สานสัมพันธ์‘ออนไลน์-ออฟไลน์’ ข้อพึงตระหนักไว้ ลดเสี่ยงภัย-ไม่ตกเป็นเหยื่อ

กิจกรรม

รายการ “Cofact Live Talk” ทางเพจเฟซบุ๊ก “Cofact โคแฟค ดำเนินรายการโดย สุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้งภาคีโคแฟค (ประเทศไทย)รับเทศกาล วันแห่งความรัก 14 ก.พ. 2568 ใน EP.3 ชวนพูดคุย ในหัวข้อ “Unlock Romance scam story! 18+ หลอกให้รักออนไลน์ บทเรียนสอนใจเช็กอย่างไรให้ชัวร์ กับ ปังปอนด์ – ณตภณ ดิษฐบรรจง ซึ่งที่ผ่านมาได้มาช่วยทาง Cofact เขียนบทความ Fact Check ข่าวลวงในประเด็น HIV/AIDS แต่ก็เป็นคนหนึ่งที่เคยมีประสบการณ์ตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงประเภทนี้ด้วย

ณตภณ เล่าว่า ประมาณ 10 ปีก่อน ตนเคยมีช่วงเวลาบ้านแตกสาแหรกขาด ไม่ได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว อีกทั้งยังเป็นช่วงวัยรุ่น จึงใช้เวลาไปกับสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ อีกทั้งยังใช้แพลตฟอร์มหาคู่ทางออนไลน์ แม้เวลานั้นจะยังอายุไม่ถึงเกณฑ์ที่อนุญาตให้ใช้งานได้ก็ตาม จำได้ว่าเจอคนคนหนึ่ง คุยกันจนคุ้นเคยแล้วก็ยอมเดินทางด้วยรถไฟไปไกล จากหัวลำโพง กรุงเทพฯ ถึง จ.นครราชสีมา แต่รอที่สถานีรถไฟประมาณ 2 ชั่วโมง อีกฝ่ายก็ไม่มาตามนัดทั้งที่ตนโอนเงินให้ไปแล้ว และเมื่อตรวจสอบช่องทางออนไลน์ก็พบว่าโดยบล็อกทั้งหมด ครั้งนั้นเสียเงินไปเกือบ 3,000 บาท  นั่นคือประสบการณ์โดนหลอกครั้งแรก

เคสนี้เป็นเคสแรกที่รู้แล้วว่าเป็น Romance Scam อาจจะไม่เป๊ะๆ เหมือนชาวบ้านเขา แต่ผมก็รู้สึกว่านี่คือการหลอกให้เรารักก่อนแล้วก็หลอกให้เราควักสตางค์ให้เขา ใช้เวลา 3 เดือน แล้วนอกจากผม ก็เคยมีแม่ผมก็เคยโดน นานแล้ว แต่อันนั้นเขาเอ๊ะก่อนที่จะโอน แต่เคสที่แม่เจอจะเป็นชาวต่างชาติ คุยไป 3  4 วัน รู้แล้วนี่หลอกแน่นอน ก็เลยตัดการคุย แต่ของผมคือไปมากกว่านั้นแล้ว และคนไทยด้วยกันด้วย รุปลักษณ์เป็นคนไทย ถ้าเคสนั้นไม่เคยเห็นหน้าตา ไม่เคยวีดีโอคอลคุย เขาบอกโอนค่าโรงแรมไปให้ก่อน เดี๋ยวจ่ายส่วนต่างกลับมาให้ เจอกันแล้วค่อยจ่ายคืน

จากประสบการณ์ดังกล่าว มีคำแนะนำแรก 1.หากอยากเจอตัวให้เจอในที่สาธารณะ ไม่ใช่ที่ลับตา เช่น การนัดที่โรงแรม การนัดเจอในพื้นที่สาธารณะจะลดความเสี่ยงอย่างการถูกชิงทรัพย์หรือถูกลักพาตัวได้ 2.ชวนเพื่อนไปด้วย นอกจากเป็นการเผื่อไว้หากมีเหตุร้ายเกิดขึ้นจะได้มีคนช่วยแล้ว หรือแม้ไม่มีเหตุร้ายเกิดแต่อย่างน้อยเพื่อนก็รู้สถานะของเรา จะได้รู้ว่าคนคนนี้คุยกับเราอยู่ ควรระวังหรือไม่ระวังอะไรบ้าง

