สารพัดคนดังชื่นชม-บริจาคเงินให้‘กัน จอมพลัง’ข่าวลวงปั่นขำขัน..แต่บ้างก็ยังเชื่อว่าจริง
By : บัญชา จันทร์สมบูรณ์
ตลอดระยะเกือบ 4 เดือนแห่งความตึงเครียดของสถานการณ์ความขัดแย้งไทย – กัมพูชา นับตั้งแต่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากโจมตีเป้าหมายพลเรือนของไทย ตามด้วยการตอบโต้ของฝ่ายไทย เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2568 จนนำไปสู่การหยุดยิงในวันที่ 28 ก.ค. 2568 และล่าสุดเริ่มมีรายงานการถอนอาวุธหนักออกจากแนวชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2568 ภายหลังผู้นำไทยและกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงสันติภาพเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2568 ในระหว่างการร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน
ชื่อของ “กัน จอมพลัง” อินฟลูเอนเซอร์ชาวไทย โดดเด่นขึ้นมาในหน้าสื่อ ตั้งแต่ในฐานะผู้ระดมเงินบริจาคจากประชาชนไปสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของทหารไทย ไปจนถึงการถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสม เช่น การระดมเครื่องเสียงไปเปิดเสียงภาพยนตร์สยองขวัญบ้าง เสียงเครื่องบินรบทิ้งระเบิดบ้าง ในบริเวณชายแดนไทยที่กำลังมีข้อพิพาทเรื่องชาวบ้านกัมพูชารุกล้ำ ซึ่งอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนเพราะเป็นการกระทำต่อพลเรือน กระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยในเวทีโลก
แต่ประเด็นที่ผู้เขียนให้ความสนใจ คือนับตั้งแต่ช่วงกลาง – ปลายเดือนตุลาคม 2568 ปรากฏ“โพสต์ภาพและข้อความเป็นจำนวนมาก อ้างทั้งบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างผู้นำประเทศ ดารานักแสดง ไปจนถึงตัวละครในสื่อบันเทิงอย่างการ์ตูนหรือภาพยนตร์ กล่าวชื่นชมหรือบริจาคเงินให้กัน จอมพลัง” และโพสต์ทำนองนี้ก็มีหลายระดับ ตั้งแต่แรกเห็นก็น่าจะรู้แล้วว่า “ข่าวลวงแน่ๆ” ดูออกง่ายๆ ว่าเป็นเพียงการเสียดสีล้อเลียน (Parody) ไปจนถึงภาพหรือเนื้อหาที่แนบเนียนจนต้องอาศัยการสืบค้นตรวจสอบกันพอสมควร แต่ไม่ว่าแบบใด สิ่งที่น่าตกใจคือ “มีคนส่วนหนึ่งเชื่อไปแล้วว่าเป็นเรื่องจริง”และแสดงความคิดเห็นร่วมยินดีไปด้วย

– ทาเคดะ โยชิโนบุ ผู้ท้าชิงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตโอซากา กล่าวกับสื่อ Fuji TVชื่นชมกัน จอมพลัง : โพสต์นี้ผู้เขียนเลือกมากล่าวถึงเป็นตัวอย่างแรก เพราะมีการสอบถามเข้ามาในระบบของโคแฟค ช่วงประมาณวันที่ 21 – 22 ต.ค. 2568 ซึ่งเมื่อทดลองนำข้อความไปค้น พบว่าเคยมีการโพสต์เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2568 โดยบัญชีเฟซบุ๊ก “Thanaphon Kubb” ในกลุ่มเฟซบุ๊ก “ข่าวกันจอมพลัง” จากนั้นเมื่อแปลชื่อบุคคลและข้อความสำคัญเป็นภาษาญี่ปุ่น ไม่พบว่ามีข่าวหรือข้อมูลปรากฏในทางเดียวกัน ดังนี้
– คำว่า “ทาเคดะ โยชิโนบุ” (武田義信 ในภาษาญี่ปุ่น , Takeda Yoshinobu ในภาษาอังกฤษ) และ “นักการเมือง” (政治家 ในภาษาญี่ปุ่น , Politicianในภาษาอังกฤษ) พบชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวน 2 คน คือ 1.ทาเคดะ โยชิโนบุ เป็นไดเมียว (เจ้าเมือง) ในญี่ปุ่นยุคศักดินา มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ.1538 –1567 หรือ พ.ศ.2081 – 2110 เป็นบุตรของ ทาเคดะ ชินเก็น (武田 信玄 , Takeda Shingen) ขุนศึกที่ครอบครองเมืองไค และขยายอาณาเขตไปยังดินแดนชินาโนะที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งปัจจุบันเมืองไคอยู่ในจังหวัดยามานาชิ ส่วนดินแดนชินาโนะอยู่ในจังหวัดนากาโนะ และทั้ง 2 พื้นที่อยู่ทางตอนกลางของญี่ปุ่น ในขณะที่จังหวัดโอซากาจะอยู่ห่างออกมาทางตะวันตกเฉียงใต้
