ไขข้อข้องใจ ‘ห้ามนำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปไต้หวัน’ ข่าวนี้มีที่มาอย่างไร? COFACT Special Report #35

บทความ
เนื้อหาเป็นจริง

บทความโดย : Zhang Taehun

“ไปไต้หวันอย่าพกมาม่า” เป็นข้อความเขียนบนภาพที่เพจเฟซบุ๊กแห่งหนึ่งเผยแพร่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2565 (เท่าที่สืบค้นได้)  แล้วมีการส่งต่อกันอย่างต่อเนื่องพร้อมกับคำถามว่า “จริงหรือ?” ซึ่งก็ต้องบอกว่าข่าวนี้เป็น “ข่าวจริง” เนื่องจากไต้หวัน หรือจีนไทเปนั้นออกประกาศ “ห้ามนำเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์จากหมูของประเทศไทยเข้าไต้หวันโดยเด็ดขาด” เพจดังกล่าวจึงมีการโพสต์เพื่อแจ้งเตือนชาวไทยที่จะเดินทางไปไต้หวันทั้งไปเที่ยวและทำงาน

ที่มาที่ไปของการเตือนนี้ ย้อนไปเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2565 เว็บไซต์ Focus Taiwan ซึ่งอยู่ในเครือ สำนักข่าวแห่งชาติไต้หวัน (CNA) เป็นองค์กรของรัฐที่มีภารกิจคล้ายกับสำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ (PRD-NBT) ของไทย เสนอข่าวระบุว่า  ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินกลาง (CEOC) เกี่ยวกับโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever : ASF) ออกประกาศเตือนว่า หากตรวจพบการนำเนื้อหมูหรือผลิตภัณฑ์จากหมูจากประเทศไทยเข้าไต้หวัน จะถือว่ามีความผิดโดยจะถูกลงโทษปรับอย่างน้อย 2 แสนเหรียญไต้หวัน หรือ 7,218 เหรียญสหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2 แสนบาท) ตามมาตรการสกัดกั้นโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรที่กำลังระบาดอยู่ในไทย

ก่อนหน้านั้นในวันที่ 9 ม.ค. 2565 เว็บไซต์ Taipei Times หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของไต้หวัน รายงานข่าวโดยอ้างคำเตือนของกระทรวงแรงงานไต้หวัน ระบุว่า แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในไต้หวัน หากถูกจับกุมข้อหานำเข้าผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์จากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร รวมถึงแรงงานที่ได้รับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแล้วไม่แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นอกจากจะถูกลงโทษปรับแล้ว ยังต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาตทำงานและส่งกลับประเทศด้วย

รายงานข่าวจาก Taipei Times กล่าวต่อไปว่า กุนเชียงหมูที่ส่งมาจากประเทศไทย ถูกพบโดยสำนักงานไปรษณีย์ไถหนานของไต้หวัน ว่าปนเปื้อนไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF หลังจากส่งตรวจในห้องปฏิบัติการเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2564 และมีการยืนยันผลตรวจอีกครั้งในวันที่ 22 ธ.ค. 2564  อย่างไรก็ตาม สำหรับความผิดฐานลักลอบนำเข้าผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ ตามกฎหมายไต้หวันมีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี หรือปรับสูงสุด 3 ล้านเหรียญไต้หวัน หรือ 108,342 เหรียญสหรัฐ (หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 3 ล้านบาท)

สำหรับพัสดุที่มีผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ที่ญาติหรือเพื่อนส่งมาให้จากต่างประเทศ ควรส่งไปที่สำนักตรวจสอบและกักกันสุขภาพสัตว์และพืช หรือสำนักงานคุ้มครองสัตว์ในท้องถิ่นเพื่อทำลาย หากฝ่าฝืนจะถูกปรับไม่เกิน 150,000 เหรียญไต้หวัน (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1.7 แสนบาท) ตามกฎหมายบริการจัดหางาน (the Employment Service Act) อีกทั้งยังกำชับให้นายจ้างไม่ส่งต่อเศษอาหารจากหอพักของแรงงานต่างด้าวไปยังฟาร์มเลี้ยงหมูด้วย ทั้งนี้ ไต้หวันยังมีกฎหมายกำหนดให้ขยะเศษอาหารจากครัว ต้องผ่านการอบไอน้ำที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 90 องศาเซลเซียสเพื่อฆ่าเชื้อ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง

ในวันที่ 11 ม.ค. 2565 Taipei Times ยังรายงานข่าวอีกว่า ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินกลาง (CEOC) เกี่ยวกับโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever : ASF) ออกประกาศห้ามนำผลิตภัณฑ์จากหมูที่มีแหล่งที่มาจากประเทศไทยเข้าไต้หวัน โดยผู้ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษปรับ หากเป็นความผิดครั้งแรกค่าปรับจะอยู่ที่ 2 แสนเหรียญไต้หวัน หรือประมาณ 2 แสนบาท และหากกระทำผิดซ้ำโทษปรับจะเพิ่มเป็น 1 ล้านเหรียญไต้หวัน หรือประมาณ 1 ล้านบาท ในกรณีที่ผู้กระทำผิดเป็นชาวต่างชาติ หากไม่สามารถจ่ายค่าปรับได้จะถูกห้ามเข้าไต้หวันและถูกส่งตัวกลับประเทศทันที

ขณะที่ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2565 (แจ้งซ้ำอีกครั้งวันที่ 11 ก.พ. 2565 )  บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ออกประกาศงดการฝากส่งเนื้อสุกร/ผลิตภัณฑ์เนื้อสุกร ที่อาจปนเปื้อนอหิวาต์แอฟริกาไปยังปลายทางไต้หวัน  ยกเว้นผลิตภัณฑ์เนื้อสุกรที่ผ่านการแปรรูปด้วยอุณหภูมิสูง และอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดผนึกหนาแน่น เช่น ในรูปแบบอาหารกระป๋องหรือ ถุง/ซองพลาสติกสุญญากาศ (Retort Pouch)

