ตรวจสอบโพสต์ X ของ “คำ ผกา” ระบุอนาคตใหม่-ก้าวไกลไม่ออกแถลงการณ์หลังถูกยุบพรรค

กองบรรณาธิการโคแฟค

❓ เนื้อหาที่ตรวจสอบ:  พรรคอนาคตใหม่-พรรคก้าวไกล ไม่ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนหลังถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค 

❌ ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง: **ข้อมูลไม่ถูกต้อง ทั้งพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลมีแถลงการณ์ด้วยวาจาในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรค**

📝 เนื้อหาโดยสรุป: วันที่ 22 พ.ย. 2568 “คำ ผกา” คอลัมนิสต์และพิธีกรโพสต์ข้อความในบัญชี X @kamphaka ว่า “ตอนยุบพรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล ก็ไม่เห็นออกแถลงการณ์อะไรนะคะ นอกจาก ยักไหล่แล้วไปต่อ จากนั้นก็ลบนโยบาย 112 ออกไปเงียบ ๆ” ซึ่งเป็นการตอบโต้ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ คอลัมนิสต์ที่เขียนบทความวิจารณ์พรรคเพื่อไทยที่เงียบเฉยต่อกรณีที่อัยการสูงสุดเตรียมยื่นอุทธรณ์คดีที่ทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และการที่ศาลฎีกาพิพากษาให้กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษี 1.76 หมื่นล้านบาทจากการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด

“หลักฐานง่ายๆ ว่าเพื่อไทย ‘หมอบ’ เต็มที่คือขนาดคุณทักษิณโดนอุทธรณ์ 112 ซึ่งทำให้ติดคุกยาว 1 ปีและโดนคดีภาษีหุ้น 1.7 หมื่นล้าน เพื่อไทยทั้งพรรคกลับไม่มีแถลงการณ์เรื่องนี้” ศิโรตม์ระบุในบทความเรื่อง “การเมืองสีเทาในคดีทักษิณและศึก สตช.” เผยแพร่ในเว็บไซต์มติชนสุดสัปดาห์วันที่ 21 พ.ย.

“คำ ผกา” โต้แย้งด้วยการโพสต์ข้อความใน X ว่าการออกแถลงการณ์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ และตุลาการภิวัฒน์ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ พรรคเพื่อไทยจึงเลือกที่จะเอาเวลาออกแถลงการณ์ไปทำงานอื่นและเตรียมการเลือกตั้ง และอีกโพสต์หนึ่งระบุว่าพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลว่าทั้งสองพรรคนี้ก็ไม่ออกแถลงการณ์ใด ๆ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีวินิจฉัยให้ยุบพรรคเช่นกัน (ลิงก์บันทึก)  

🔎 โคแฟคตรวจสอบ: ประเด็นที่โคแฟคตรวจสอบคือ พรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลไม่ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังถูกยุบพรรคจริงหรือไม่?

จากรายงานข่าวของสื่อมวลชนหลายสำนักและจากวิดีโอที่เผยแพร่ทางช่องยูทูบของอดีตพรรคก้าวไกล พบว่ากรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่และก้าวไกลได้แถลงแสดงความคิดเห็นและจุดยืนต่อคำวินิจฉัยยุบพรรค ดังนี้

▪ วันที่ 21 ก.พ. 2563 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรคอนาคตใหม่พร้อมเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี จากกรณีพรรคกู้เงิน 191.2 ล้านบาทจากธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ซึ่งศาลวินิจฉัยว่าเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 

ช่วงเย็นวันเดียวกัน ธนาธรและกรรมการบริหารพรรคเปิดแถลงข่าว ณ ที่ทำการพรรคซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊กและยูทูบของพรรคและของสื่อมวลชน เช่น ไทยพีบีเอส สื่อหลายสำนักก็รายงานข่าวการแถลงครั้งนี้ด้วย เช่น มติชนพาดหัวข่าวว่า “ปิยบุตร-กก.บห. แถลงไม่เห็นด้วยคำวินิจฉัย ยุบพรรคอนาคตใหม่”  The Momentum พาดหัวว่า “อนาคตใหม่แถลงหลังศาลฯ สั่งยุบพรรค ประกาศเดินหน้าต่อเพียงแต่เปลี่ยนวิธีเดิน”  

▪ วันที่ 7 ส.ค. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคก้าวไกลและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากการร่วมกันเสนอให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายหาเสียง

หลังศาลมีคำวินิจฉัย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและกรรมการบริหารพรรคได้แถลงข่าวที่พรรค โดยชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคอ่านแถลงการณ์ ตามด้วยคำแถลงจากพิธา ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางโซเชียลมีเดียของพรรคและสื่อมวลชน เช่น ไทยพีบีเอส และ The Standard

ประเด็นสำคัญในแถลงการณ์คือ พรรคก้าวไกลยืนยันว่าไม่ได้กระทำการล้มล้างหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และยืนยันว่าตัวบทและการบังคับกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้นมีปัญหาจริงและควรใช้กลไกของสภาในการหาทางออก

📌 ข้อสรุปโคแฟค: รายงานข่าวของสื่อมวลชนและวิดีโอบันทึกการแถลงข่าวที่เผยแพร่โดยทั่วไปในโซเชียลมีเดีย เป็นหลักฐานว่าพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลมีการแถลงการณ์หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2563 และ 7 ส.ค. 2567 ตามลำดับ ดังนั้นข้อความของ “คำ ผกา” ที่ระบุว่า “ตอนยุบพรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล ก็ไม่เห็นออกแถลงการณ์อะไร…” จึงไม่ตรงกับความเป็นจริง 

สำหรับข้อความในโพสต์ที่ระบุว่าพรรคก้าวไกลลบนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ออกจากเว็บไซต์ของพรรคนั้นเป็นความจริง แต่เป็นการนำออกจากเว็บไซต์หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2567 ว่าการกระทำของพิธาและพรรคก้าวไกลในการเสนอแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายหาเสียง เป็นการล้มล้างการปกครองฯ ซึ่งเลขาธิการพรรคก้าวไกลให้สัมภาษณ์ว่านำนโยบายนี้ออกจากเว็บไซต์ของพรรคจริงเนื่องจากฝ่ายกฎหมายเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญระบุในคำวินิจฉัยว่าการที่ยังมีนโยบายนี้อยู่บนเว็บไซต์ถือว่ามีเจตนาต้องการลดทอนการคุ้มครองสถาบันกษัตริย์

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