กับ 2.ทาเคดะ โยชิโนบุ อาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ไอคิโด เกิดเมื่อปี ค.ศ.1940 หรือ พ.ศ.2483 ปัจจุบันอายุ 85 ปี โดยบทสัมภาษณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 อาจารย์ท่านนี้เล่าว่าตนเองเกิดที่กรุงโตเกียว แต่ต้องหนีภัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปอยู่ในชนบท ก่อนจะกลับมาโตเกียวเมื่ออายุ 7 ขวบ ซี่งปัจจุบัน ทาเคดะ โยชิโนบุ เปิดสำนักสอนศิลปะการต่อสู้ไอคิโด AKI Takeda Dojo (A.K.I. 武田道場) มีสาขาใหญ่ที่เมืองโยโกฮามา จังหวัดคานางาวะ ทางตอนกลางของญี่ปุ่น รวมถึงขยายการฝึกสอนไปในหลายประเทศ
– คำว่า “การเลือกตั้ง (選挙 ในภาษาญี่ปุ่น , Election ในภาษาอังกฤษ)” และ “โอซากา (大阪ในภาษาญี่ปุ่น , Osaka ในภาษาอังกฤษ)” พบรายงาน 投開票結果調(第27回参議院議員通常選挙 ซึ่งเป็นรายงานผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ของญี่ปุ่น ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2568 ในเว็บไซต์ www.pref.osaka.lg.jp ซึ่งเป็นเว็บไซต์ทางการของจังหวัดโอซากา ไม่พบผู้สมัครรับเลือกตั้งในจังหวัดโอซากาที่ชื่อ ทาเคดะ โยชิโนบุ (武田義信) หรือผู้สมัครที่มีนามสกุลทาเคดะ (武田) แต่อย่างใด
– คำว่า “กัน จอมพลัง (カン・ジョム・パラン ในภาษาญี่ปุ่น) และ “สถานีโทรทัศน์ Fuji TV (フジテレビ ในภาษาญี่ปุ่น)” ไม่พบรายงานข่าวของ Fuji TV ที่เกี่ยวข้องกับกัน จอมพลัง แต่พบในรายงานข่าวของสำนักข่าวอื่นๆ เช่น thaiiku.com , thaich.net ซึ่งเป็นเว็บไซต์แปลข่าวในประเทศไทยเป็นภาษาญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ข่าวที่พบไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองชาวญี่ปุ่น มีเพียงเนื้อหาที่เกิดขึ้นในไทย เช่น ข้อสงสัยเรื่องเงินบริจาคของมูลนิธิของกัน จอมพลัง หรือวิวาทะระหว่างกัน จอมพลัง กับ ไอซ์ รักชนก (アイス・ラッチャノック) นักการเมืองชาวไทยจากพรรคประชาชน เป็นต้น
ในขณะที่ภาพประกอบที่นำมาอ้างในข่าวลวงเรื่องผู้สมัครับเลือกตั้ง สส. จังหวัดโอซากา กล่าวชื่นชนกัน จอมพลังนั้น เมื่อค้นหาด้วย Google Reverse Image (Google Lens) พบว่า เป็นภาพนักแสดงจากภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ที่ผลิตและเผยแพร่ในประเทศญี่ปุ่น ไม่ใช่ภาพของนักการเมืองแต่อย่างใด

– ดาราฮอลลีวู้ด “ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ” บินด่วนมาไทยเพื่อบริจาคเงินให้กัน จอมพลัง : ภาพนี้ผู้เขียนพบในกลุ่มเฟซบุ๊ก “ข่าวกันจอมพลัง” โดยผู้ใช้ชื่อว่า “RelaxingElephant290” โพสต์ไว้เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2568 ว่า “ล่าสุด ลีโอนาโด ดิคาปริโอ เดินทางมาประเทศไทย มอบเงิน 2 ล้านดอลลาร์ให้กันจอมพลัง เพื่อช่วยเหลือทหารไทยและชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเขมร” อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเห็น“ความผิดปกติในภาพ” เช่น ชื่อของนักแสดงในภาพเขียนว่า Leoanardo DicApario ซึ่งที่ถูกต้องคือ Leonardo Dicaprio , ตัวเลข 2 ล้านในภาพคือ2,0000.00 ซึ่งหากเขียนให้ถูกต้องคือ 2,000,000 , ชื่อ Faks Bank of Hollywood เมื่อนำไปค้นหาจะไม่พบข่าวหรือชื่อของธนาคารนี้
