‘โพสต์เก่าวนซ้ำก็ยังมี-AIทำเนียนก็เริ่มมา’ 10รายงานตรวจสอบประจำปี2568โดยโคแฟค
By : Zhang Taehun

เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของปี 2568 หรือ 2025 กันแล้ว ซึ่งในช่วงส่งท้ายปีแบบนี้บรรดาสื่อต่างๆ ก็มักจะรวบรวม “เรื่องเด่นประจำปี” มานำเสนอ แน่นอนว่าโคแฟคเราก็เช่นกัน ตลอดทั้งปีที่ผ่านมาได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในหลากหลายหัวข้อทั้งสุขภาพ การเมือง เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และโดยเฉพาะเรื่องร้อนๆ อย่างความขัดแย้งที่กลายเป็นการสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา คัดมานำเสนอ 10 เรื่อง ดังนี้

1.ข่าวลวงวนซ้ำ “มะนาวรักษามะเร็ง” (รอบที่เท่าไรแล้วไม่รู้) : ภาคีโคแฟค (ประเทศไทย) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2563 จุดเริ่มต้นคือการตรวจสอบข่าวลวงด้านสุขภาพ และหนึ่งในข่าวลวงที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ “มะนาวรักษามะเร็ง” เพราะแม้จะมีผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาเตือนหลายต่อหลายครั้งว่า “ไม่จริง” ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าน้ำมะนาวจะใช้รักษาโรคมะเร็งได้ แม้น้ำมะนาวหากดื่มในปริมาณที่เหมาะสมจะมีประโยชน์ทำให้ชุ่มคอ บรรเทาอาการเจ็บคอและอุดมด้วยวิตามินซีก็ตาม แต่ข่าวลวงนี้ก็ยังถูกแชร์วนซ้ำอยู่ในพื้นที่ออนไลน์
อย่างล่าสุดเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ย. – ต้นเดือน ต.ค. 2568 ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กจำนวนมากโพสต์ข้อความแนะนำให้ทำน้ำด่างหรือน้ำผสมมะนาวดื่มเนื่องจากน้ำด่างช่วยขจัดเชื้อโรคในร่างกาย และมะนาวมีฤทธิ์ทำลายมะเร็งเนื้อร้ายที่รุนแรงถึง 12 ชนิด แถมยังอ้างว่าเป็นคำแนะนำของ ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อีกต่างหาก อย่างไรก็ตาม วันที่ 20 ต.ค. 2568 โคแฟคได้รับคำยืนยันจาก ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ว่าไม่ได้เป็นผู้เขียนบทความนี้และถูกนำชื่อไปแอบอ้าง

2.น้ำขวดแจกฟรีตามปั๊มน้ำมันเป็นอันตราย..ห้ามดื่ม : เป็นอีกข่าวที่มีการแชร์วนเป็นระยะๆ ว่าด้วยอันตรายจากน้ำดื่มแจกฟรีตามปั๊มน้ำมันเมื่อเราๆ ท่านๆ ขับรถเข้าไปเติมน้ำมันจนถึงราคาตามที่แต่ละปั๊มกำหนด ซึ่งในรายการ “รวมพลคนเช็กข่าว” อันเป็นความร่วมมือระหว่างโคแฟคกับ Ubon Connect แขกรับเชิญประจำวันที่ 20 พ.ค. 2568 รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงคลิปที่ระบุว่าขวดน้ำพลาสติกมีรูพรุนขนาดเล็ก ที่มองไม่เห็น อาจทำให้สารเคมี ฝุ่น หรือเชื้อโรคซึมเข้าไปได้เมื่อขวดถูกความร้อน ว่า
ขวดน้ำดื่มส่วนใหญ่ผลิตจากพลาสติก PET (Polyethylene Terephthalate) ซึ่งมีความหนาแน่นสูง รูพรุนขนาดเล็ก (ประมาณ 2 นาโนเมตร) มีจริง แต่เล็กมากจนสารเคมี เช่น ไอระเหยน้ำมัน หรือเชื้อแบคทีเรีย (ขนาดใหญ่กว่ารูพรุนมาก) ซึมผ่านได้ยากและช้ามาก การที่น้ำในขวดจะปนเปื้อนจนเป็นอันตรายจึงแทบเป็นไปไม่ได้ในสภาวะปกติ ส่วนคลิปที่อ้างว่าน้ำดื่มที่ตากแดดในปั๊มน้ำมันอาจปล่อยสารเคมี เช่น BPA, Phthalates หรือสารก่อมะเร็ง เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง
“ขวด PET มีโครงสร้างโมเลกุลที่เสถียร สารเคมีเหล่านี้ไม่หลุดออกมาง่ายๆ แม้ขวดจะถูกความร้อนที่ 40-60 องศาเซลเซียส (เช่น ในรถยนต์ที่จอดตากแดด) การวิจัยจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และงานศึกษาในต่างประเทศ (เช่น อังกฤษ ปี 2012) พบว่า ต้องใช้ความร้อนสูงถึง 60 องศาเซลเซียสนาน 11 เดือน จึงจะมีสารเคมีหลุดออกมาในปริมาณที่เกินมาตรฐาน ซึ่งในชีวิตประจำวันแทบเป็นไปไม่ได้” รศ.ดร.เจษฎา ระบุ