3.แม้จะเป็นแพลตฟอร์มหาคู่ที่มีชื่อเสียงเป็นทางการก็ใช่ว่าจะปลอดภัย เพราะหากอยากหลอกก็สามารถทำได้แม้จะมีเครื่องหมายรับรอง เช่น บางครั้งได้เครื่องหมายแล้วก็เปลี่ยนภาพโปรไฟล์ แต่สำหรับแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ (ที่ไม่ใช่แพลตฟอร์มหาคู่โดยตรง) อย่างเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม หรือ X หากสมัครขอใช้เครื่องหมายรับรองยืนยันตัวตน ทุกครั้งที่เปลี่ยนรูปโปรไฟล์จะถูกตรวจสอบเสมอว่าใบหน้าตรงกับบัตรประชาชนที่เราใช้สมัครหรือไม่ ซึ่งช่วยกรองได้ระดับหนึ่งแม้จะไม่ 100% ก็ตาม 

4.จับจังหวะการคุย พึงระวังการสนทนาในลักษณะ เร่งเร้าให้โอนเงิน เพราะมีแนวโน้มอาจเป็นมิจฉาชีพ ดังตัวอย่างที่คลาสสิกที่สุด คือมิจฉาชีพจะบอกว่ารักคุณมาก แต่ก็จะบอกว่ามีเงินหรือของมีค่าติดอยู่ที่ศุลกากร ขอให้ช่วยโอนเงินมาเป็นค่าดำเนินการ เรื่องนี้เคยมีคนในครอบครัวเกือบตกเป็นเหยื่อมาแล้วแต่ยังดีที่ตนห้ามไว้ทันการโอนเงินหากจะทำก็ขอให้ทำกันต่อหน้า เช่น นัดเจอกัน กินข้าวแล้วจะหารจ่ายค่าอาหารก็ว่าไปกันให้จบตรงนั้น

5.อย่าส่งภาพโป๊เปลือยวาบหวิว เพราะอาจถูกนำไปทำเรื่องไม่ดี หรือแม้แต่เกิดภาพหลุดได้ และเมื่อหลุดมาแล้ว Digital Footprint จะอยู่ในอินเตอร์เน็ตไปอีกนานแสนนาน 6.สุดท้ายหากจะไปจบที่เรื่องบนเตียงจริงๆ ก็ต้องระมัดระวัง เช่น ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงระวังการถูกแอบถ่ายภาพหรือคลิปวีดีโอขณะมีเพศสัมพันธ์ 

เคยมีเพื่อนมีโทษเหยื่อ สุดท้ายเพื่อนคนนั้นโดนหลอก คือมันไม่ใช่ความโง่หรือฉลาด คนเราโดนหลอกเพราะเขามีอะไรบางอย่างที่ให้เชื่อได้ว่าเราจะได้สิ่งนั้น แค่นั้นเลยเราไม่ได้โง่หรือฉลาด มันคือการที่ ณ ตอนนั้นเราเห็นผลประโยชน์ข้างหน้าแค่นั้นเอง แล้วพอเราโดนหลอกก็แค่โดนหลอก เราต้องยอมรับว่าตัวเองโดนหลอกอยู่ ไม่ต้องอาย ไปแจ้งความ ไปดำเนินการ รู้ว่ามันช้า บางทีมันมีปัญหาอยู่ แต่การแจ้งความคือหนทางหนึ่งที่สามารถทำให้เราทวงความยุติธรรมกลับมาได้ แล้วคิดในมุมกลับกัน ถ้าเราไม่ฟ้องร้องดำเนินคดี เขาก็หลอกคนอื่นได้อยู่ดี แต่ถ้าเราฟ้องร้องดำเนินคดี เท่ากับเราตัดวงจรได้แล้ววงจรหนึ่ง

หมายเหตุ : รับชมย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/CofactThailand/videos/1612639109353873/