นอกจากนั้น ฉากหลังในพิธีรับมอบตามภาพ เมื่อนำไปค้นหาด้วย Google Lens พบว่า เป็นฉากจากงาน CinemaCon ซึ่งเป็นงานเทศกาลภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกา โดยเว็บไซต์ Justjared.com สำนักข่าวบันเทิงในสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2568 ระบุว่า ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ไปร่วมงาน CinemaCon 2025 ซึ่งจัดขึ้นที่ The Colosseum โรงแรม Caesars Palace เมืองลาส เวกัสของสหรัฐฯ เพื่อร่วมโปรโมทภาพยนตร์เรื่อง One Battle After Another (หนึ่งศึกครั้งแล้วครั้งเล่า) ที่ตนเองแสดงนำ
เช่นเดียวกับบัญชีแพลตฟอร์ม X ชื่อ “Leonardo DiCaprio Fan” ซึ่งเป็นบัญชีของกลุ่มแฟนคลับของลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ก็โพสต์ภาพและข่าวเดียวกันเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2568 และหากสังเกตที่กระดุมเสื้อของลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ในงานดังกล่าว จะพบว่าตรงกับภาพที่อ้างว่ามามอบเงิน 2 ล้านดอลลาร์ให้กัน จอมพลัง อีกทั้งโลโก้ WB บนฉากหลัง ยังเป็นโลโก้ของ Warner Bros. บริษัทภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์เรื่อง One Battle After Another
เมื่อบวกกับการค้นหาข่าวโดยใช้คำว่า “Leonardo Dicaprio Thailand” (ค้นหาครั้งแรกวันที่ 20 ต.ค. และอีกครั้ง ในวันที่ 4 พ.ย. 2568 ก็ไม่พบข่าวการเดินทางมาไทยของดาราฮอลลีวู้ดผู้นี้ รวมถึงเพจเฟซบุ๊ก “กันจอมพลัง ช่วยสู้” ที่เป็นเพจทางการของกัน จอมพลัง ก็ไม่พบการประชาสัมพันธ์เรื่องนี้เช่นกัน จึงแน่ชัดว่าเป็นข่าวลวง อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนไม่สามารถตัดสินได้ว่าภาพที่นำมาประกอบข่าวลวงนี้ถูกสร้างด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI ) หรือไม่ เนื่องจากเมื่อทดลองนำไปตรวจสอบกับเว็บไซต์หลายแห่งที่รับตรวจภาพ พบแต่ละแห่งให้ผลแตกต่างกัน

ในวันที่ 20 ต.ค. 2568 บัญชีเฟซบุ๊ก “Menhealth Tha” โพสต์ภาพในกลุ่มเฟซบุ๊ก “เรารักพลโทบุญสิน” เป็นภาพของ กัน จอมพลัง อินฟลูเอนเซอร์ กับ ไอซ์ รักชนก สส. พรรคประชาชน และมีโลโก้ของ “KHAOSOD” หรือ นสพ.ข่าวสด อยู่บริเวณหัวมุมด้านขวา ขณะที่ในภาพฝังข้อความว่า “ผมรักประเทศไทยเพราะนี่คือบ้านของผม ผมไม่เคยโดน 112 เหมือนคุณไอซ์ ทุกวันนี้ผมไปไหนมีแต่คนรัก ทุกที่ที่ผมไปเจริญขึ้น มีแต่คนร้องไห้ดีใจเมื่อเห็นผม ล่าสุดปูตินเอ่ยปากชมผมผ่าน BBC แต่สสพรรคส้มเคยทำอะไรให้ประเทศบ้างไหม หรือด้อยค่าไปวันๆ”
ผู้เขียนทดลองนำภาพไปค้นด้วย Google Lens พบว่า มีภาพเดียวกันปรากฏบนเพจเฟซบุ๊ก “Khaosod – ข่าวสด” ซึ่งเป็นเพจทางการของสื่อดังกล่าว แต่ข้อความในภาพเป็นของ ไอซ์ รักชนก พูดว่า “น้ำเสียงคุณกันในวันนั้น รับบทมือปราบมาร แต่วันนี้น้ำเสียงคุณกันเปลี่ยนไป พอดีกระแสสังคมอาจไม่ให้คุณกันขี่ไปตลอด คุณกันเลยคิดว่าต้องเปลี่ยนน้ำเสียง วันนี้เลยมาเล่นบทพ่อพระที่ถูกกระทำ”