3.คลิปชุมนุมที่แยกอโศก ปี 2566 ถูกอ้างชุมนุมต้านกาสิโน ปี 2568 : ช่วงเดือน ก.ย. 2566 – ส.ค. 2568 อันเป็น
ช่วงเวลาที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล หนึ่งในนโยบายที่มีกระแสต่อต้านมากที่สุดคือ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex)” หรือสถานบันเทิงครบวงจร เพราะอนุญาตให้มี “กาสิโน” หรือสถานที่เล่นการพนันอย่างถูกกฎหมาย การแสดงจุดยืนคัดค้านมีตั้งแต่วงเสวนาวิชาการไปจนถึงการชุมนุมประท้วงบนท้องถนน
อย่างไรก็ตาม วันที่ 7 เม.ย. 2568 มีผู้โพสต์คลิปวีดิโอบนแพลตฟอร์ม TikTok ระบุว่า “การชุมนุมวันนี้ที่อโศก” แต่ไม่ได้บอกว่าชุมนุมเรื่องอะไร ทำให้ผู้เข้ามาชมคลิปจำนวนมากต่างแสดงความคิดเห็นโดยเข้าใจไปว่าเป็นการชุมนุมต้านกาสิโนหรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า คลิปดังกล่าวเป็นคลิปเก่า โดยเป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2566 เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาทั้ง สว. และ สส. โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 ไม่ใช่การชุมนุมคัดค้านกาสิโนแต่อย่างใด

4.ภาพแนะนำตัวของ ‘ไอซ์ – รักชนก’ ถูกบิดเบือนว่าเป็นภาพถือป้ายจะเอาทหารหรือพรรคประชาชน : หากไม่นับบรรดาแกนนำตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล มาจนถึงพรรคประชาชน ก็ต้องบอกว่า ‘ไอซ์ – รักชนก’ ถือเป็นนักการเมืองระดับ ‘ตัวตึง’ เบอร์ต้นๆ ของกลุ่มพรรคสีส้ม ด้วยลีลาปราศรัยทั้งการอภิปรายในสภาและการเคลื่อนไหวนอกสภาแบบดุเด็ดเผ็ดร้อน ซึ่งอีกมุมหนึ่งก็ทำให้กลายเป็นเป้าถูกโจมตีทางการเมืองไปด้วย
ตัวอย่างหนึ่งคือช่วงปลายเดือน ต.ค. – ต้นเดือน พ.ย. 2568 จู่ๆ โลกออนไลน์ก็มีการแชร์ภาพของ ไอซ์ – รักชนก ถือป้ายกระดาษสีขาว มีข้อความเขียนว่า “คุณคิดว่าประเทศชาติ ต้องการทหารหรือพรรคประชาชน” ภาพนี้กระจายอย่างมากในเพจและกลุ่มเฟซบุ๊กของผู้ที่มีทัศนคติทางการเมืองตรงข้ามกับพรรคสีส้ม อย่างไรก็ตาม “ข้อความดังกล่าวเป็นของปลอมที่ถูกตัดต่อขึ้น”
โดยทีมงานโคแฟคได้ค้นหาแล้วไปพบว่า ภาพต้นฉบับของเจ้าตัวถูกโพสต์ไว้ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. 2565 และข้อความในภาพต้นฉบับคือ “รักชนก ศรีนอก เขต 26 กทม.” เป็นการแนะนำตัวเนื่องจากกำลังจะลงสมัคร สส. แบบแบ่งเขต สังกัดพรรคก้าวไกลในเวลานั้น อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ “การตัดต่อภาพครั้งนี้ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)”ไม่ใช่เทคนิคหรือโปรแกรมตัดต่อภาพแบบดั้งเดิม โดยที่มุมขวาล่างจะเห็นโลโก้ที่เป็นสัญลักษณ์ของ Gemini อันเป็นโปรแกรม AI ของ Google สะท้อนข้อกังวลว่า “AI อาจถูกใช้ในการสร้างเรื่องบิดเบือนมากขึ้นและทำได้แนบเนียนขึ้น” ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจออกเสียงเลือกตั้งของประชาชน

5.คลิป “รถไฟลุยน้ำท่วมหาดใหญ่” เมื่อเหตุการณ์จริงถูกผสมกับของปลอม : ช่วงปลายเดือน พ.ย. 2568 ชาว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ต้องเผชิญเหตุอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ และในช่วงเวลาที่เกิดภัยพิบัติ ข่าวลือ – ข่าวลวงก็มักจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กันด้วย อย่างคลิปหนึ่งที่ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2568 ช่วงแรกเป็นภาพขบวนรถไฟวิ่งฝ่าน้ำท่วมท่ามกลางฝนตกหนัก ขณะที่ช่วงหลังเป็นสภาพเมืองที่ถูกน้ำท่วมสูง
อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่ามีทั้งที่จริงและเท็จ โดยส่วนที่เป็นเท็จคือภาพรถไฟวิ่งฝ่าน้ำท่วมและฝนตกหนัก ซึ่งเคยมีผู้โพสต์ไว้ตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. 2568 หรือก่อนหน้าน้ำท่วมใหญ่ที่ อ.หาดใหญ่ เกือบ 2 เดือน และยังมีผู้โพสต์อีกครั้งวันที่ 16 พ.ย. 2568 หรือ 5 วันก่อนถึงวันที่ 21 พ.ย. 2568 ที่เริ่มมีรายงานสถานการณ์น้ำท่วมใน อ.หาดใหญ่ อีกทั้งครั้งนี้ผู้โพสต์ยังติดป้ายเตือนว่าเป็นเนื้อหาที่สร้างจาก AI ไว้ด้วย รวมถึงเมื่อนำภาพไปตรวจสอบกับเว็บไซต์ 3 แห่งที่รับตรวจภาพว่าสร้างด้วย AI หรือไม่ ค่าเฉลี่ยยังชี้ความเป็นไปได้อยู่ที่ราว 70 – 80% ว่าคลิปน่าจะถูกสร้างขึ้นด้วย AI
ในขณะที่ภาพน้ำท่วมในเมืองเป็นเหตุการณ์จริงเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2568 โดยเป็นภาพบริเวณร้านอาหาร “ฮัจยีสัน” ตั้งอยู่บริเวณข้างโรงพยาบาลหาดใหญ่ จุดเชื่อมระหว่างถนนนิพัทธ์สงเคราะห์ 1 ซอย 5 กับถนนรัถการ โดยเหตุที่ผู้เขียนเลือกคลิปนี้มาติด 1 ใน 10 รายงานข่าวลวงแห่งปีของโคแฟค เพราะ “ระยะหลังๆ ข่าวลวงเรื่องภัยพิบัติในรูปแบบคลิปวิดีโอ พบหลายชิ้นมีการนำคลิปจากหลากหลายเหตุการณ์ ต่างสถานที่และเวลามาตัดต่อรวมกัน รวมถึงตัดต่อผสมกันระหว่างคลิปเหตุการณ์จริงกับคลิปที่สร้างด้วย AI” ทำให้คนทำงาน Fact – Checking ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบมากขึ้นในการตรวจสอบ

6.ยาดมเสี่ยงเชื้อราจริงไหม? : ย้อนไปในวันที่ 24 มิ.ย. 2568 รายการ ‘รวมพลคนเช็กข่าว’ ได้เชิญ ผศ.ดร.พัชรีกัมมารเจษฎากูล ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยาคลินิกจากคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ มาให้ความรู้ สืบเนื่องจากช่วงเวลานั้นมีการแชร์ข้อมูลบนโลกออนไลน์ว่า ยาดมสมุนไพรแบบกระปุกที่หลายคนใช้เป็นประจำอาจมีการปนเปื้อนเชื้อรา โดยมีผู้ป่วยบางรายพบเชื้อราในปอดและสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับยาดม หลังตรวจพบคราบสีดำที่ก้นกระปุกยาดม
ซึ่ง ผศ.ดร.พัชรี เล่าถึงงานวิจัยที่เก็บตัวอย่างยาดมสมุนไพรจากแหล่งผลิตและร้านค้าทั่วไป รวมถึงยี่ห้อที่วางจำหน่าย แบ่งยาดมออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่1.ยาดมแบบแห้ง (เช่น ยาดมสมุนไพรแบบผง) 2.ยาดมแบบน้ำมัน (เช่น ยาดมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย) และ 3.ยาดมแบบผสม (ผสมทั้งแบบแห้งและน้ำมัน) แล้วพบว่า “ยาดมแบบแห้ง มีการปนเปื้อนเชื้อรามากที่สุด” เนื่องจากส่วนผสมที่เป็นสมุนไพรแห้งมีโอกาสดูดซับความชื้น ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา
อีกทั้งยังแนะนำสำหรับผู้ที่ชอบใช้ยาดมด้วยว่า 1.เลือกยาดมที่มีเลขทะเบียนยา และตรวจสอบวันหมดอายุ รวมถึงสภาพบรรจุภัณฑ์ว่าสะอาด ไม่รั่วหรือแตก 2.สังเกตความผิดปกติ เช่น กลิ่นแปลก เนื้อสมุนไพรเปื่อยยุ่ย หรือมีคราบสีดำ หากพบให้หยุดใช้ทันที 3.หลีกเลี่ยงการจ่อยาดมใกล้จมูกเกินไป เพื่อลดโอกาสสูดดมเชื้อราหรือสารปนเปื้อน4.ปิดฝาให้สนิทหลังใช้ เพื่อป้องกันความชื้นและการปนเปื้อน
5.กลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีภูมิแพ้ โรคโพรงจมูกอักเสบ หรือภูมิคุ้มกันต่ำ ควรระวังเป็นพิเศษและปรึกษาแพทย์หากมีอาการผิดปกติหลังใช้ยาดม ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ และ 6.หากมีอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ระคายเคือง หรือแสบจมูก ควรหยุดใช้
