กรมการปกครองยืนยัน เสนอแก้ไข พ.ร.บ. สัญชาติ ไม่ได้เปิดให้ลูกแรงงานต่างด้าวได้สัญชาติไทย
กองบรรณาธิการโคแฟค
❓เนื้อหาที่ตรวจสอบ: กรมการปกครองเสนอแก้ไข พ.ร.บ.สัญชาติ เปิดช่องให้ลูกแรงงานต่างด้าวที่เกิดในไทยได้สัญชาติไทย
❌ ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง: **ข้อมูลคลาดเคลื่อน** กรมการปกครองเสนอแก้ไข พ.ร.บ.สัญชาติ เพื่อกำหนดว่าบุคคลไร้สัญชาติที่เกิดในไทยและได้สัญชาติไทยตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง เป็น “ผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิด” ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับลูกของแรงงานต่างด้าวที่เกิดในไทยที่ต้องได้สัญชาติตามพ่อแม่
📝 เนื้อหาโดยสรุป: วันที่ 18 ธ.ค. 2568 เพจเฟซบุ๊ก “ต่างด้าวทำอะไร” โพสต์ภาพหนังสือราชการที่สำนักทะเบียนกลาง สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ส่งถึงเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงวันที่ 17 ธ.ค. 2568 และเขียนคำบรรยายในโพสต์ว่า
“ปัจจุบันกำลังมีการเสนอ แก้ พ.ร.บ. สัญชาติ ให้มีการกำหนดว่าคนที่ได้สัญชาติ มาตรา 7 ทวิ วรรค 2 เป็นการได้สัญชาติไทยโดยการเกิด ความหมายคือทุกกลุ่ม รวมไปถึงลูกแรงงาน จบ ป.ตรี ต่อไปในอนาคตลูกพม่าอาจจะได้เป็นนายกฯ จริง ๆ ก็ได้ใครจะไปรู้” (ลิงก์บันทึก)
โพสต์นี้ถูกแชร์เกือบ 200 ครั้ง ผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่เข้าใจว่าการแก้ไข พ.ร.บ.สัญชาติ จะเปิดช่องให้ลูกแรงงานต่างด้าวที่เกิดในไทยได้สัญชาติไทยโดยทันที และวิจารณ์ว่าการแก้ไขกฎหมายนี้ “เอื้อให้ต่างด้าวยึดประเทศไทย” “อุ้มต่างด้าว” และ “ไม่ปกป้องคนไทย”
🔎 โคแฟคตรวจสอบ: หนังสือราชการที่เพจเฟซบุ๊ก “ต่างด้าวทำอะไร” นำมาเผยแพร่ เป็นหนังสือที่สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครองส่งถึง กกต. หลังจากพบว่ามีบุคคลกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้สัญชาติไทยตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง ของ พ.ร.บ. สัญชาติ ถูก กกต. ตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 ม.ค. 2569 เนื่องจาก กกต. อ้างอิงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2567 ที่ระบุว่าบุคคลที่ได้สัญชาติไทยตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง “ไม่เป็นผู้ได้สัญชาติไทยโดยการเกิด” ขณะที่กฎหมายเลือกตั้งกำหนดว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งจะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
มาตรา 7 ทวิ วรรคสอง ของ พ.ร.บ.สัญชาติ เป็นบทบัญญัติที่เปิดโอกาสให้บุคคลที่เกิดในไทยแต่ไม่เคยได้สัญชาติไทยและไม่มีหลักฐานว่าใช้สัญชาติอื่น สามารถขอมีสัญชาติไทยได้ โดยจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การขอมีสัญชาติไทยตามมติคณะรัฐมนตรี 29 ต.ค. 2567
ปัญหาการตีความมาตรา 7 ทวิ วรรคสองของ พ.ร.บ. สัญชาติ เกิดขึ้นหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 23/2567 ลงวันที่ 2 ต.ค. 2567 ในกรณีที่มีผู้ร้องเกี่ยวกับการเพิกถอนสัญชาติไทยว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญระบุในตอนหนึ่งของคำวินิจฉัยว่าบุคคลที่ได้สัญชาติไทยตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง “ไม่เป็นผู้ได้สัญชาติไทยโดยการเกิด”