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 23 ส.ค. 2565 (แจ้งซ้ำอีกครั้งวันที่ 7 ก.ย. 2565) ไปรษณีย์ไทย ออกประกาศงดการฝากส่งเนื้อสุกร/ผลิตภัณฑ์เนื้อสุกรทุกรูปแบบไปยังปลายทางไต้หวัน (จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง) ซึ่งสืบเนื่องจาก ไปรษณีย์ไทย ได้รับแจ้งจากไปรษณีย์ไต้หวัน (Chunghwa Post) ให้งดฝากส่งเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์จากหมูดังกล่าว ตามมาตรการป้องกันการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร โดยประกาศฉบับนี้ถือเป็นการ “ยกระดับความเข้มงวด” จากประกาศฉบับก่อนหน้าในเดือน ก.พ. 2565 ที่มีข้อยกเว้นผลิตภัณฑ์เนื้อสุกรที่ผ่านการแปรรูปด้วยอุณหภูมิสูง และอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดผนึกหนาแน่น เป็นการงดผลิตภัณฑ์เนื้อสุกรทุกรูปแบบ

ประกาศเรื่องงดการฝากส่งเนื้อสุกร/ผลิตภัณฑ์เนื้อสุกรทุกรูปแบบไปยังปลายทางไต้หวัน (จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง) ยังได้รับการกำชับเมื่อช่วงต้นเดือน ก.ย. 2565 จาก ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ว่า จากกรณีที่การไปรษณีย์ไต้หวัน (Chunghwa Post) แจ้งงดการฝากส่งผลิตภัณฑ์เนื้อสุกรทุกรูปแบบไปยังปลายทางไต้หวัน เพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ African Swine Flu : ASF นั้น 

ในส่วนของไปรษณีย์ไทย จึงขอประกาศงดฝากสิ่งของที่ภายในบรรจุเนื้อสุกร/ผลิตภัณฑ์เนื้อสุกรทุกรูปแบบ อาทิ กุนเชียง แคปหมู หมูกระจก หมูหยอง หมูแผ่น “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสหมู” “ผงปรุงรสหมู” ไปยังปลายทางไต้หวันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง หากตรวจพบสิ่งของที่บรรจุเนื้อสุกร/ผลิตภัณฑ์เนื้อสุกรทุกรูปแบบในเส้นทางการขนส่งของไปรษณีย์ระหว่างประเทศ จะถูกส่งคืนไปยังไปรษณีย์ที่ฝากส่ง

หากตรวจพบในขั้นตอนการนำเข้าจะถูกทำลายหรือกักโดยกรมตรวจสอบสุขอนามัย และการกักกันพืชและสัตว์ หรือ Bureau of Animal and Plant Health Inspection and Quarantine : BAPHIQ  ของไต้หวัน ทั้งนี้ ผู้รับที่มีชื่อตามจ่าหน้าสิ่งของที่ฝากส่งจะต้องระวางโทษปรับ ในกรณีตรวจพบครั้งแรก อัตราค่าปรับสูงสุด 2 แสนเหรียญไต้หวัน หรือ ประมาณ 2.4 แสนบาท กรณีตรวจพบครั้งต่อไป อัตราค่าปรับสูงสุด 1 ล้านเหรียญไต้หวัน หรือ ประมาณ 1.2 ล้านบาท

ข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ของไทย  ระบุว่า โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever : ASF)  เป็นโรคไวรัสที่ติดต่อร้ายแรงในสุกรที่แพร่กระจายในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ถึงแม้ว่าโรคนี้จะไม่ใช่โรคติดต่อระหว่างสัตว์และคนแต่ก็ถือว่าเป็นโรคที่สามารถส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรเป็นอย่างมาก เนื่องจากหากมีการระบาดของโรคนี้ในประเทศแล้วจะกำจัดโรคได้ยาก เพราะในปัจจุบันนี้ยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันและควบคุมโรค ในขณะที่เชื้อไวรัสที่ก่อโรคมีความทนทานในผลิตภัณฑ์จากสุกรและสิ่งแวดล้อมสูง สุกรที่หายป่วยแล้วจะเป็นพาหะของโรคได้ตลอดชีวิต และยิ่งกว่านั้นโรคนี้เป็นโรค ที่มีความความรุนแรงทำให้สุกรที่ติดเชื้อมีการตายเฉียบพลันเกือบ 100%

โดยประเทศไทยนั้นเริ่มมีกระแสข่าวว่า พบผลิตภัณฑ์จากเนื้อหมูในไทยปนเปื้อนเชื้อก่อโรค ASF ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2564  ซึ่งเป็นรายงานจากไต้หวัน พบกุนเชียงเนื้อหมูปนเปื้อนเชื่อดังกล่าว แต่ในเวลานั้น กรมปศุสัตว์ของไทย ชี้แจงว่า เนื้อหมูที่นำมาใช้ผลิตกุนเชียงน่าจะมีการลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากยังไม่พบผลทางห้องปฏิบัติการจากการเฝ้าระวังภายในประเทศ กระทั่งวันที่ 11 ม.ค. 2565 จึงมีการรายงานยืนยัน พบเชื้อ ASF  เป็นครั้งแรก จากตัวอย่างที่เก็บจากโรงฆ่าสัตว์แห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นครปฐม

สรุปแล้ว “ข่าวนี้เป็นเรื่องจริง” แต่ต้องระบุให้ชัดว่า “ห้ามนำมาม่า” หรือภาษาทางการคือ “ห้ามนำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ในกลุ่ม “รสหมู” ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นหมูสับ หมูต้มยำ หมูน้ำตก ฯลฯ ไปไต้หวันโดยเด็ดขาด!!!