ผ่านมาราว 4 เดือน ในวันที่ 17 ต.ค. 2568 มีการแชร์ข้อมูลกันในกลุ่ม ‘Thai Community in Perth Western Australia’ ว่า สนามบินเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย ไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารนำยาดมแบบกระปุกเข้าประเทศ โดยอนุญาตเฉพาะยาดมแบบน้ำหรือน้ำมันเท่านั้น ขณะที่บางความเห็นตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะยาดมกระปุกเป็นยาดมแบบแห้ง ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นเชื้อรา
ประเด็นนี้ทีมงานโคแฟคได้สอบถามไปยังกระทรวงเกษตร ประมง และป่าไม้ของออสเตรเลีย (DAFF) และได้รับคำชี้แจงในวันที่ 28 ต.ค. 2568 ว่า ยาดมสมุนไพรแบบแห้งจากประเทศไทยนั้นจัดอยู่ในผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องหอม ดอกไม้แห้ง และสมุนไพรแห้ง (Potpourri) ซึ่งมีส่วนประกอบของเมล็ดพันธุ์ ฝัก และส่วนอื่น ๆ ของพืชซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงทางชีวภาพสูง ผู้โดยสารที่นำยาดมสมุนไพรแบบแห้งติดตัวมาด้วยจะต้องสำแดงเพื่อให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรของทุกสนามบินในออสเตรเลียตรวจสอบ
อนึ่ง ในวันที่ 28 ต.ค. 2568 เช่นกัน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เผยแพร่ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่องผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์สมุนไพร (ยาดมผสมสมุนไพร ตราหงส์ไทย สูตร 2 เลขทะเบียนที่ G 309/62 รุ่นการผลิตที่ 000332) เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2568 ระบุว่าพบการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ ยีสต์ และเชื้อราเกินมาตรฐาน พร้อมแนะประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ในรุ่นการผลิตที่ตรวจพบการปนเปื้อน โดยทางหงส์ไทยได้แถลงขอโทษพร้อมประกาศเรียกคืนสินค้าล็อตที่มีปัญหาดังกล่าว

7.เพจดังโพสต์แนะนำชาวกัมพูชาถึงวิธีปฐมพยาบาลหากถูกแก๊สน้ำตา..แต่เป็นวิธีที่ผิดและเป็นอันตราย : ย้อนไปเมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2568 เพจเฟซบุ๊ก “โม่งดำ-Black Hood Operator” ซึ่งเป็นเพจของผู้สนใจกีฬายิงปืนและยุทธวิธีทางการทหาร-ตำรวจ มีผู้ติดตามเกือบ 2 แสนราย โพสต์ข้อความภาษาไทยและภาษาเขมรเรื่อง “วิธีการปฐมพยาบาลเมื่อถูกแก๊สน้ำตา” โดยอ้างว่าให้ใช้สารที่เป็นกรด เช่น น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำส้มสายชู น้ำยาล้างจานหยอดที่บริเวณดวงตาเพื่อช่วยลดอาการแสบร้อน
โพสต์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากวันที่ 17 ก.ย. 2568 ซึ่งมีเหตุการณ์ตำรวจควบคุมฝูงชนของไทยใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางควบคุมผู้ชุมนุมชาวกัมพูชาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้วอย่างไรก็ตาม นั่นเป็นวิธีที่ผิดและเป็นอันตราย ส่วนวิธีการที่ถูกต้องซึ่ง สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เคยเผยแพร่ไว้ คือ 1.นำผู้ถูกแก๊สน้ำตาออกมาอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก 2.หากถูกผิวหนัง ควรถอดเสื้อผ้าออก จากนั้นให้ล้างตัวด้วยน้ำประปาหรือน้ำสะอาด โดยให้น้ำไหลผ่านจำนวนมากอย่างน้อย 10-15 นาที
3.หากมีการระคายเคืองตา ถ้าใส่คอนแทคเลนส์อยู่ ต้องถอดออกก่อน แล้วจึงล้างตาด้วยน้ำประปาหรือน้ำสะอาด โดยเอียงหน้าเทน้ำล้างให้ไหลจากหว่างคิ้วไปทางหางตา นานอย่างน้อย 10-15 นาที และ 4.บ้วนปากหลายครั้งด้วยน้ำสะอาด หลังจากนั้นสามารถดื่มน้ำหากรู้สึกระคายคอ และเหตุที่เลือกข่าวนี้มาอยู่ใน 10 ประเด็นข่าวลวงแห่งปี แม้จะเป็นเรื่องที่มีเจตนาล้อเล่นหรือสร้างความตลกขบขัน แต่การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเช่นนี้สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความสับสนและเข้าใจผิด ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและชีวิตหากมีผู้หลงเชื่อ
