Fact-check: พนักงานสอบสวนคดี “ส่วยเว็บพนันออนไลน์” ออกหมายเรียก-หมายจับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้หรือไม่ ?
ทีมเฉพาะกิจ Cofact x The Momentum
[รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการตรวจสอบข้อเท็จจริงทางการเมืองในรัฐสภา ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกองบรรณาธิการ Cofact และ The Momentum ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2568]
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กำลังถูกตั้งคำถามถึงการใช้ “สองมาตรฐาน” และ “เลือกปฏิบัติ” ในการดำเนินคดีกับข้าราชการตำรวจระดับสูงและพวก ที่ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกันเว็บพนันออนไลน์ 2 คดี คือคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กับคดีของ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร.
นอกจาก พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ ที่ออกมาร้องเรียนและกล่าวหา ตร. ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และเลือกปฏิบัติระหว่างคดีของตนเองกับคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ แล้ว พ.ต.อ. วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เป็นอีกคนหนึ่งออกมาตั้งคำถามในประเด็นนี้
วันที่ 13 พ.ย. 2568 กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ซึ่งมีรังสิมันต์ โรม สส. พรรคประชาชนเป็นประธาน เชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงกรณีคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) มีมติชี้มูลความผิดทางวินัยร้ายแรง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กรณีส่วยขบวนการเว็บพนันออนไลน์
พ.ต.อ. วิรุตม์ตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อมีผู้ร้องเรียนกล่าวโทษข้าราชการตำรวจระดับสูงว่ากระทำผิดอาญา พนักงานสอบสวนจะต้องสอบสวนโดยไม่ชักช้าภายใน 30 วัน ก่อนจะส่งเรื่องไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่วน ก.ร.ตร. ก็จะต้องเร่งพิจารณาโทษทางวินัย

พ.ต.อ. วิรุตม์กล่าวว่าในส่วนของโทษทางวินัย ก.ร.ตร. สามารถมีมติพักราชการ สำรองราชการ หรือให้ข้าราชการตำรวจที่ถูกกล่าวหาออกจากราชการไว้ก่อนได้ ในส่วนของคดีอาญา พนักงานสอบสวนมีอำนาจออกหมายเรียกและหมายจับได้ แต่ก็ไม่มีการดำเนินการในกรณีของ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์
ทีมเฉพาะกิจ “Cofact x The Momentum ตรวจสอบข้อเท็จจริงในสภา” เปิดข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบขั้นตอนและอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนว่าเป็นไปตามที่ พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าวหรือไม่อย่างไร
ลำดับเหตุการณ์ข้อกล่าวหา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์และพวก
1 เม.ย. 2567 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ เข้าแจ้งความ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์และพวกในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงินที่ สน.เตาปูน ตามด้วยการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ก.ร.ตร. เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2567
30 ก.ค. 2567 พนักงานสอบสวน สน.เตาปูนส่งสำนวนการสอบสวนไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช.
16 ธ.ค. 2567 คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นกรณีกล่าวหา พล.ต.อ. ต่อศักดิ์กับพวกเรียกรับเงินหรือทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ พบว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอจึงมีมติ รับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงโดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน
22 ต.ค. 2568 ก.ร.ตร. มีมติว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์และพวกที่เป็นตำรวจกว่า 200 นายมีมูลความผิดจริง และอยู่ระหว่างการเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง ซึ่ง ก.ร.ตร. จะนำคำชี้แจงนั้นมาพิจารณาเพิ่มเติมเพื่อตัดสินและกำหนดโทษทางวินัย
เนื้อหาที่ตรวจสอบ
พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าวในที่ประชุม กมธ. ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ว่าเมื่อมีผู้ทำหนังสือร้องเรียนกล่าวโทษถึง ผบ.ตร. หัวหน้าพนักงานสอบสวนหรือผู้รับหนังสือจะต้องรายงานดำเนินการสอบสวนโดยไม่ชักช้าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพราะข้อกล่าวหานี้ไม่ใช่เรื่องความผิดทางวินัยอย่างเดียว แต่เป็นคำกล่าวโทษทางอาญาด้วย โดยพนักงานสอบสวนจะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานส่ง ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน
“…ใน 30 วัน ท่านออกหมายเรียกได้ (ออก) หมายจับได้ด้วยซ้ำไป แต่ท่านก็ไม่ได้ทำ” พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าว
พ.ร.ป. ป.ป.ช. เขียนไว้ว่าอย่างไร?