-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-

อ้างอิง

https://focustaiwan.tw/society/202201110028 (Fines to be imposed for bringing Thai pork into Taiwan : Taiwan Focus 11 ม.ค. 2565)

https://www.taipeitimes.com/News/front/archives/2022/01/09/2003771016 (Illegal pork may lead to deportation, ministry warns : Taipei Times 9 ม.ค. 2565)

https://www.taipeitimes.com/News/taiwan/archives/2022/01/13/2003771287 (Illegal Thai pork imports face NT$200,000 fine : Taipei Times 11 ม.ค. 2565)

https://international.thailandpost.com/thp_announcement_taiwan/ (ประกาศงดการฝากส่งเนื้อสุกร/ผลิตภัณฑ์เนื้อสุกร ที่อาจปนเปื้อนอหิวาต์แอฟริกา ไปยังปลายทางไต้หวัน ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป : 4 และ 11 ก.พ. 2565)

https://www.thailandpost.co.th/un/article_detail/product/550/24735 (ประกาศงดการฝากส่งเนื้อสุกร/ผลิตภัณฑ์เนื้อสุกรทุกรูปแบบไปยังปลายทางไต้หวัน จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง : 23 ส.ค. และ 7 ก.ย. 2565)

https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1026228 (ปณท งดส่ง ‘หมู’ ปลายทางไต้หวันทุกผลิตภัณฑ์ : กรุงเทพธุรกิจ 12 ก.ย. 2565)

https://www.prachachat.net/ict/news-1042363 (“ไปรษณีย์ไทย” งดส่งเนื้อสุกร-ผลิตภัณฑ์เนื้อสุกร ไปไต้หวัน : 8 ก.ย. 2565)

https://dld.go.th/th/images/stories/hotissue/asf/ContingencyPlanAndCPG2.pdf (แผนเตรียมความพร้อมเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (Contingency plan) และแนวทางเวชปฏิบัติของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (Clinical Practice Guideline) : กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์)

https://www.bangkokbiznews.com/business/979173 (ปศุสัตว์ ยันหมูไทยปลอด ASF ที่ไต้หวันเจอ คือ ลักลอบ : กรุงเทพธุรกิจ 24 ธ.ค. 2564)

https://www.prachachat.net/prachachat-top-story/news-839139 (อธิบดีปศุสัตว์ยอมรับเป็นทางการครั้งแรก พบโรค ASF ในหมู : 11 ม.ค. 2565)

https://dld.go.th/th/index.php/th/newsflash/341-news-hotissue/25151-hotissue-25650722-2 (“อธิบดีกรมปศุสัตว์แจงอภิปรายฝ่ายค้านชัดทุกประเด็น ชี้ ร่วมทุกภาคส่วนคุม ASF ในหมู อย่างเปิดเผย โปร่งใส มีประสิทธิภาพ” : 22 ก.ค. 2565)

https://www.taiwantourism.org/th/tourism-informations/visa/#menus

-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-

รู้จักโมเดลโคแฟคชุมชน ค้นหาความจริงร่วม

สรุปข่าวจริง ลวงประจำวันที่ 13 พฤศจิกายน 2565

ฉีดวัคซีนโควิดเสี่ยงทำให้เป็นมะเร็ง…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/2bethlijsxbzi


เม็ดบอลสีส้มวางขายแทนไข่ปลาแซลมอน

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/27vvsijgn0n5p


‘แอปพลิเคชันทางรัฐ’ ทางลัด ติดต่อรัฐ ผ่านแอปพลิเคชันเดียว ช่องทางเดียว ด้วยบัญชีเดียว

อ่านต่อได้ที่  https://cofact.org/article/2c79n1cyrxo9i


เช็คสิทธิประกันสังคม ม.33 ม.39 ม.40 ด้วยบัตรประชาชนผ่านเว็บไซต์ได้

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/15p7v4ehel444


“ปัสสาวะ” สามารถบ่งบอกถึง สุขภาพ และการเป็น “โรคไต”…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/2b5puav3b64ud


กินกระเทียมป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/jl5z7lz39q8h


อ่านต่อได้ที่

อ่านต่อได้ที่

สรุปข่าวจริง ลวงประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน 2565

ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่เสียชีวิต ทายาทจะได้รับเงินถึง 30,000 บาท จากกระทรววง พม. …จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/381kx4v966pnp


ปิดถนนแยกอโศก-แยกรัชดา-คลองเตย 14-19 พ.ย.ประชุมเอเปค

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/3plid1sq4nwo0#_=_


“บางกอกแอร์เวย์” เตรียมเปิดบินเส้นทาง บริการ “หาดใหญ่-เบตง”

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/2y485bz2io2k1#_=_


 “ไทย ไลอ้อน แอร์” ยันไม่มีนโยบายส่งข้อความหรือโทร.แจ้งสิทธิแก่ลูกค้า หลังพบมีมิจฉาชีพแอบอ้าง

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/1mqnkmmfcu30k


ดื่มกาแฟดำ ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคตับแข็ง

อ่านต่อได้ที่  https://cofact.org/article/1atkqemli2pbq


มะเร็งช่องปาก ติด 1 ใน 10 โรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคน…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/379sxpu72bfgr


สปสช. ให้ผู้ถือบัตรทอง 30 บาท เปลี่ยนสถานพยาบาลตามสิทธิผ่านไลน์ สปสช….จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่  https://cofact.org/article/1nhaxrx86kcsw#_=_