อีกทั้งก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2568 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการสร้างข่าวปลอม ข้อมูลลวง และข้อมูลอันเป็นเท็จทุกรูปแบบที่นำไปสู่การยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชัง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการเจรจาทางการทูตและการสร้างความร่วมมือในการแก้ปัญหาด้านความมั่นคงบริเวณชายแดน โดยขอให้ประชาชนรับและส่งต่อข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติ ตรวจสอบข้อมูลที่อาจเป็นเท็จทุกครั้ง ใช้สื่อทุกแพลตฟอร์มอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน

8.เพจเฟซบุ๊กอ้างคำพูด “ปณิธาน วัฒนายากร”บอกว่ามีนักรบรับจ้างชาวอเมริกันเข้าไปช่วยทหารกัมพูชาบังคับโดรนสู้รบกับทหารไทย : ความขัดแย้งไทย – กัมพูชา ซึ่งสถานการณ์ตึงเครียดมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือน พ.ค. 2568 จากการปะทะเล็กๆ ที่ช่องบก ตามด้วยมาตรการจำกัดการเดินทางข้ามแดนทางบกของทั้ง 2 ฝ่าย ก่อนเกิดการสู้รบกินเวลา 5 วัน ระหว่างวันที่ 24 – 28 ก.ค. 2568 จากนั้นเป็นช่วงเวลาหยุดยิง กระทั่งเกิดการสู้รบกันอีกครั้งตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 7 ธ.ค. 2568 เป็นต้นมา ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเพียงความขัดแย้งของ 2 ประเทศเพื่อนบ้าน แต่มีความเชื่อว่าอาจเชื่อมโยงกับประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ ว่าเป็นสงครามตัวแทนระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐอเมริกา
และเมื่อเชื่อไปแล้วว่าสมรภูมิไทย – กัมพุชาแอบแฝงการประลองกำลังของมหาอำนาจไว้ด้วย ก็จะมีความพยายามมองหาอะไรก็ตามที่สนับสนุนความเชื่อนั้น ซึ่งรวมถึง “ทหารรับจ้าง” หรือผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศที่รับงาน – รับเงินเข้าไปสนับสนุนทางยุทธวิธีรวมถึงร่วมรบไปกับกองกำลังท้องถิ่นด้วย ดังตัวอย่างที่มีเพจเฟซบุ๊กบางแห่งอ้างคำพูดของ รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง อดีตอาจารย์ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ระบุว่า มีนักรบรับจ้างชาวอเมริกันช่วยกัมพูชาสู้กับไทย
อย่างไรก็ตาม ทีมงานโคแฟคตรวจสอบแล้ว พบว่า เพจเหล่านั้นโพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2568 เมื่อลองนำข้อความไปค้นหา ที่ใกล้เคียงที่สุดคือกรณี รศ.ดร.ปณิธาน ไปให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Top News เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2568 แต่เมื่อฟังดูทั้งคลิปตลอดความยาว 19.06 นาที (ชื่อคลิป “อ.ปณิธานเชื่อ ปะทะครั้งนี้อาจมี ‘นักรบรับจ้างต่างชาติ’ ร่วม ชี้ไทยยังไม่กล้าถล่มลึกถึงฐานใหญ่เขมร”) แม้จะมีบางช่วงกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะมีผู้เชี่ยวชาญต่างชาติเข้าไปสนับสนุนปฏิบัติการด้วยโดรนของทหารกัมพูชา แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถึงทหารรับจ้างชาวอเมริกัน
รวมถึงเมื่อได้โทรศัพท์ไปสอบถาม อาจารย์ปณิธานก็ยืนยันอีกครั้งว่า “ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ ตนเองไม่เคยระบุสัญชาติของนักรบรับจ้างหรือผู้เชี่ยวชาญที่เข้าไปบังคับโดรนในกัมพูชา” แต่อาจเป็นการตีความหรือขยายความเพิ่มเติมจากเพจเฟซบุ๊กที่นำคำให้สัมภาษณ์ไปเผยแพร่ต่อ