เมื่อพบปัญหาการตัดสิทธิทางการเมืองของบุคคลที่ได้รับสัญชาติไทยตามมาตรา 7 ทวิ วรรค 2 ทั้งที่บางคนเคยสมัครได้และได้รับการเลือกตั้งแล้วในครั้งก่อน สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครองจึงทำหนังสือยืนยันความเห็นต่อ กกต. ว่า บุคคลที่ได้รับสัญชาติไทยตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง “เป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิด” และให้ความเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีบริบทจำเพาะในคดีนั้น ไม่ควรนำมาขยายผลเสมือนเป็นบทบัญญัติกฎหมายใหม่ที่นำไปสู่การตัดสิทธิทางการเมือง ซึ่งเป็นการตีความเกินขอบเขตคำวินิจฉัย
สำนักทะเบียนกลางระบุในหนังสือที่ส่งถึง กกต. ด้วยว่า กรมการปกครองอยู่ระหว่างเสนอแก้ไข พ.ร.บ. สัญชาติ เพื่อกำหนดว่าการได้สัญชาติไทยตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง “ให้ถือว่าเป็นการได้สัญชาติไทยโดยการเกิด” ซึ่งเพจ “ต่างด้าวทำอะไร” นำข้อความนี้มาสร้างความเข้าใจผิดว่าเป็นการเปิดช่องให้ลูกแรงงานต่างด้าวที่เกิดในไทยได้สัญชาติไทยโดยการเกิด
นายบัณฑิต นามเครือ ผู้อำนวยการส่วนสัญชาติและการทะเบียนและบัตรประจำตัวบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทย สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ยืนยันกับโคแฟคว่าการเสนอแก้ไข พ.ร.บ. สัญชาติ ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการให้สัญชาติไทยแก่ลูกของแรงงานต่างด้าว ด้วยเหตุผลดังนี้
▪️ มาตรา 7 ทวิ วรรคสอง เป็นการให้สัญชาติไทยเฉพาะกลุ่มคนไร้สัญชาติคือบุคคลที่เกิดในไทยแต่ไม่มีสัญชาติเท่านั้น และกระบวนการให้สัญชาติไทยตามมาตรานี้จะต้องมีการสืบพยานบุคคล พยานเอกสาร และผ่านขั้นตอนการตรวจสอบอย่างรัดกุม เช่น กรณีของหม่อง ทองดี อดีตเด็กไร้สัญชาติที่มีชื่อเสียงจากการแข่งขันพับเครื่องร่อนกระดาษเมื่อปี 2552 ซึ่งต่อมาได้ยื่นขอสัญชาติไทยและได้รับสัญชาติไทยตาม มาตรา 7 ทวิ วรรคสอง เนื่องจากเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศไทย
▪️ มติ ครม. 29 ต.ค. 2567 ระบุว่ากลุ่มบุคคลที่สามารถขอสัญชาติไทยตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง ได้แก่ บุตรของชนกลุ่มน้อย และบุตรของบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนที่ได้รับการสำรวจแล้วเท่านั้น ซึ่งไม่รวมบุตรของแรงงานต่างด้าว ผู้หนีภัยการสู้รบ ผู้หลบหนีเข้าเมืองหรือผู้มีพาสปอร์ต
▪️ บุตรของแรงงานต่างด้าวที่เกิดในไทยจะได้สัญชาติตามพ่อแม่ หากคนกลุ่มนี้ รวมทั้งบุคคลสัญชาติอื่นที่เกิดและเติบโตในประเทศไทยประสงค์จะขอสัญชาติไทย ต้องยื่นขอแปลงสัญชาติตามมาตรา 10 หรือ 11 ของ พ.ร.บ.สัญชาติ และต้องมีคุณสมบัติที่จะขอสัญชาติไทยได้ตามที่กฎหมายกำหนด เช่น กรณีของชเว ย็อง-ซ็อก หรือ “โค้ชเช” ผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ที่สละสัญชาติเกาหลีใต้เพื่อขอสัญชาติไทย
ผอ.ส่วนสัญชาติและการทะเบียนชี้แจงด้วยว่า การแก้ไข พ.ร.บ. สัญชาติเพื่อระบุว่าผู้ที่ได้สัญชาติไทยตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง เป็นผู้ได้สัญชาติไทยโดยการเกิด ยังอยู่ในขั้นตอนการเสนอและยังไม่ทราบว่าจะได้รับการอนุมัติให้แก้ไขหรือไม่

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ
- ‘ทำไมนโยบายรัฐต้องเอื้อต่างด้าว?’ คำถามสะท้อน‘อคติต่อแรงงาน – ประชากรข้ามชาติ’ในสังคมไทย (ตอน 1)
- ‘ทำไมนโยบายรัฐต้องเอื้อต่างด้าว?’ คำถามสะท้อน‘อคติต่อแรงงาน – ประชากรข้ามชาติ’ในสังคมไทย (ตอน 2)
- สำรวจ 5 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ต่างด้าว” ในรอบปี 2568
- ความจริงจากมหาดไทย “บัตรสีชมพู” เปิดช่องแรงงานข้ามชาติ ได้สัญชาติไทยจริงหรือ?