มองเหตุกราดยิงจากสหรัฐฯถึงไทย สื่อมวลชนจะมีบทบาทป้องกัน-แก้ไขปัญหาความรุนแรงได้อย่างไร

Editors’ Picks
เนื้อหาเป็นจริง

27 ต.ค. 2565 โคแฟค (ประเทศไทย) จัดบรรยายออนไลน์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “Cofact โคแฟค” ในหัวข้อ “Mass shooting in Thailand and the Lesson-learned from the U.S.:  Violence Prevention and Ethics of Fact-based reporting. (บทเรียนโศกนาฎกรรมกราดยิง จากสหรัฐฯ ถึง หนองบัวลำภู บทบาทสื่อที่ควรเป็น และ การป้องกันความรุนแรงในสังคม)” โดยมีวิทยากรคือ แฟรงค์ สมิธ (Frank Smyth) นักข่าวสืบสวนอิสระดีกรีรางวัล ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านสงคราม อาชญากรรมข้ามชาติ การละเมิดสิทธิมนุษยชนในต่างประเทศ รวมถึงการเคลื่อนไหวประเด็นอาวุธปืนในสหรัฐอเมริกา และมี ผศ.ดร.เจษฎา ศาลาทอง อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับ คุณสุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้ง โคแฟค (ประเทศไทย) เป็นผู้แปลสรุปเป็นภาษาไทย

คุณแฟรงค์ เริ่มต้นด้วยการยอมรับว่าตกใจมากกับเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากอีกทั้งไม่ใช่เหตุอาชญากรรมที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปในไทย ขณะที่ในสหรัฐฯ เมื่อทศวรรษที่แล้วที่เคยเกิดขึ้นที่รัฐคอนเนกติคัต หรือเมื่อไม่นานที่รัฐเท็กซัส อย่างไรก็ตาม การค้นหาแรงจูงใจของผู้ก่อเหตุเป็นเรื่องยากในการระบุ แต่เมื่อไม่นานนี้เพิ่งมีการศึกษาแล้วพบว่า แรงจูงใจอาจไม่ได้มาจากปัญหาทางสภาพจิตใจเสมอไป แต่ยังประกอบด้วยปัจจัยอื่นๆ อีกหลายด้าน 

อย่างเช่นวิกฤติปัญหาชีวิต เหตุการณ์อย่างเช่นถูกเลิกจ้างงาน คู่ครองเลิกรา มีคนเสียชีวิต ปัญหาวิกฤติชีวิตที่สิ่งที่มันทำให้ผู้ก่อเหตุรู้สึกท่วมท้น/อัดอั้นตันใจ แล้วผู้ก่อเหตุ อย่างที่เคยเกิดขึ้นที่สหรัฐฯ และตอนนี้ก็เกิดขึ้นที่ไทย ก็ตัดสินใจที่จะไปก่อเหตุที่ธนาคาร ออกจากบ้านไปข้างนอก แสดงการกระทำให้คนอื่นในสังคมเห็นถึงความขัดข้องใจ/ขุ่นเคือง สิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจของเขา ไปยิงธนาคาร ไปยิงคนบริสุทธิ์ แล้วก็ยิงตัวตาย เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่สหรัฐที่เดียว เกิดขึ้นทั่วโลกแล้ว” 

เมื่อถามต่อไปถึงปัจจัยของความรุนแรง ตุณแฟรงค์ค่อนข้างให้น้ำหนักไปที่ การเข้าถึงอาวุธปืนได้ง่าย แต่ประเด็นนี้จะแตกต่างกัน ในขณะที่หลายรัฐของสหรัฐฯ ใครก็ตามที่มีใบขับขี่หรือเอกสารยืนยันตัวตนที่การออกให้ เดินไปที่ร้านแล้วก็ซื้อปืนได้ ภายในเวลา 30 นาที แม้ปัจจุบันจะมีการกำหนดให้มีการตรวจสอบประวัติผู้ซื้ออาวุธปืน แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เพียงมีอายุมากกว่า 18 ปี ตรวจประวัติเพียงเล็กน้อย แล้วก็เดินออกจากร้านพร้อมกับอาวุธได้เลยตั้งแต่ปืนสั้นไปจนถึงปืนอัตโนมัติอย่าง AR15 ซึ่งเป็นปืนไรเฟิลกำลังสูง

ส่วนประเทศไทย สำหรับคนทั่วไปค่อนข้างเข้าถึงอาวุธปืนได้ยากเมื่อเทียบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร ที่แม้ภายหลังจะไม่ได้ทำงานในอาชีพดังกล่าวแล้วก็ยังครอบครองอาวุธปืนได้ เรื่องนี้ตนไม่ได้ตำหนิใคร แต่เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ปืนที่อยู่ในความครอบครองของผู้ก่อเหตุในไทยเป็นอาวุธที่ขายให้โดยเจ้าหน้าที่ที่ทุจริต หรืออดีตเจ้าหน้าที่ที่เข้าถึงปืน นำมาครอบครองส่วนตัวแล้วขายต่อในภายหลัง ดังนั้นหากจะแก้ปัญหานี้ก็ต้องยุติพฤติกรรมการทุจริตของเจ้าหน้าที่ ที่ปล่อยให้มีการนำอาวุธปืนของทางการมาขายต่อในตลาดมืด อย่างไรก็คาม แม้ไทยจะมีอัตราความรุนแรงจากอาวุธปืนค่อนข้างสูงเกือบเท่าสหรัฐฯ แต่ก็ยังน้อยกว่าประเทศแถบลาตินอเมริกา (อเมริกากลางและใต้)