ซึ่งจากการที่สอบถามไปยังกองบรรณาธิการข่าวสดออนไลน์ ผู้เขียนได้รับการยืนยันว่าภาพที่อ้างคำพูดของกัน จอมพลัง ไม่ได้มาจากการเผยแพร่ของข่าวสด อีกทั้งต้นทางของคำพูดนั้นซึ่งมาจากการไปพูดในรายการ “กรรมกรข่าวคุยนอกจอ” ทางช่องยูทูบ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว”เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2568 เมื่อผู้เขียนได้ฟังคลิปเต็มความยาว 2 ชั่วโมง 49 นาที 57 วินาที พบว่า คำพูดของ ไอซ์ รักชนก ที่ถูกอ้างถึงในข่าวสดนั้นเจ้าตัวพูดในนาทีที่ 53.55 – 54.54 โดยอ้างถึงกรณีที่กัน จอมพลัง ใช้คำพูดรุนแรงวิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่ออกมาท้วงติงเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน จากการระดมเครื่องเสียงไปเปิดเสียงภาพยนตร์สยองขวัญและเสียงเครื่องบินทิ้งระเบิดใส่ชาวบ้านกัมพูชา
ขณะที่คำพูดของกัน จอมพลัง ในรายการดังกล่าว ที่เจ้าตัวพูดจริงคือ “ผมยกตัวอย่าง ถ้าวันนี้คนคนนี้รู้จักคนนั้นคนนี้แล้วต้องไปเชื่อมโยงกับคนนี้คนนั้น ผมถามคุณไอซ์บ้าง วันนี้ก็ถูกดำเนินคดีในข้อหา 112 โดนเรื่องหมิ่นท่าน แล้วก็มีรูปอยู่กับคนอื่นในลักษณะของคดี 112 ด้วย ผมถามว่าแล้วอย่างนี้คนเขาถามว่าคุณไอซ์เป็นพวกล้มเจ้า มันเป็นแบบนั้นไหม? , วันนี้ผมแค่อยากบอกว่าวันนี้เราแค่มีภาพกับคนอื่นแล้วเราต้องเป็นแบบนั้นไหม?” โดยอยู่ในนาทีที่ 2.10.55 – 2.11.45 โดยเป็นการตอบโต้ ไอซ์ รักชนก ที่ถามย้ำหลายครั้งในรายการกรณีความสนิทสนมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำให้กัน จอมพลัง ดูเหมือนจะได้รับการสนับสนุนหรืออำนวยความสะดวกจากหน่วยงานของรัฐเป็นพิเศษ ซึ่งรวมถึงได้รับสัญญาจ้างงานแบบเจาะจงจากกระทรวงเกษตรฯ แต่ตลอดทั้งรายการ กัน จอมพลัง ไม่ได้พูดถ้อยคำที่ถูกอ้างถึงในโพสต์ข่าวลวงที่แอบอ้างว่าเผยแพร่จากข่าวสดแต่อย่างใด
ขณะที่เรื่อง ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวชื่นชมกัน จอมพลัง โดยอ้างรายงานจากสำนักข่าว BBC ของอังกฤษนั้น รายงานของ ThaiPBS Verify วันที่ 26 ต.ค. 2568 ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นข่าวลวง โดยทาง ThaiPBS ได้เข้าไปดูที่เว็บไซต์ทางการอย่าง bbc.com/news ใช้คำค้นหา “Vladimir Putin” (ส่วนผู้เขียนก็ลองค้นหาซ้ำ ณ วันที่ 4 พ.ย. 2568 หรือ 9 วันหลังจากรายงานของ ThaiPBS เผยแพร่ และนอกจาก Vladimir Putinแล้วยังค้นหาด้วยคำว่า “Thailand” ซึ่งไม่พบว่าในรอบ 2 เดือนล่าสุด (กันยายน – ตุลาคม และต้นเดือนพฤศติกายน 2568) มีข่าวที่ ปธน.ปูติน ได้กล่าวถึงกัน จอมพลังแต่อย่างใด

จากปรากฏการณ์ “โพสต์ข่าวลวงปั่นกระแส”กรณีของกัน จอมพลัง จนมีคนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงดร.สังกมา สารวัตร อาจารย์คณะเทคโนโลยีสารสนเทศเเละการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร อธิบายด้วยคำย่อ “P-I-N3” ที่ประกอบด้วย “P = Post-facts (ยุคหลังความจริง)” การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งและเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร ที่สื่อมวลชนไม่ได้ผูกขาดหน้าที่ในฐานะนักวารสารศาสตร์แบบเดิมอีกต่อไป หน้าที่ในฐานะสถาบันบอกเล่าความจริงของสื่อถูกท้าทาย ข้อเท็จจริงกลายเป็นเรื่องที่ต่อรองกันได้ หรือกลายเป็นสิ่งที่สร้างเรื่องเล่า (Narrative)ขึ้นมาเองได้ โดยเฉพาะในยุคของการเล่าเรื่องผ่านเทคโนโลยีดิติทัล (Digital Story Telling)
