th/region/news_5020559 (อุ้มซิงซิง กระทบเที่ยวพัทยา ผู้ประกอบการโอด ‘ตรุษจีน’ ตลาดทัวร์ซบเซา เหงากว่าที่คิด : มติชน 27 ม.ค. 2568)
https://asianews.network/safe-kingdom-cambodias-reputation-marred-by-scamming-reports/ (‘Safe’ Kingdom: Cambodia’s reputation marred by scamming reports : ANN 11 ก.ค. 2567)
https://koreajoongangdaily.joins.com/news/2025-10-14/national/socialAffairs/Hey-dont-blame-us-Cambodian-tourism-industry-officials-nonplussed-by-Korean-response-to-scam-crimes/2419831 (Hey, don’t blame us: Cambodian tourism industry, officials nonplussed by Korean response to scam crimes : Korea JoongAng Daily 16 ต.ค. 2568)
https://www.unodc.org/roseap/uploads/documents/Publications/2025/Inflection_Point_2025.pdf (Inflection Point: Global Implications of Scam Centres, Underground Banking and Illicit Online Marketplaces in Southeast Asia : UNODC)
https://www.thaipbs.or.th/news/content/325650 (มีผลแล้ว พ.ร.ก.ป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ : ThaiPBS 17 มี.ค. 2566)
https://www.senate.go.th/view/386/News/จันทราLaw/320/TH-TH (ยกระดับมาตรการรับมือภัยไซเบอร์ ด้วย พ.ร.ก. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 : วุฒิสภา 18 มิ.ย. 2568)
https://www.thairath.co.th/money/economics/thai_economics/2839863 (ถูกจับกุมรวม 2,495 ราย “ดีอี” ลุยไฟระงับบัญชีม้า 1.66 ล้านบัญชี : ไทยรัฐ 4 ก.พ. 2568)
https://www.matichon.co.th/politics/news_5444068 (นายกฯ ปธ.ลงนาม MOU ผนึก 15 หน่วยงาน ประกาศสงครามสแกมเมอร์ ลั่นถ้าไม่ได้ทำคงตายตาไม่หลับ : มติชน 6 พ.ย. 2568)
https://prachatai.com/journal/2025/10/115181 (คุยกับ ‘กัณวีร์ สืบแสง’ เมื่อสแกมเมอร์พม่ายังไม่ตาย ชูข้อเสนอ ‘4 ตัด’ ปราบขบวนการ : ประชาไท 22 ต.ค. 2568)
https://prachatai.com/journal/2025/10/115104 (เปิดกลลวงงานสบายรายได้ดี หลอกวัยรุ่นเกาหลีใต้ไปเป็นแรงงานทาส ‘สแกมเมอร์’ ในกัมพูชา : ประชาไท 17 ต.ค. 2568)
https://www.dailynews.co.th/news/2845897/ (คนไทยถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกไปเมียนมา219คน ช่วยได้แล้ว153ราย เดลินิวส์ 27 ต.ค. 2566)
https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/39/iid/205658 (ผู้ว่าฯ ตราด เผยผลการตรวจสอบคนไทยถูกหลอกไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ตามกระบวนการ NRM พบเข้าข่ายค้ามนุษย์ 2 ราย พร้อมย้ำเตือนประชาชนอย่าตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพหลอกไปทำงานต่างประเทศผิดกฎหมาย : สำนักข่าวกรมประขาสัมพันธ์ 12 ส.ค. 2566)
https://www.bbc.com/thai/articles/cr70v0nvk4xo (สหรัฐฯ คว่ำบาตรตัวบอสแก๊งสแกมเมอร์ในเมียวดี และเครือข่ายคนสนิท ฮุน เซน : BBCไทย 9 ก.ย. 2568)
https://www.naewna.com/likesara/860602 (เปิดปูม‘หม่องชิตตู’ผู้คุมกำลังBGF ร่วมเนรมิต‘ชเวโก๊กโก่’นิคมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ : แนวหน้า 11 ก.พ. 2568)
https://www.amarintv.com/news/crime/506471 (ไม่รอด! ตำรวจสกัดจับ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ายฐานจากเมียนมาสู่เขมร : อมรินทร์ทีวี 14 ก.พ. 2568)
https://www.thairath.co.th/scoop/interview/2875110 (แฉแก๊งคอลฯ ปอยเปต ย้ายคนหนีเหตุปะทะชายแดนไทยไปเวียดนาม จับขัง-ห้ามติดต่อที่บ้าน : ไทยรัฐ 6 ส.ค. 2568)
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/256980 (UN เตือนแก๊งคอลฯ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ย้ายฐานไปติมอร์ : PPTV 12 ก.ย. 2568)
https://thematter.co/social/pinkaew-laungaramsri-on-scammers/238874 (ย้อนที่มา ‘ทุนจีนสีเทา’ เข้าใจปัญหา ‘เมืองสแกมเมอร์’ กับ ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี : The Matter 20 ก.พ. 2568)
https://www.prachachat.net/world-news/news-1903214 (Starlink พัวพันคอลเซ็นเตอร์ สหรัฐ สอบอีลอน มัสก์ คดีฉาว “เมียนมา-ไทย” : ประชาชาติ 17 ต.ค. 2568
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2890779 (SpaceX ระงับบริการอุปกรณ์ Starlink ในเมียนมากว่า 2,500 เครื่อง : ไทยรัฐ 22 ต.ค. 2568)
https://www.thaipbs.or.th/news/content/358316 (เอกสารลับเผย Meta ทำเงิน 1.6 หมื่นล้านเหรียญจาก “โฆษณาผิดกฎหมาย” : ThaiPBS 7 พ.ย. 2568)