“ลาตินอเมริกามีช่องว่างความเหลื่อมล้ำสูงมาก ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนสูงมาก มันส่งผล โครงสร้างทางสังคมมีส่วนทำให้อาชญากรรมมีอัตราที่สูงและความรุนแรงจากอาวุธปืนที่สูงด้วย ที่ไทยก็กำลังเผชิญกับปัญหานี้เช่นกัน ผมมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะสัญญาณเตือนให้รัฐบาลไทยมองเห็นปัญหานี้ ปัญหาคือการเข้าถึงอาวุธปืน ปัญหาคือการมีเจ้าหน้าที่ที่คอร์รัปชั่น ที่เอาปืนไปขายในตลาดมืด”

ประเด็นต่อมา จากเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นใน จ.หนองบัวลำภู ประเทศไทย มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็น “การทำหน้าที่ของสื่อมวลชน” ซึ่งคุณแฟรงค์ยกตัวอย่างกรณีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว CNN เข้าไปในสถานที่เกิดเหตุซึ่งถูกกั้นไว้เป็นเขตหวงห้ามตามกฎหมาย ว่า เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาด ไม่ควรทำ และในฐานะที่เคยทำข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนมาก่อน ต้องย้ำว่า สื่อมวลชนไม่ได้มีสถานะพิเศษกว่าคนอื่นในการฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ประเทศใดก็ตาม เพราะกฎหมายต้องใช้ปฏิบัติกับทุกคน

แต่ในเรื่องของข้อมูล ไม่มีใครมีสิทธิมาบอกผู้สื่อข่าวหรือนักข่าวว่าอะไรเป็นข้อเท็จจริงอะไรไม่ใช้ นั่นเป็นเรื่องของผู้รับสารที่จะเป็นคนกำหนดว่าการรายงานข่าวนั้นมีความยุติธรรรม ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริง หรือจริงแท้แม่นยำแค่ไหน เพราะว่าทันทีที่บอกว่าเป็นการรายงานข้อเท็จจริงมากกว่าสิ่งอื่นใด แต่สิ่งที่กำลังพยายามทำอยู่จริงๆ คือการมีอิทธิพลหรือส่งผลต่อรูปแบบ-วิธีการการนำเสนอข้อมูล แล้วเสรีภาพของสื่อไม่อยากให้รัฐเข้ามาแทรกแซง

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวควรปฏิบัติหน้าที่อย่างมีจริยธรรมและมีความรับผิดชอบ ต้องยึดมั่นเรื่องนี้อยู่ทุกห้วงขณะ แต่ผู้สื่อข่าวก็มีสิทธิที่จะรายงานข่าวตามที่ตนเองเห็นสมควรเหมาะสม หลายกรณีข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคือสิ่งที่คนไม่รู้อย่างถ่องแท้ ดังนั้นหน้าที่ของสื่อคือการรายงานให้ทราบข้อเท็จจริงที่ตัวผู้สื่อข่าวรู้ บอกเรื่องราวที่ผู้รับสารไม่รู้ให้ได้รับรู้ แล้วก็ให้พวกเขาเป็นคนตัดสินใจว่าอะไรที่พวกเขาคิดเป็นเรื่องจริง ถูกต้องแม่นยำ หรืออะไรที่พวกเขาคิดว่าไม่ได้เป็นเรื่องจริง นอกจากนั้น สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าวารสารศาสตร์หรือการรายงานข่าวเป็นกระบวนการที่ไม่ได้สมบูรณ์เสมอไป แต่เป็นเรื่องกระบวนการที่จะค้นพบข้อมูลใหม่อยู่ตลอดเวลา 

“ผมเชื่อว่าผู้สื่อข่าวควรมีเสรีภาพในการนำเสนอข่าว ไม่ควรมีใครมาบอกผู้สื่อข่าวอะไรเป็นข้อเท็จจริง อะไรไม่ใช่ ถ้ามีใครอยากคัดค้านข้อมูลเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็คัดค้านสิ่งที่รายงานออกมาได้ แต่แนวความคิดที่ว่ามีใครมาทำหน้าที่เป็นเหมือนตำรวจคอยกำกับว่าอะไรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง อะไรที่ถูกต้องแม่นยำ อะไรเป็นข้อเท็จจริง อันนี้เป็นปัญหา เพราะว่าเราทุกคนในสังคมมีหน้าที่รับผิดชอบในการกำหนดเองว่าอะไรเป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่มีแค่คนที่มีอำนาจที่ออกมาบอกว่าผู้สื่อข่าวรายงานข่าวบิดเบือน เพราะนั่นเป็นการบ่อนทำลายเสรีภาพของสื่อ” 

อนึ่ง มีข้อถกเถียงว่า ในเหตุความรุนแรงสื่อควรสัมภาษณ์ญาติของผู้สูญเสียหรือไม่ เนื่องจากมีมุมมองว่าการที่สื่อไปสัมภาษณ์ก็เท่ากับเป็นการทำให้พวกเขาโศกเศร้าพราะต้องเล่าเรื่องราวนั้นซ้ำๆ คุณแฟรงค์ ให้มุมมองว่า เมื่อผู้สื่อข่าวรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์แบบนี้ต้องพยายามไม่สร้างบาดแผลหรือความบอบช้ำนั้นอีก ซึ่งมีเทคนิคในการระมัดระวัง หนึ่งในวิธีนั้นคือ การให้ครอบครัวได้มีโอกาส หมายถึงไม่ใช่การยื่นไมค์ใส่ปากแล้วถามใส่ไม่ยั้ง แต่ควรบอกว่า เสียใจกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าอยากบอกอะไรหรือไม่ หากไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร 

โดยตนไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิดหรือถูกในการสัมภาษณ์คนหลังเกิดเหตุ แต่จะเป็นเรื่องผิดหากยื่นไมค์จ่อปากแล้วก็ต้อนพวกเขาจนมุมในลักษณะที่พวกเขาไม่ได้คาดหวัง บางทีพวกเขาอาจกำลังแสดงอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวที่ไม่อยากให้มีการเผยแพร่ออกไปก็ได้ ดังนั้นการถามขออนุญาตก่อนสัมภารณ์เป็นเรื่องที่เหมาะสมควรทำ บางคนอาจจะตอบตกลง บางคนอาจปฏิเสธ เพราะว่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีความสำคัญ ความน่าสยดสยองของเหตุการณ์ก็สำคัญ และไม่ควรนำภาพร่างของผู้เสียชีวิตมานำเสนอ แม้กระทั่งภาพกราฟฟิกที่ทำขึ้น

คุณต้องมีความละเอียดอ่อนในการหาทางจะเล่า/นำเสนอเรื่องราวที่เกิดชึ้นยังไง ผู้สื่อข่าวที่มีประสบการณ์รายงานข่าวเหตุกราดยิงมาก่อน พวกเขาเรียนรู้วิธีการที่จะนำเสนอข่าวยังไงโดยไม่ต้องเข้าไปใกล้ยังที่เกิดเหตุได้ คุณรายงานข่าวจากข้างนอกได้ ภาพบรรยากาศของญาติของเด็กที่เสียชีวิตที่พากันร้องไห้เสียใจหน้าโรงเรียนด้วยกันได้ บอกเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กที่เสียชีวืตในโรงเรียนได้ โดยไม่ต้องเดินเข้าไปภายในพื้นที่ของโรงเรียนก็ได้ 

ผมคิดว่าเราก็ต้องรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ผู้สื่อข่าวก็ต้องใช้ความละเอียดอ่อนต่อวิธีการที่รายงานหรือบอกเล่าเรื่องราว ไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่ต้องมีการรายงานเกี่ยวกับญาติหรือบุคคลอันเป็นที่รักของผู้เสียชีวิตหรือผู้รอดชีวิต รวมถึงผู้ที่ก่อเหตุด้วย เพราะผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อเหตุก็มีครอบครัวเหมือนกัน อาจเป็นลูกหรือน้องชายหรือสามีของใครสักคน ดังนั้น เราก็ต้องมีความเคารพหรือเห็นใจทุกครั้งที่เราสัมภาษณ์บุคคลอันเป็นที่รักหรือญาติของผู้เสียชีวิต เรื่องราวความรุนแรงคือสิ่งที่เราต้องรายงาน ใครที่ต้องออกมารับผิดชอบเรื่องนี้

คุณแฟรงค์ ยังกล่าวถึงประเด็นเหตุดการดยิงที่ จ.หนองบัวลำภู อีกว่า การลงไปพื้นที่ก่อเหตุไปถามญาติผู้เสียชีวิตว่ารู้สึกอย่างไรไม่ใช่การรายงานข่าวที่ดี และการนำเสนอภาพปฏิกิริยาของญาติผู้เสียชีวิตมันเป็นการรายงานที่คุณภาพต่ำ (Cheap Way) ทางที่ดีคือการสร้างความไว้วางใจจากครอบครัว แล้วก็ให้เขาพาไปที่บ้าน พาไปดูเตียงนอน หนังสือเรียน ของเล่นของเด็กที่เสียชีวิต กระเป๋า สัตว์เลี้ยง เพื่อสื่อให้ผู้ฟังหรือผู้ชมเข้าใจถึงความสูญเสีญอันใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นจะดีกว่า 

ส่วนสิ่งที่สื่อมวลชนควรตั้งคำถามคือ แม้ผู้ก่อเหตุจะลงมือจากปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิต แต่เหตุใดผู้ก่อเหตุถึงสามารถเข้าถึงอาวุธปืนได้ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในขณะปฏิบัติหน้าที่ นั่นหมายถึงคนที่เป็นเจ้าหน้าที่เข้าถึงอาวุธปืนได้ง่ายใช่หรือไม่ นอกจากนั้น หากมองไปยังคนอื่นๆ ที่ก่อเหตุความรุนแรงด้วยอาวุธปืน ในไทย ซึ่งเป็นทราบกันว่าไทยมีอัตราเหตุฆาตกรรมต่อประชากรที่สูงมากกว่าที่อื่นและเกือบเท่าที่สหรัฐฯ คำถามคืออะไรทำให้สถิติสูง มาจากการที่เจ้าหน้าที่ที่ทุจริตลักลอบนำอาวุธปืนของทางการไปขายข้างนอกหรือไม่ เหตุใดจึงไม่มีการควบคุมเรื่องเหล่านี้

อีกด้านหนึ่ง ในยุคดิจิทัลที่ใครๆ ก็สามารถเผยแพร่และส่งต่อเนื้อหาได้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ดังนั้นทุกคนในสังคมต้องตระหนักอะไรอย่างไรบ้าง คุณแฟรงค์ มองว่า ตอนนี้ทุกคนมีอุปกรณ์ เข้าถึงอินเทอร์เน็ต เป็นผู้สื่อข่าวพลเมืองกันได้ซึ่งเป็นประโยชน์ แพลตฟอร์มสื่อ (Media Platforms) มีบทบาททั้งดีและไม่ดีต่อสังคม การเผยแพร่ข้อมูลก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่พื้นที่สื่อก็ต้องติดตามเฝ้าสังเกตตนเองด้วย ไม่ควรนำเข้าข้อมูลเท็จโดยไม่ได้มีการอธิบายว่าข้อมูลนั้นมาจากแหล่งที่เชื่อถือหรือไม่