9.โพสต์ปั่น “กัน จอมพลัง” ล้อเลียนเกินเลยจนเข้าข่ายสร้างข่าวลวง : ช่วงกลางถึงปลายเดือยเดือน ต.ค. 2568 ชื่อของ “กัน จอมพลัง” อินฟลูเอนเซอร์ชาวไทยได้รับความสนใจจากสื่อต่อเนื่องหลายวัน ซึ่งด้านหนึ่งได้รับเสียงสนับสนุนในเรื่องการระดมทุนบริจาคไปช่วยเหลือสังคม รวมถึงช่วยเหลือทหารหน้าแนวในสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา แต่อีกด้านหนึ่งก็ถูกตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการบริหารจัดการองค์กร รวมถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ในขณะนั้น) ซึ่งเชื่อมโยงกับการได้รับสัญญาจ้างงานแบบเจาะจงในกระทรวงเกษตรฯ
ช่วงเวลานั้นได้มีปรากฏการณ์ “สารพัดคนดังทั่วโลกร่วมชื่นชมและสนับสนุนกัน จอมพลัง” ภาพบุคคลสำคัญมากมายทั้งนักการเมือง ดารา ไปจนถึงตัวละครในสื่อบันเทิง มามอบเงินบริจาคให้กับอินฟลูฯ รายนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เห็นแล้วก็ดูออกกันง่ายๆ ว่านี่คือ “โพสต์ปั่น” เล่นกันเอาสนุกขำขัน แต่กับบางกรณีก็ดูจะเลยเถิดกลายเป็นการสร้าง “ข่าวลวง – ข้อมูลเท็จ” เพราะไปแอบอ้างปลอมโพสต์ให้เหมือนสำนักข่าวที่มีอยู่จริง
ดังโพสต์ที่พบเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2568 บัญชีเฟซบุ๊ก “Menhealth Tha” โพสต์ภาพในกลุ่มเฟซบุ๊ก “เรารักพลโทบุญสิน” เป็นภาพของ กัน จอมพลัง อินฟลูเอนเซอร์ กับ ไอซ์ – รักชนก สส. พรรคประชาชน และมีโลโก้ของ “KHAOSOD” หรือ นสพ.ข่าวสด อยู่บริเวณหัวมุมด้านขวา พร้อมกับบรรยายคำพูดที่อ้างว่าเป็นของกัน จอมพลัง อย่างไรก็ตาม เมื่อทีมงานโคแฟคสอบถามไปยังกอง บก. ข่าวสด ก็ได้รับคำยืนยันว่าไม่ได้ทำโพสต์ดังกล่าว ส่วนโพสต์จริงของข่าวสด แม้จะใช้ภาพเดียวกับโพสต์ปลอม แต่เป็นการอ้างคำพูดของไอซ์ – รักชนก ไม่ใช่กัน จอมพลัง
อีกทั้งเมื่อตรวจสอบภาพประกอบ ก็พบว่ามาจากรายการ “กรรมกรข่าวคุยนอกจอ” ทางช่องยูทูบ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว”เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2568 โดยเป็นคลิปความยาว 2 ชั่วโมง 49 นาที 57 วินาที ที่สัมภาษณ์กัน จอมพลัง พร้อมกับไอซ์ – รักชนก โดยตลอดทั้งคลิปนั้นไม่ปรากฏคำพูดของกัน จอมพลัง ตามที่โพสต์ปลอมกล่าวอ้าง ในขณะที่มีคำพูดของไอซ์ – รักชนก อยู่จริงตามรายงานจากโพสต์จริงของข่าวสด (สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่รายงานโคแฟค เรื่อง “สารพัดคนดังชื่นชม-บริจาคเงินให้‘กัน จอมพลัง’ข่าวลวงปั่นขำขัน..แต่บ้างก็ยังเชื่อว่าจริง”)
และนี่คือเหตุผลที่หยิบเรื่องนี้มารวมไว้ใน 10 ข่าวลวงแห่งปี ด้วยผู้เขียนต้องการย้ำว่า “ฝ่ายไหนก็มีโอกาสเจอข่าวลวงได้” ไม่ว่าจะทำขึ้นด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม ซึ่งทางโคแฟคเองก็พยายามทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะมีชุดความคิดหรืออุดมการร์แบบใด จุดร่วมที่อยากให้มีตรงกันคือ “การเมืองที่อยู่บนฐานข้อเท็จจริง” ทั้งพรรคการเมือง นักการเมือง ไปจนถึงมวลชนผู้สนับสนุนหรือฐานเสียงของพรรค (ด้อม FC นักแบก ฯลฯ)

