ตรวจสอบภาพด้วยเอไอ เชื่อถือได้หรือใช้ยืนยันอคติ?
กองบรรณาธิการโคแฟค
ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียร่วมกันตรวจสอบภาพของภคมน หนุนอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ขณะลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2568 หลังจากมีข้อกล่าวหาว่าระดับน้ำท่วมไม่ได้สูงจริงอย่างที่เห็นในภาพ
แม้ว่าหลักฐานต่าง ๆ ที่นำมาประกอบกัน เช่น ภาพจาก Google Street View และคลิปสำรวจพื้นที่จริงจากเจ้าของบ้านที่อยู่ใกล้กับจุดน้ำท่วม จะสามารถยืนยันได้ว่าจุดที่ภคมนหรือ “สส.ลิซ่า” ช่วยผู้ประสบภัยอยู่นั้นระดับน้ำท่วมสูงจริง แต่สุรวิชช์ วีรวรรณ สื่อมวลชนอาวุโสและคอลัมนิสต์ได้ข้อสรุปที่ต่างออกไปโดยอ้างอิงการวิเคราะห์ภาพด้วยเอไอ
สุรวิชช์โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก “Surawich Verawan” เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2568 ว่าหากใช้เอไอวิเคราะห์ภาพ “แบบมีหลักการ” จะพบว่า “ระดับน้ำจริงไม่ลึกเท่าที่สายตาเห็น” โพสต์นี้มียอดกดถูกใจมากกว่า 3,100 ครั้ง และยอดแชร์มากกว่า 180 ครั้ง (ณ วันที่ 8 ธ.ค.)
แม้ว่าเอไอจะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยในการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้บางส่วน แต่นักตรวจสอบข้อเท็จจริง (fact-checker) เห็นว่าเอไอมีข้อจำกัดและจุดอ่อนในการตรวจสอบเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือข้อความ การนำคำตอบของเอไอมาอ้างอิงจึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังว่าจะกลายเป็นการหาหลักฐานมาสนับสนุนความคิดความเชื่อเดิมของตัวเองหรืออคติยืนยัน (confirmation bias)
ข้อจำกัดของเอไอในการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีอะไรบ้าง โคแฟควิเคราะห์ไว้ในบทความชิ้นนี้โดยใช้การตรวจสอบภาพ สส.ลิซ่า ช่วยน้ำท่วมเป็นกรณีศึกษา
ภาพต้นเหตุ
หลายจังหวัดในภาคใต้ของไทยเผชิญกับมหาอุทกภัยโดยเฉพาะใน จ.สงขลา ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. เป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 229 ราย จากตัวเลขทั้งหมด 267 ราย (ข้อมูลจากรายงานของไทยพีบีเอส อ้างอิงกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 2 ธ.ค. 68)
ลิซ่าเป็น สส. คนหนึ่งที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่กลับตกเป็นเป้าโจมตีในโลกออนไลน์ว่าการลงพื้นที่ของเธอนั้นเป็นการสร้างภาพมากกว่าจะเป็นการช่วยเหลือประชาชนจริง โดยมีผู้นำภาพจากคลิปที่เผยแพร่ในบัญชี X ของนายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ พิธีกรข่าวและนักวิเคราะห์การเมือง ซึ่งแสดงเหตุการณ์ขณะ สส.ลิซ่า ใส่เสื้อชูชีพพยุงตัวอยู่ในน้ำท่วมระดับอกระหว่างการเข้าช่วยเหลือประชาชนในซอย 17/1 ถนนกาญจนวนิช อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 25 พ.ย. มา “จับผิด” ว่าระดับน้ำตรงจุดนั้นไม่ได้สูงถึงขั้นต้องใส่ชูชีพหรือ “ลอยคอ” เพราะซอยที่เชื่อมต่อกันก็มีชายคนหนึ่งยืนอยู่โดยไม่มีน้ำท่วมขัง
นอกจากนี้ ยังมีการสร้างภาพเอไอมาเผยแพร่ว่าที่ระดับน้ำดูลึกมากเพราะ สส.ลิซ่า จงใจยืนย่อเข่าเพื่อให้ภาพออกมาดูยากลำบากกว่าความเป็นจริง

ใช้ ChatGPT วิเคราะห์ภาพ