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า แม้แพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ขนาดใหญ่อย่างทวิตเตอร์กับเฟซบุ๊กก็เริ่มมีการดำเนินการแบบนี้แล้ว แต่ว่าเป็นการเริ่มดำเนินการภายใต้การถูกกดดันให้ทำ ไม่ได้สมัครใจแต่แรก แต่นี่เป็นทางเดียวที่จะช่วยให้มีการจำกัดข้อมูลเท็จหรือการโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) ที่เผยแพร่โดยกล่าวอ้างว่าเป็นข้อมูลที่แท้จริงถูกต้อง ไม่ให้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่มีลักษณะของการโฆษณาชวนเชื่อโดยไม่มีการบอกให้ทราบด้วยการทำข้ออธิบายกำกับ ตนนั้นไม่อยากให้มีการเซ็นเซอร์ แต่ควรมีการทำคำอธิบายกำกับซึ่งสำคัญมาก 

เรื่องของข้อมูลภาพเหมือนกัน ที่มีความรุนแรง อย่างภาพผู้ถูกยิงที่เป็นเด็กที่โรงเรียน หรือภาพการกระทำความรุนแรงของอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง (Hate rime) ที่คุณไม่อยากให้มีการเผยแพร่ส่งต่อ เพราะว่ามันเป็นการเติมเชื้อไฟให้แก่ความุรนแรงเช่นว่า เพราะมันมีคนที่อยากเห็นคนชนกลุ่มน้อยถูกโจมตีแบบนั้น ดังนั้น คุณก็ไม่อยากเห็นอะไรแบบนี้เผยแพร่บนแพลตฟอร์ม 

คุณไม่อยากให้แพลตฟอร์มเหล่านี้เป็นพื้นที่ของการเผยแพร่ข้อมูลหรือถ้อยคำที่สร้างความเกลียดชัง ข้อมูลเท็จ ข้อมูลลวง รวมทั้งความรุนแรง ผมคิดว่าแพลตฟอร์มบางแพลตฟอร์มทำได้ดีขึ้น แพลตฟอร์มใหญ่ๆ ก็มีการเฝ้าสังเกตตัวเองในเรื่องนี้ด้วย ผมคิดว่ามันเป็นการฝ่าฟันที่ยังเกิดขึ้นอยู่ที่ทุกคนจะต้องมาหาทางแก้ไข มันเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อเราทุกคน ผมคิดว่าเราต้องมาร่วมกันสะท้อนในเรื่องนี้

ในช่วงท้ายของการสนทนา คุณแฟรงค์ ให้ข้อสรุปว่า ประเทศไทยอาจจะเผชิญกับการกราดยิงอีก แต่ก็หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์โหดร้ายแบบที่เกิดขึ้นกับเด็กเล็กๆ เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเหตุความรุนแรงจากอาวุธปืนในไทยก็เกิดขึ้นมากอยู่แล้ว ส่วนผู้สื่อข่าวก็ควรรู้ตัวได้แล้วว่าไม่ควรผลิตข่าวคุณภาพต่ำที่เน้นเรื่องราวกระตุ้นอารมณ์ แต่ควรถอยมาก้าวนึง แล้วลงทุนผลิตข่าวสารที่กระตุ้นความสนใจ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ที่ให้เกียรติผู้เสียชีวิต ผู้รอดชีวิต ญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งตนมองว่าสำคัญมาก ในขณะเดียวกันก็ต้องรายงานข่าวที่ผู้สื่อข่าวจะรู้สึกภาคภูมิใจ 

-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

https://www.bangkokbiznews.com/news/news-update/1033424 (งามไส้ “ดาบตำรวจ” ขโมย “ปืนหลวง” ไปขาย-จำนำ กว่า 150 กระบอก : กรุงเทพธุรกิจ 20 ต.ค. 2565)

https://www.voathai.com/a/dead-including-gunman-in-cincinnati-bank-shooting/4560563.html (เสียชีวิต 4 ราย! เหตุยิงกราดที่ธนาคารกลางเมืองซินซินเนติ : Voice of America 7 ก.ย. 2561)

https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/WNFOR6109070020003 (มีเหตุยิงกันเกิดขึ้นภายในธนาคารย่านใจกลางเมืองซินซินเนติรัฐโอไฮโอของสหรัฐ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ 7 ก.ย. 2561

https://www.bbc.com/thai/articles/clm8lx797gyo (เหตุกราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู ติดอันดับกราดยิงสังหารในโรงเรียนร้ายแรงสุดในโลก : BBC 8 ต.ค. 2565)

https://thestandard.co/nongbua-lamphu-shooting/ (ผบ.ตร. แถลงอดีตตำรวจกราดยิง คาดเมายา เครียดต้องขึ้นศาล ปืนก่อเหตุซื้อเองถูกกฎหมาย : The Standard 6 ต.ค. 2565)

https://www.thaipbs.or.th/news/content/320242 (ผบ.ตร.เผยผลตรวจ อดีต ตร. “กราดยิงหนองบัวลำภู” ไม่พบสารเสพติด – เตรียมตรวจซ้ำ : ThaiPBS 7 ต.ค. 2565)

https://www.thairath.co.th/news/politic/2028231 (ครบรอบ 1 ปี เหตุสะเทือนขวัญ กราดยิงโคราช : ไทยรัฐ 8 ก.พ. 2564)


สรุปข่าวจริง ลวงประจำวันที่ 29 ตุลาคม 2565

ยาฆ่าเชื้อ เช่น ด็อกซีไซคลิน ห้ามใช้กับเด็กอายุต่ำกว่า 8 ขวบ เพราะยากลุ่มนี้อาจมีผลทำให้สีของฟันมีสีเหลืองหรือเทาอย่างถาวร