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 (พ.ร.ป. ป.ป.ช.) มาตรา 28 (2) ระบุว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าที่และอํานาจในการไต่สวนกรณีเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งรวมถึงข้าราชการตำรวจที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ซึ่งการเรียกรับสินบนเป็นหนึ่งในฐานความผิดที่ ป.ป.ช. มีอำนาจตรวจสอบ ดังนั้น ป.ป.ช. จึงมีอำนาจและหน้าที่ในการไต่สวนคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์และพวก
มาตรา 61 ระบุว่าเมื่อผู้เสียหายร้องทุกข์หรือมีผู้กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับเจ้าพนักงานของรัฐหรือบุคคลอื่นใดในข้อหาที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. “ให้พนักงานสอบสวนแสวงหาข้อเท็จจริง รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นแล้วส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ”
สำหรับประเด็นการออกหมายเรียกและหมายจับที่ พ.ต.อ.วิรุตม์ระบุว่าพนักงานสอบสวนสามารถทำได้ในช่วงการสอบสวนก่อนส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. นั้น เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อาญา) ที่ระบุว่าพนักงานสอบสวนสามารถออกหมายเรียกให้บุคคลใดมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบสวนได้
ส่วนการออกหมายจับนั้น ป.วิ.อาญา มาตรา 66 ระบุเหตุที่จะออกหมายจับได้ คือ (1) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี หรือ (2) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่นถ้าบุคคลนั้นไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หรือไม่มาตามหมายเรียกหรือตามนัดโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควร ให้สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นจะหลบหนี
ตัวอย่างเช่นในคดีของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ที่พนักงานสอบสวน สน.สายไหม ได้ขอศาลออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และศาลอนุมัติหมายจับเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2567 โดยให้เหตุผลว่ามีหลักฐานเชื่อว่ากระทำผิดเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์และมีพฤติการณ์หลบเลี่ยงหมายเรียกของพนักงานสอบสวน

แต่ในคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์นั้นแหล่งข่าวในชุดสอบสวนคดีให้ข้อมูลว่า พนักงานสอบสวน สน.เตาปูน ไม่ได้ออกหมายเรียกและหมายจับเนื่องจากสามารถติดต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้และผู้ต้องหายังได้ทำคำให้การเป็นหนังสือ จึงไม่มีเหตุให้ต้องออกหมายเรียกหรือหมายจับ
การที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกและขอศาลออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ แต่ไม่ดำเนินการเช่นเดียวกันในกับ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์เช่นกัน เป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ร้องเรียนว่า ตร. เลือกปฏิบัติ
ข้อสรุป
ตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช. และกฎหมาย ป.วิ.อาญา เมื่อมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษข้าราชการตำรวจระดับสูงอย่าง พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ อดีต รอง ผบ.ตร. ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ซึ่งรวมถึงการรับสินบน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีอำนาจหน้าที่ในการไต่สวนและวินิจฉัยชี้มูลความผิด โดยพนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริงเบื้องต้นและส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน ซึ่งระหว่างนั้น พนักงานสอบสวนสามารถออกหมายเรียกหรือขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาได้แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ป.วิ.อาญา สำหรับการออกหมายจับนั้น ต้องมีหลักฐานว่าผู้ต้องหาน่าจะกระทำความผิดอาญาที่มีโทษจำคุกเกิน 3 ปี มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี หรือไม่มาตามหมายเรียกโดยไม่มีเหตุอันควร
ในคดีของ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ที่ถูกกล่าวหารับสินบนจากเว็บพนันออนไลน์นั้น พนักงานสอบสวนไม่ได้ออกหมายเรียกและหมายจับจริง โดยให้เหตุผลว่าสามารถติดต่อผู้ต้องหาได้และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งชัดเจน จึงไม่มีเหตุให้ต้องออกหมายเรียกหรือหมายจับ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์นั้น พนักงานสอบสวน สน.เตาปูนได้ส่งสำนวนไปที่ ป.ป.ช. แล้วตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค. 2567 และ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2567 คดีนี้จึงอยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มาตรา 39 ของ พ.ร.ป. ป.ป.ช. ระบุว่า “ในระหว่างการไต่สวน หรือเมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลว่าผู้ใดกระทําความผิดและความผิดนั้นมีโทษทางอาญา หากมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาจะหลบหนี ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือผู้ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายมีอํานาจดําเนินการขอให้ศาลที่มีเขตอํานาจออกหมายจับและควบคุมตัวผู้ถูกกล่าวหาไว้”
เรื่องอื่นที่น่าสนใจ
- Fact-check: ข้อหารือของ สส.เพื่อไทย “ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์” ว่าด้วยเอ็มโอยูแรร์เอิร์ธ ไทย-สหรัฐฯ
- เงินภาษีอุดหนุนพรรคการเมือง-เงินที่ กกต. จัดสรรให้จะไปไหนเมื่อพรรคถูกยุบ ?
- ตรวจสอบ 4 เนื้อหาเท็จ ที่ปลุกปั่นความเกลียดชัง “อังคณา นีละไพจิตร”
- ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่อง “ฟอกไต (ไม่) ฟรี” ที่นายกฯ อนุทินพูดวันแถลงนโยบาย
- เช็กประวัติการศึกษา “ไชยชนก ชิดชอบ” เรียนที่อังกฤษ-จบรัฐศาสตร์บัณฑิต ม.เฉลิมกาญจนา บุรีรัมย์