10.คลิปผู้ช่วย สส. พรรคเพื่อไทย ลุยน้ำท่วมสูงในเหตุการณ์อุทกภัยหาดใหญ่ พบสร้างขึ้นด้วย AI : เรื่องนี้น่าจะเป็น “ที่สุด” คืออยู่ในอันดับ 1 ในบรรดารายงานตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยโคแฟคประจำปี 2568 เพราะมาครบทั้งบุคคลซึ่งเป็นตัวแทนของพรรคการเมือง เป็นภาพการลงพื้นที่ซึ่งกำลังเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ และแป็นคลิปที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีปัญญาประเดิษฐ์ (AI) ที่ทั่วโลกกำลังกังวลถึงความสามารถในการสร้างสื่อทั้งภาพ คลิปวิดิโอ เสียงและเนื้อหาที่เนียนราวกับเป็นของจริง เพราะสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ผู้รับสารแยกแยะเรื่องเท็จ – ข้อมูลบิดเบือนไม่ออก
รายงานนี้โคแฟคเผยแพร่เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2568 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2568 บัญชีเฟซบุ๊กและ X ของ ชีพธรรม คำวิเศษณ์ ซึ่งระบุในโปรไฟล์ของตนเองว่าเป็นผู้ช่วยของ สุธรรม แสงประทุม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โพสต์คลิปวิดีโอตนเองยืนแช่อยู่ในน้ำที่กำลังท่วมสูง ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา บรรยายความเดือดร้อนของประชาชน อย่างไรก็ตาม ทีมงานโคแฟคได้พบว่า คลิปนี้ถูกสร้างด้วย Sora ซึ่งเป็นโมเดล AI ของ OpenAI เจ้าของเดียวกันกับ AI แชทบอทที่โด่งดังอย่างChatGPT และยังเห็นสิ่งผิดปกติหลายจุดที่ทำให้เชื่อได้ว่าใช้ AI สร้างขึ้น
อีกหนึ่งเหตุผลที่ต้องหยิบยกเรื่องนี้มาอยู่ใน 10 เรื่องราวตรวจสอบข้อเท็จจริงแห่งปี และยังยกให้เป็นอันดับ 1 ก็เพราะเมื่อรายงานถูกเผยแพร่ออกไปทางเพจเฟซบุ๊กของโคแฟค เจ้าตัวได้มาตอบชี้แจงทำนองว่ายังได้ใช้ AI ทำไว้อีกหลายคลิป ท่ามกลางคำถามจากหลายคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าเหมาะสมหรือไม่กับการใช้ AI ผลิตเนื้อหาซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ที่ทำเป็นคนของพรรคการเมือง
เรื่องนี้สะท้อนภาพปัญหาการขาดความเข้าใจเรื่องขอบเขตการใช้เครื่องมือ AI อย่างเหมาะสม หรือกรอบจริยธรรมการใช้ AI ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะของแวดวงการเมืองหรือของประเทศไทย แต่เกิดขึ้นทั่วไปในโลกเมื่อเทคโนโลยีใหม่นี้เข้าถึงและใช้งานได้ง่ายแต่ความตระหนักรู้ยังตามไม่ทัน ครั้นจะปฏิเสธการพัฒนาและใช้งาน AI อย่างสิ้นเขิงคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นคำถามคือจะสร้างสมดุลอย่างไรระหว่างการใช้ประโยชน์กับการลดความเสี่ยงผลกระทบจาก AI (ค้นหารายงานการตรวจสอบเรื่องนี้ได้จากหัวข้อ “เนื้อหาที่ตรวจสอบ: คลิปผู้ช่วย สส. ยืนแช่น้ำท่วมที่หาดใหญ่เรียกร้องพรรคประชาชนตรวจสอบรัฐบาลอนุทิน”)
สำหรับปี 2568 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป ประเทศไทยได้เผชิญเรื่องหนักๆ มาทั้งภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหวจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาที่แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ไกลถึงกรุงเทพฯ และน้ำท่วมเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้อย่างหาดใหญ่ รวมถึงภัยจากมนุษบ์อย่างความขัดแย้งชายแดนไทย –กัมพูชาที่นำไปสู่การสู้รบสูญเสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือน ตลอดจนความผันผวนทางการเมืองที่ 1 ปี มีรัฐบาล 2 ชุด และเพิ่งยุบสภาไปเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2568 เข้าสู่ช่วงเตรียมการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 8 ก.พ. 2569
ก็ต้องขออวยพรให้ทุกท่านโชคดีในปี 2569 ไม่ตกเป็นเหยื่อข่าวลวง ได้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งด้วยข้อมูลที่ถูกต้องรอบด้าน ได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพและมีความสามารถมาช่วยแก้ไขสารพัดปัญหาคุณภาพชีวิตของประชาชน!!!