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/1pkhz6kyanhf


ชาวบ้านอ่วม เวนคืน 3.2 พันไร่ สร้างสนามบินบึงกาฬ

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/1vrpst19krtb0


กรมอุตุฯ คาด 29 ต.ค.นี้ ไทยเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ อากาศเย็นกว่าปีที่แล้ว…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/20qagak2gdxcn


ค่าเงินบาทอาจอ่อนค่าถึง 40 บาทต่อดอลลาร์…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/2sdclmytgdwnq


ถ้าโอนเงินผิดบัญชี ไม่ต้องตกใจเพียงแค่ทำตาม 3 ขั้นตอนนี้ก็ได้เงินคืน…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/2dum8wt2lw5u0


สรุปข่าวจริง ลวงประจำวันที่ 22 ตุลาคม 2565

9 Steps บริหารดวงตาด้วยวิธีธรรมชาติ บอกลาสายตาสั้น-ยาวใช้ได้…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/2hihd7vf349l0


เข้าห้องน้ำสาธารณะเสี่ยงติดฝีดาษลิง…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/f5bckfd9wcg4


 เด็กเคี้ยวใบกวักมรกต เกิดอาการแสบคอ ตัวสั่น ชัก

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/g7zhaj0i382z


“โรคไข้ดิน” ระบาด! ที่ อ.เทพา จ.สงขลา ป่วย 7 ตายแล้ว 5 ราย

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/14c3rxdg9d9h1


แนะสวมหน้ากากต่อ ป้องกันสายพันธุ์ XBB เหตุแพร่เร็ว – ดื้อต่อภูมิคุ้มกัน

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/2k9ae5by193xi


ลงโปรแกรมเถื่อน นอกจากผิดกฎหมายแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงให้เครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/1jvdzu6xlzfx3


 ระวัง! คนร้ายสุ่มเลขบัตรเครดิต/เดบิต ชำระเงินออนไลน์

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/2x34tu4suyzqs


มูลนิธิกระจกเงา และนิ่ม เอ็กเพรส #รับบริจาคเสื้อผ้ามือสอง ตั้งแต่วันนี้ – 29 ธ.ค. 65

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/1tzl8foz1a9j1


“กล้วย” ช่วยให้ผมสวยน้ำมะนาวนั้น มีประโยชน์ยิ่งในการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ …จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/1sg36t7di4dve


มีงานวิจัยพบว่าเฟซบุ๊กมีส่วนทำให้คนปฏิเสธเรื่องโลกร้อน…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/3a15yggddinzm


สรุปข่าวจริง ลวงประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2565

กด *3370# ช่วยเพิ่มแบตเตอรี่โทรศัพท์ 50 เปอร์เซ็นต์…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/2wltc6kpyyigb


กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศ 1 ต.ค. 65 เป็นต้นไป ยกเลิก “โควิด-19” จากโรคติดต่ออันตรายให้เป็นโรคติดต่อต้องเฝ้าระวัง

อ่านต่อได้ที่  https://cofact.org/article/1ifrb1e3g8f69


อย.เรียกคืนบะหมี่ “Mie Sedaap” ในไทยเสี่ยงพบสารเอทิลีนออกไซด์ ที่พบเป็นส่วนประกอบของยาฆ่าแมลง ไม่สามารถใช้สำหรับอาหารได้

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/4cngpgdtxy7s


เตือนนักท่องเที่ยวเข้าไปในโพรงต้นไม้ใหญ่เสี่ยงติดเชื้อราจากมูลค้างคาว

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/24qqyk8sm29ag#_=_


หมอมนูญ เตือนฟันผุ อย่าปล่อยไว้ อาจส่งผลเกิดหนองในช่องเยื่อหุ้มปอด อาจทำให้ป่วยเป็นโรคฮิสโตพลาสโมซิส (Histoplasmosis)

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/16ptrulcdp3at#_=_


สมุนไพรใส่ขวดสุดอันตราย ยอดยาจีน โสมกลั่น กระดูกเสือ ยาดองสองเพศ ยาแก้ซางตานขโมย และยาธาตุเสริมคุณ เข้าข่ายเป็นยาปลอมที่ไม่ได้รับอนุญาต สรรพคุณทำตับพัง อันตรายถึงชีวิต…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/1603jf31d5h34#_=_


โทรสายด่วน เบอร์ 112 ผ่าวิกฤตเหตุฉุกเฉินไทยได้…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/2v09bsqhh1b5l


ขายยาผ่านเน็ตผิดกฎหมาย…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/2lklxng819w2z


ยาสามัญประจำบ้าน สามารถวางขายในร้านขายของชำได้…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/1s0zlzwf0k0bo


สรุปข่าวจริง ลวงประจำวันที่ 9 ตุลาคม 2565

หากขึ้นรถต้องลดกระจกเพื่อระบายสารพิษ…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/37o8s76i8dt6e


กระเทียมป้องกัน Covid-19 ได้เหมือนวัคซีน…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/30jioi4e524ed


ยื่นภาษีมีปัญหาผ่านเว็บไซต์กรมสรรพกร โดยเว็บไซต์นี้ https://www.afdw7.com…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/2vf7zy00lynmk


 ‘ดีอาร์คองโก’ ประกาศการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของเชื้ออีโบลา

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/3bvi7rai86beu


หวีผมมีส่วนช่วยเสริมการไหลเวียนเลือดบริเวณศีรษะ ลดความเครียดทำให้จิตใจเบิกบาน ป้องกันและรักษาอาการปวดศีรษะ…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/1386lhnxah671


อันตรายจากสารปยเปื้อนเมื่อใช้กระดาษทิชชูซับน้ำมันของทอด…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/31kzqj70l4qrb


ความดันสูงให้กินข้าวโอ๊ต งดบุหรี่ และความเค็ม…จริงหรือ?

อ่านต่อได้ที่ https://cofact.org/article/31jqy06a53573