“ในสถานการณ์โดยเฉพาะช่วงสงคราม หรือความขัดแย้งแหลมคม สิ่งที่ต้องแย่งชิงกันมากที่สุดคือการสร้างวาทกรรม สร้างการเล่าเรื่องของตัวเอง ด้วยเหตุนี้การปั่นข่าวผ่านผู้ผลิตจะเป็นใครก็ได้ และการมีเทคโนโลยี AI-generated content (การสร้างเนิ้อหาด้วยปัญญาประดิษฐ์) จะสะท้อนความจริงในยุคของ Post facts ได้อย่างชัดเจน
หากสนใจไปอ่านงานของนักวิจัยอินเดีย Chatterjee และ Krish Kkrishnan ที่พบว่า ‘ในสถานการณ์แหลมคมผู้คนจะพากันเชื่อเรื่องที่เราสะดวกจะเชื่อ’ หรือเชื่อนักการเมืองที่เราชื่นชอบโดยไม่สนใจอยู่ดีว่า ‘ข้อเท็จจริง’ คืออะไรกันแน่ ซึ่งในงานวิจัยเขาค้นพบจริงๆว่าใน 170 ประเทศทั่วโลกต่างเป็นเช่นนี้หมด และแสดงออกในรูปแบบต่งๆกัน เช่น การแชร์เรื่องโฆษณาชวนเชื่อ การพูด Hate speech การล่าแม่มดในโลกออนไลน์” ดร.สังกมา กล่าว
ต่อมาคือ “I – Illiberal Democracy(ประชาธิปไตยที่ไม่เสรีจริง)” ยุคปัจจุบันเป็นยุคที่โลกถูกท้าทายมากที่สุดยุคสมัยหนึ่งเลยทีเดียวทั้งความตึงเครียดทางการเมืองและนโยบายเศรษฐกิจ ประเทศต้นแบบประชาธิปไตยอย่างสหรัฐอเมริกาก็เกิดการสังหารชาร์ลี เคิร์ค เพียงเพราะความคิดเห็นแตกต่างกัน ประเทศในยุโรปต่างได้รัฐบาลขวาจัด รวมถึงประเทศในเอเชียอย่างญี่ปุ่นก็ด้วย อย่างในกรณีของกัน จอมพลัง แม้จะไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของฝ่ายใด (ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งฝ่ายตรงข้าม หรือฝ่ายอนุรักษ์นิยมด้วยกันเอง) แต่ที่แน่ๆ คือทำให้ได้เห็นว่าการสื่อสารในโลกยุคใหม่ที่การเล่าเรื่องด้วยวิถีดิจิทัล (Digital Storytelling) มีอิทธิพลอย่างสูงต่อวงการสื่อและต่อผู้รับสาร
แม้กระทั่งประเทศที่เคยเป็นประชาธิปไตยเข้มข้นอย่างสหรัฐฯ หรือยุโรปที่ตามปกตินิเวศสื่อจะเปิดพื้นที่ให้แสดงความเห็นมีแตกต่างหลากหลาย (Pluralism) แต่ปัจจุบันพื้นที่เปิดรับความขัดแย้ง การเปิดพื้นที่ให้ถกเถียง (Debate) ดูเหมือนจะคับแคบลงไป ผู้คนกอดติดอยู่กับอุดมการณ์หรือเรื่องเล่าของตนเอง (เข่น ความคิดห็นเชิงชาตินิยมสุดขั้ว) และความคิดเห็นขั้วตรงข้ามที่อาจไม่ได้มีพื้นที่ในสื่อกระแสหลักมากนัก หรือไม่ได้เป็นผู้ครอบงำ Narrative หลัก ก็สะสมความคับข้องใจ จนปะทุเกิดความรุนแรงเกิดขึ้นได้ มีการใช้วิถีที่ไม่เป็นประชาธิปไตย คือแทนที่จะใช้พื้นที่สาธารณะดิจิตัลในการถกเถียงที่มีคุณภาพ แต่กลับใช้จนกระพือความเกลียดชังและความรุนแรง
สุดท้ายคือ “N3 ที่หมายถึง เศรษฐกิจแนวชาตินิยมแบบใหม่(New Economic nationalism) นโยบายเศรษฐกิจใหม่(New Industrial Policy) และความมั่นคงใหม่( New National security)”โลกประชาธิปไตยและสื่อฝั่งประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมถูกท้าทายด้วย N ทั้ง 3 ตัวนี้ ในขณะที่เราสงสัยว่ากัน จอมพลังถูกป้ายสีจากปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) ฝั่งไหนกันแน่? ก็ต้องมาพิจารณาว่าบทบาทที่ผ่านมากัน จอมพลัง เหมือนเป็นตัวแทนหรือฮีโรในจินตนาการของฝั่งชาตินิยมที่สมาทาน N3 ดังกล่าว จะมากบ้างน้อยบ้างก็ตาม