-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-
อ้างอิง
https://dis.fda.moph.go.th/detail-checkSureShare?id=536 (มะนาวโซดารักษามะเร็งได้ โม้มาก ไม่จริง : กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและบา , 18 ส.ค. 2560) ‘
https://dol.thaihealth.or.th/Media/Index/b556271a-bbcd-eb11-80ed-00155d09b41f (ข่าวลวงเรื่องมะนาวโซดารักษามะเร็ง/โควิด , ฐานข้อมูลสื่อสุขภาวะ สสส. , 15 มิ.ย. 2564)
https://sasuksure.anamai.moph.go.th/content?id=1876 (โซดา ช่วยฆ่า”เซลล์มะเร็ง” : สา’สุข ชัวร์ โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข , 25 ก.ค. 2567)
https://blog.cofact.org/th/fact-check-health-misinfo-20102025/ (อดีตคณบดีคณะแพทย์ศิริราชยืนยันไม่ได้เป็นผู้เขียนบทความ “มะนาวรักษามะเร็ง” , 20 ต.ค. 2568)
https://blog.cofact.org/th/liveubonconnect680520/ (ไขข้อข้องใจ น้ำดื่มแถมจากปั๊มน้ำมัน อันตรายจริงหรือ? : 21 พ.ค. 2568)
https://blog.cofact.org/th/political-factcheck-casino-protest/ (คลิปชุมนุมที่แยกอโศกปี 66 ถูกนำมาสร้างความเข้าใจผิดว่าเป็นการชุมนุมต้านกาสิโนปี 68 , 8 เม.ย. 2568)
https://blog.cofact.org/th/political-fact-check-rakchanok-03112025/ (รูป “รักชนก ศรีนอก” ถูกนำมาตัดต่อใส่ข้อความเท็จ ถาม “ประเทศชาติต้องการทหารหรือพรรคประชาชน” , 3 พ.ย. 2568)
https://blog.cofact.org/th/fact-check-southern-flood-train-ai-28112025/ (คลิปรถไฟวิ่งฝ่าน้ำท่วมที่สร้างด้วย AI ถูกนำมาบิดเบือนว่าเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ , 28 พ.ย. 2568)
https://blog.cofact.org/th/livetalk062468/ (ผู้เชี่ยวชาญไขข้อข้องใจ “ยาดมสมุนไพร” เสี่ยงเชื้อราจริงหรือ? , 29 มิ.ย. 2568)
https://blog.cofact.org/th/fact-check-health-inhaler-30102025/ (กระทรวงเกษตรฯ ออสเตรเลียระบุ ยาดมสมุนไพรเป็น “สิ่งของต้องสำแดง” ก่อนเข้าประเทศ , 30 ต.ค. 2568)
https://blog.cofact.org/th/fact-check-thai-cambodia-19092025/ (เพจเฟซบุ๊กโพสต์เนื้อหาเท็จวิธีปฐมพยาบาลเมื่อโดนแก๊สน้ำตา , 19 ก.ย. 2568)
https://blog.cofact.org/th/fact-check-thai-cambodia-12122025/ (“ปณิธาน วัฒนายากร” ยืนยันไม่เคยให้สัมภาษณ์ว่ามี นักรบรับจ้างอเมริกันช่วยกัมพูชาใช้โดรนสู้กับไทย , 12 ธ.ค. 2568)
https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2891005 (สรุป 3 ประเด็นร้อน มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ โยงนักการเมืองดัง : ไทยรัฐ 24 ต.ค. 2568)
https://blog.cofact.org/th/report83-68/ (สารพัดคนดังชื่นชม-บริจาคเงินให้‘กัน จอมพลัง’ข่าวลวงปั่นขำขัน..แต่บ้างก็ยังเชื่อว่าจริง , 8 พ.ย. 2568)
https://web.facebook.com/photo?fbid=1152319237104594&set=a.407800974889761 (เนื้อหาที่ตรวจสอบ: คลิปผู้ช่วย สส. ยืนแช่น้ำท่วมที่หาดใหญ่เรียกร้องพรรคประชาชนตรวจสอบรัฐบาลอนุทิน , 2 ธ.ค. 2568)