สุรวิชช์ คอลัมนิสต์ในเครือผู้จัดการ ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงของระดับน้ำท่วมด้วยการใช้เครื่องมือเอไออย่าง ChatGPT วิเคราะห์รูปของ สส.ลิซ่า ขณะลงพื้นที่ ซึ่งได้ข้อสรุปว่า “หลายคนเห็นภาพนี้แล้วอาจเข้าใจว่าน้ำท่วมสูงถึง ‘คอ’ ของผู้หญิง แต่เมื่อวิเคราะห์อย่างเป็นหลักการจากวัตถุที่อยู่ในภาพ จะพบว่าระดับน้ำจริง ‘ไม่ลึกเท่าที่สายตาเห็น’”
“ระดับน้ำในภาพนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 90–110 เซนติเมตรหรือประมาณเอวถึงอกของผู้ใหญ่ ไม่ได้ถึงคออย่างที่เข้าใจในแวบแรก” เขาระบุในโพสต์ (ลิงก์บันทึก)
สุรวิชช์ขยายความว่าเหตุที่ ChatGPT สรุปว่าระดับน้ำท่วมไม่ลึกเท่าที่สายตาเห็นนั้นมาจากการวิเคราะห์ 3 ส่วน คือ
1) ใช้รถยนต์เป็นหลักอ้างอิง รถ SUV ทั่วไปมีความสูงของฝากระโปรงหน้าอยู่ที่ประมาณ 85-100 ซม. ในภาพนี้ เส้นน้ำสูงกว่าฝากระโปรงเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงฐานกระจกหน้า นั่นหมายความว่าระดับน้ำจริงอยู่ราว 90-110 ซม.
2) เหตุผลที่ดูเหมือนน้ำลึกถึงคอ เพราะเมื่อคนอยู่ในน้ำลึกเกินเอวมักจะงอเข่าเล็กน้อยเพื่อทรงตัวหรือลอยตัวบางส่วนหรือไม่ได้ยืนเต็มเท้า ทำให้ดูเหมือนระดับน้ำสูงถึงคอทั้งที่ระดับจริงอยู่ประมาณหน้าอกหรือลำตัวช่วงบนเท่านั้น
3) เช็กซ้ำด้วยสรีรศาสตร์ ระดับอกของผู้หญิงไทยโดยเฉลี่ยอยู่ประมาณ 95-105 ซม. จากพื้นซึ่งสอดคล้องกับการประเมินจากตัวรถ

ข้อจำกัดของเอไอในการตรวจสอบภาพ
แม้ว่าเอไอจะพัฒนาความสามารถอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัดหลายประการ และการนำเอไอมาใช้ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง (fact-check) จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง การนำเอไอมาตรวจสอบระดับน้ำท่วมจากภาพ สส. ลิซ่า จึงควรพิจารณาถึงข้อจำกัดดังนี้
1.เอไอมีความรู้จำกัดและใช้ข้อมูลอ้างอิงเท่าที่ผู้ใช้งานป้อนให้
หากประเมินว่าผู้ใช้งานรายนี้อัปโหลดภาพเพียง 1-2 ภาพให้เอไอวิเคราะห์ เอไอจะมีข้อมูลจำกัดอย่างยิ่งที่จะประเมินว่าสถานการณ์จริงเป็นอย่างไร และเอไอก็ไม่สามารถค้นหาพิกัดทางภูมิศาสตร์หรือคลิปอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งจากเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียทั้งหมดมาเพื่อประกอบการวิเคราะห์ได้
ดังนั้น ในกรณีนี้ ChatGPT จึงไม่มีข้อมูลว่าพื้นที่ในคลิปมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ คือเป็นส่วนพื้นที่ต่ำสุดระหว่างทางลาดเอียงสองจุด รวมถึงบ้านบริเวณหัวมุมที่ปรากฏในคลิปซึ่งมีการถมดินยกพื้นสูงจากถนนอย่างน้อยหนึ่งเมตรจากคลิปและคำบรรยายของเพื่อนบ้าน

เอไออาจประเมินโดยใช้ความสูงของรถเอสยูวีและสรีระของผู้หญิงไทยมาเปรียบเทียบกันตามที่ในโพสต์อ้าง โดยไม่มีข้อมูลจำเป็นอื่น ๆ มาใช้วิเคราะห์ จนทำให้ได้คำตอบที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง
2.เอไอทำตามคำสั่ง (prompt) เป็นหลัก
สุรวิชช์ไม่ได้เปิดเผยคำสั่งที่ป้อนให้ ChatGPT แต่จากข้อความในโพสต์เฟซบุ๊กแสดงให้เห็นว่าเขาต้องการให้เอไอหาคำตอบว่าระดับน้ำท่วมในจุดที่ สส.ลิซ่าช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้นสูงถึงคอจริงหรือไม่ และให้วิเคราะห์อย่างมีหลักการว่าระดับน้ำในภาพลึกเท่าที่ตาเห็นหรือไม่