แต่แนวคิดใหม่ของ N3 ที่เป็นปรากฏการณ์เกิดขึ้นพร้อมๆกันแทบทั่วโลก ทำให้ “เนื้อสาร” ที่กันจอมพลังสื่อสารออกมาได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่ถูกปลุกเร้าทางอารมณ์จากสื่อมวลชนที่โหมเชื้อเพลิงความเกลียดชัง (กรณีกัมพูชา)พอดี ด้วยเหตุนี้องคาพยพอนุรักษฺ์นิยมในสังคมไทย รวมทั้ง IO ที่หา “ตัวผู้ส่งสาร” ที่อุดมการณ์สอดคล้องกันจึงทำให้เป็นการต่อจิ๊กซอว์ที่พอดีกัน
“การสร้างปรากฏการณ์เนื้อหาเชียร์กัน จอมพลังออกมาพรั่งพรูอย่างไม่น่าเชื่อว่าผู้คนจะเชื่อตามได้ง่ายๆ แต่ก็เชื่อไปแล้วเพราะไปเข้าล๊อคกับอุดมการณ์ N ทั้ง 3 ตัวที่ปูพรมความรู้สึกมาระยะเวลาหนึ่ง แนวทางของคุณกันสอดคล้องกับกลุ่มที่เสนอกรอบโครงการทางการเมือง (Political project) สุดโต่งเข้มข้นของนโยเแบบ 3N ในมิติประชาชนทั่วไปที่รับสารลักษณะนี้ พวกเขาก็พร้อมที่จะเชื่อ พร้อมที่จะแชร์ รวมถึงพร้อมที่จะเล่นงานคนที่เห็นต่างในโซเชียลด้วย” ดร.สังกมา อธิบาย

ขอบคุณภาพจาก : ICT Silpakorn , iSAB
ขณะที่ ผศ.ดร.สกุลศรี ศรีสารคาม อาจารย์ภาควิชาวารสารสนเทศ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัจจุบันสื่อสังคมออนไลน์ถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อสู้กันทางความคิด – ความเชื่อ ซึ่งข้อมูลประเภท “เร้าอารมณ์ (Emotional)”สามารถดึงคนเข้ามาสู่ประเด็นได้ ทำให้คนที่มีชุดความคิดแตกต่างกันตอกย้ำในแต่ละชุดความคิดได้ นำไปสู่การรวมกลุ่มของความคิดนั้นและมีส่วนร่วมได้ชัดเจน ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์กับคนที่ต้องการใช้มวลชนเพื่อสนับสนุนทิศทางของตนเอง
และไม่ว่าข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ทั้งจากชุดความคิดที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเรื่องนั้น เมื่อข้อมูลมีปริมาณมากเข้า ก็ทำให้คนส่วนหนึ่งเชื่อว่ามีคนเห็นด้วย (หรือไม่เห็นด้วย) กับตนเองเป็นจำนวนมาก กลายเป็นภาพจำลองของโลกออนไลน์ว่าใครสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนประเด็นดังกล่าว ในขณะที่การแสดงความคิดเห็น เชื่อว่ามีทั้งทำไปโดยบริสุทธิ์ใจ และที่ทำเพราะพวกมากลากไปหรือถูกกระตุ้นโดยวาทกรรมบางอย่าง
ประการต่อมา มีหลายความเห็นที่กล่าวถึงคนที่หลงเชื่อในทำนอง “นี่ไงกลุ่มเป้าหมายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์” หรือ “เนื้อหาแบบนี้ก็ดี..วัดความรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของคนได้” ประเด็นนี้มองว่า เมื่อมีเรื่องของอารมณ์และมีกลิ่นของความกลียดชังปนอยู่ด้วย ก็เป็นไปได้ที่เมื่อโพสต์แสดงความคิดเห็นจะออกมาในรูปแบบการด่าทอ ลดทอนศักดิ์ศรีหรือคุณค่าของอีกฝ่าย ทำให้การแสดงความคิดเห็นที่ควรจะสร้างสรรค์ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ถ้อยคำสร้างความเกลียดชัง (Hate Speech) และไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาใดๆ
“สมมติเรื่องการบริจาคหรือการเชื่อมโยงมันเป็นปัญหาจริงๆ ที่ต้องแก้ไข แต่คอมเมนต์ของคุณมันไม่ทำให้แก้ไขอะไรเลยถ้าคอมเมนต์แบบนี้ ก็คือแค่เอาอารมณ์สาดกัน แล้วเดี๋ยวพอจังหวะมันหายไปมันก็ผ่านไป แต่สิ่งที่ทิ้งไว้คือการแบ่งแยกคนออกจากกัน การทำให้สังคมมันมีแต่อารมณ์ แต่คนลืมใช้เหตุผลในการพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบด้าน ดังนั้นจุดที่เป็นปัญหาและอยากให้แก้ไข สุดท้ายจะไม่ถูกแก้ไขเลย มันก็แค่ฉันเกลียดเธอ ฉันไม่ชอบเธอ แล้วก็จบไป แล้วเวลามีเรื่องของเธอมาฉันก็เกลียดเธอ ไม่ชอบเธออีก แต่มันก็จะมีวงจรแบบนี้ใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นต่อไป” ผศ.ดร.สกุลศรี กล่าว
สำหรับบทบาทของแต่ละฝ่ายที่ควรจะเป็น ผศ.ดร.สกุลศรี ไล่เรียงตั้งแต่ 1.สื่อมวลชน ต้องระมัดระวังการดึงข้อมูลประเภทอารมณ์ความรู้สึกมานำเสนอเป็นข่าว ซึ่งเป็นการโยนเชื้อไฟกลับเข้าไปในสังคมและไม่เกิดประโยชน์ สิ่งที่สื่อควรทำคือเฝ้ามองความคิดเห็นต่างๆ ดูว่าอะไรมีข้อเท็จจริงของประเด็นหรือความเดือดร้อนแล้วนำมาต่อยอดขยายความ ก็จะทำให้ประเด็นนั้นไปข้างหน้าได้ แต่ที่เห็นกว่าครึ่งคือสื่อนำเสนอดราม่าวนเวียน สื่อจึงกลายเป็นเพียงผู้เล่นในวงจรดราม่าแต่ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร
2.แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ ที่ผ่านมาก็มีความพยายามเรียกร้องให้แพลตฟอร์มช่วยกลั่นกรองเนื้อหา แต่เชื่อว่าแพลตฟอร์มคงไม่ทำ เพราะยิ่งคนมีส่วนร่วม (Engage) มากแพลตฟอร์มก็ได้ประโยชน์ อย่างการออกมาผลิตเนื้อหา (Content) ตามกระแส บางคนที่ทำก็ไม่ได้มีประเด็นอะไรกับปัญหานั้นแต่ทำเพราะมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก คนที่ผลิตเนื้อหานั้นก็ได้ยอดการมีส่วนร่วม คือแพลตฟอร์มใช้อัลกอริทึมบีบด้วยยอดการมีส่วนร่วม แม้จะมีข้อกำหนดชุมชน (Community Guideline) แต่ถามว่ารายงานไปแล้วแพลตฟอร์มจัดการอะไรหรือไม่
3.ภาครัฐ หากจะให้ภาครัฐใช้กฎหมายกวาดล้างก็คงทำไม่ได้เพราะจะกลายเป็นการปิดกั้น ดังนั้นสิ่งที่รัฐทำได้ ในกรณีเป็นข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐเองก็ต้องเผยแพร่อย่างโปร่งใสตรวจสอบได้และตรงไปตรงมา เพราะหากให้ข้อมูลกำกวมไม่เข้าใจก็จะถูกนำไปบิดเบือน นอกจากนั้นควรลงทุนสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนในการรู้เท่าทัน (Literacy) อย่างเป็นระบบ ไม่ใช่เพียงจัดเวิร์กช็อปแล้วก็ผ่านไป ต้องสร้างความเข้าใจตั้งแต่ยังเป็นวัยเด็ก ไม่ใช่เพียงการแยกแยกข่าวลวง แต่ต้องแยกแยะระหว่างอารมณ์ ความเห็น ข้อมูลข้อเท็จจริงให้ได้
4.ประชาชนทั่วไปที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ นอกจากมีความรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy) แล้วยังต้อง “รู้เท่าทันอารมณ์ (Emotional Literacy)” ด้วย กล่าวคือ ต้องเข้าใจว่า “สื่อดิจิทัลเล่นกับอารมณ์ความรู้สึก” แต่ละคนต้องรู้จักจัดการกับอารมณ์ของตนเองไม่ให้ถูกเนื้อหาทางออนไลน์ เพราะเมื่อตัวเราเห็นเนื้อหาที่ตรงกับทัศนคติ เราก็จะอินกับมันมากแล้วอารมณ์ก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย จึงต้องถามตนเองด้วยว่าเรารู้เรื่องราวทั้งหมดหรือไม่ เราอาจมีข้อสงสัยได้แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกระโจนลงไปเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกแบบนั้นเพราะสุดท้ายก็ไม่เกิดผลดีอะไรขึ้นมา