โคแฟคทดลองให้ ChatGPT วิเคราะห์โดยใส่คำสั่งลักษณะนี้ประกอบกับภาพนิ่งสองภาพจากโพสต์เฟซบุ๊กของสุรวิชช์เป็นข้อมูลพื้นฐาน ผลคือ ChatGPT วิเคราะห์ว่า “ระดับน้ำที่เห็น ‘ไม่เท่ากัน’” และภาพแรก “ดูเหมือนถูกจัดมุมหรือเลือกเฟรมให้ดูน้ำสูงกว่าความจริง”
แต่เมื่อป้อนข้อมูลเพิ่มเติมไปว่า “ที่จริงแล้วระดับน้ำในภาพนั้นสูงถึงคอของผู้หญิงจริง” ChatGPT กลับอธิบายว่า “คำตอบก่อนหน้าไม่ได้ผิด แต่เป็นข้อจำกัดของการประเมินจากภาพนิ่งสองมุม”

คำตอบของเอไอที่เปลี่ยนไปตามคำสั่งและความคิดเห็นของผู้ใช้งาน
ตัวอย่างนี้ชี้ให้เห็นว่าเอไอจะทำงานตามคำสั่งปัจจุบันของผู้ใช้งาน รวมถึงการอ้างอิงข้อมูลจากประวัติของคำสั่งหรือบทสนทนาในอดีต นอกจากนี้ เอไอมักไม่ยอมรับว่า “ไม่รู้” และเลือกที่จะให้คำตอบแบบผิด ๆ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ผู้ใช้งาน ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นจากการเทรนโมเดลเอไอ และถึงแม้ว่าเอไอจะให้ข้อมูลที่ถูกต้องในทีแรก แต่ถ้าหากผู้ใช้งานถามย้ำ ๆ ว่านี่คือข้อมูลที่ถูกต้องจริงหรือ เอไอก็จะเปลี่ยนคำตอบกลับไปกลับมาตามลักษณะของคำถาม นี่แสดงให้เห็นว่าเอไอไม่ได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องหรือเป็นความจริงเสมอไป แต่อาจให้ข้อมูลผิด ๆ เพื่อสนับสนุนอคติของผู้ใช้งานโดยเฉพาะเมื่อได้รับคำสั่งที่มีอคติหรือความเชื่อบางอย่างอย่างชัดเจน
3.ยากที่จะตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้จากเอไอ
เอไอสามารถช่วยค้นหา สรุปข้อมูล หรือทำงานบางอย่างแทนมนุษย์ได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่ปัจจุบันยังมีข้อจำกัดมากเกินกว่าจะนำมาอ้างอิงเป็นแหล่งข้อมูลหลักหรือเป็นข้อสรุปที่ถูกต้องที่สุดเพียงหนึ่งเดียว โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือเอไอเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ยังพบข้อผิดพลาดอยู่มาก นั่นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ใช้งานจะต้องมีความรู้และความละเอียดรอบคอบมากพอที่จะตรวจสอบว่าข้อมูลหรือข้อสรุปจากเอไอนั้นถูกต้องจริงหรือไม่ก่อนที่จะนำเนื้อหานั้นไปใช้งานหรือเผยแพร่ต่อ เพราะอาจเป็นการกระจายข้อมูลหรือความเข้าใจผิด ๆ ออกไปในวงกว้างไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
อ้างอิง
- AI hallucinates because it’s trained to fake answers it doesn’t know
- AI Wants to Make You Happy. Even If It Has to Bend the Truth
- Fact check: How do I spot errors in AI chatbots?
เรื่องอื่นที่น่าสนใจ
- Fact-check: พรรคประชาชน “ไม่เอาทหาร” ?
- Fact-check: พนักงานสอบสวนคดี “ส่วยเว็บพนันออนไลน์” ออกหมายเรียก-หมายจับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้หรือไม่ ?
- Fact-check: ข้อหารือของ สส.เพื่อไทย “ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์” ว่าด้วยเอ็มโอยูแรร์เอิร์ธ ไทย-สหรัฐฯ
- เงินภาษีอุดหนุนพรรคการเมือง-เงินที่ กกต. จัดสรรให้จะไปไหนเมื่อพรรคถูกยุบ ?
- ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่อง “ฟอกไต (ไม่) ฟรี” ที่นายกฯ อนุทินพูดวันแถลงนโยบาย