“หลายเรื่องที่เกิดขึ้นมาบนโลกโซเชียลแล้วเป็นประเด็นทางสังคม เป็นปัญหาที่มีอยู่ในสังคมจริงๆ แต่พอเราไม่มี Emotional Literacy ที่จะจัดการกับอารมณ์แล้วใช้เหตุผลต่อเรื่องนั้น มันทำให้ปัญหานั้นถูกใช้เป็นเครื่องมือของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแต่ไม่ได้ถูกแก้ปัญหา แล้วข่าวปลอมหรือแม้แต่ข้อมูลบิดเบือนต่างๆ ก็จะถูกนำมาใช้เต็มไปหมด จนตอนนี้บางคนแยกไม่ออกแล้วว่าอะไรคือเรื่องจริง คือข้อมูล คือความเห็น ซึ่งอันนั้นจะเป็นปัญหามากๆ เพราะคนก็จะไม่เกิดการเรียนรู้ในสิ่งที่จำเป็น กลายเป็นฉันก็เชื่อแค่ตามความคิดของฉัน” ผศ.ดร.สกุลศรี ฝากข้อคิด
ต้องชี้แจงไว้ตรงนี้ด้วยว่าผู้เขียนไม่ใช่ FC ที่มาชี้แจงแทนคุณกัน จอมพลัง แต่เห็นว่าปรากฏการณ์ปั่นกระแสข่าวลวงสารพัดบุคคลมามอบรางวัลหรือกล่าวชื่นชม แม้หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องประชดขำขันที่น่าจะดูออกง่ายๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีคนบางส่วนที่เชื่อไปแล้วว่าเป็นเรื่องจริง อีกทั้งการที่มีคนอีกส่วนหนึ่งเย้ยหยันคนที่หลงเชื่อแทนที่จะอธิบายเพื่อหักล้างว่าข้อมูลนั้นเป็นข่าวลวงอย่างไร ก็ยิ่งทำให้เห็นว่าข้อมูลลวงเหล่านี้ไม่ได้เป็นประโยชน์ในการทำให้ระบบนิเวศโลกออนไลน์น่าอยู่ขึ้น
ตรงกันข้ามกลับเป็นการสุมไฟอารมณ์และซ้ำเติมความขัดแย้งแตกแยกในสังคมให้ร้าวลึกกว่าเดิม!!!
-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-
อ้างอิง
https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/39/iid/434865 (ไทย-กัมพูชา ลงนามถ้อยแถลงเพื่อนำไปสู่สันติภาพ โดนัลด์ ทรัมป์ – อันวาร์ ร่วมเป็นสักขีพยาน : กรมประชาสัมพันธ์ 27 ต.ค. 2568)
https://www.tnnthailand.com/politics/215965/ (สรุปสถานการณ์ชายแดนล่าสุด กองทัพไทย – กัมพูชา ถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ : TNN 1 พ.ย. 2568)
https://cofact.org/article/2xn4cmndc8yvv
https://bushoojapan.com/bushoo/takeda/2025/04/11/112072 (武田信玄の生涯|最強の戦国大名と名高い53年の事績を史実で振り返る : Bushoojapan 11 เม.ย. 2568)
https://bushoojapan.com/bushoo/takeda/2024/10/19/105247 (武田義信の生涯|30歳の若さで亡くなった信玄の嫡男 父と対立した理由は妻と母? : Bushoojapan 10 ต.ค. 2567)
https://www.guillaumeerard.com/aikido/interviews/interview-with-takeda-yoshinobu-shihan (Interview with Takeda Yoshinobu Shihan, 8th dan : Guillaume Erard 2 พ.ค. 2568)
http://www.aikikai.or.jp/sp/search/detail.html?lang=JP&id=834 (A.K.I.本部武田道場)
https://www.pref.osaka.lg.jp/o190010/senkan/r7sangiinn/toukaihyou.html (投開票結果調(第27回参議院議員通常選挙): 22 ส.ค. 2568)
https://www.pref.osaka.lg.jp/documents/113159/00toukaisenkyoku_1.pdf
https://www.thaipbs.or.th/verify/en/content/6435 (Fact-checked: A post shared over 1,000 times claiming, “Putin praises Thai hero ‘Kan Jompalang,’” is part of scam that tricks users into paid monthly subscription. : ThaiPBS Verify 26 ต.ค. 2568)
https://www.justjared.com/2025/04/01/leonardo-dicaprio-joins-one-battle-after-another-co-stars-regina-hall-teyana-taylor-at-cinemacon-2025/ (Leonardo DiCaprio Joins ‘One Battle After Another’ Co-Stars Regina Hall & Teyana Taylor at CinemaCon 2025 : Just Jared 1 เม.ย. 2568)
https://www.youtube.com/watch?v=JB5wS2BCmug&t=9854s (Live “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” 20 ตุลาคม 2568 : สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว)
