🇹🇭เสรีภาพสื่อ2025’คนข่าวไทยเจอแรงกดดันทั้งเศรษฐกิจ-การเมืองแนะจับตา‘โลกหันขวา-AI’🌎

กิจกรรม

3 พ.ค. 2568 ภาคีโคแฟค (ประเทศไทย) จัดงาน Cofact Live Talk on World Press Freedom Day 2025 : Freedom Index and its ramifications on truth-seeking เนื่องในวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก 3 พฤษภาคม ของทุกปี โดยเป็นการจัดทางออนไลน์ ถ่ายทอดสดผ่านเพจ Cofact โคแฟค , The Reporters และ Ubon Connect อุบลคอนเนก The Reporters Ubon Connect อุบลคอนเนก

ขอบคุณที่มาข้อมูล อุบลคอนเนก

Aleksandra Bielakowska,Advocacy Manager และ Arthur Rochereau, Advocacy Officer จากองค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน (Reporters without Borders) กล่าวถึงสถานการณ์เสรีภาพสื่อในรอบปีที่ผ่านมา โดยนิยามคำว่าเสรีภาพสื่อ หมายถึงความสามารถของนักข่าวในฐานะปัจเจกหรือกลุ่มคนที่สามารถคัดเลือก ผลิตและเผยแพร่ข่าวสารเพื่อประโยชน์สาธารณะโดยปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง เศรษฐกิจ กฎหมาย สังคม โดยเฉพาะต้องปราศจากภัยคุกคามต่อความปลอดภัยต่อทั้งร่างกายและจิตใจ Reporters Without Borders – RSF Asia-Pacific Bureau

โดยรายงานเสรีภาพสื่อมวลชนโลกของ RSF แบ่งประเทศต่างๆ ออกเป็น 5 กลุ่ม ตั้งแต่ 1.กลุ่มที่สถานการณ์เสรีภาพดีที่สุด
2.กลุ่มที่สถานการณ์น่าพึงพอใจ
3.กลุ่มที่เริ่มมีปัญหา
4.กลุ่มที่เสรีภาพสื่อเริ่มเป็นเรื่องยาก
และ 5.กลุ่มที่สถานการณ์เสรีภาพสื่อเข้าขั้นย่ำแย่ที่สุด สำหรับประเทศไทยนั้น

รายงานฉบับล่าสุดจัดให้อยู่ในกลุ่ม Problematic Situation หรือกลุ่มที่ 3 (เริ่มมีปัญหา) โดยอยู่อันดับที่ 85 จากทั้งหมด 180 ประเทศ แม้จะอยู่ในกลุ่มบน (สูงกว่ากึ่งหนึ่งคือลำดับที่ 90) ก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์ในประเทศไทยเป็นแบบนี้ มีทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่ไม่ดีทำให้สื่อจำนวนมากปิดตัวลง มีการเลิกจ้างพนักงาน และเรื่องการเมืองที่มีแรงกดดันทำให้การพูดคุยกันในประเด็นอ่อนไหวลดลง

ส่วนคำแนะนำสำหรับประเทศไทย

  1. รัฐควรปกป้องความหลากหลายของสื่อ ผ่านการใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ เช่น ควบคุมการผูกขาดสื่อ สนับสนุนสื่อท้องถิ่นหรือสื่ออิสระ
  2. นำมาตรฐาน Journalism Trust Initiative (JTI) มาใช้เป็นแนวทางร่วมกัน
  3. มีระบบความรับผิดชอบทางประชาธิปไตยของผู้โฆษณา ต้องตระหนักถึงบทบาทในการสนับสนุนสื่อที่มีคุณภาพ หลีกเลี่ยงแพลตฟอร์มที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือบิดเบือน และ 4.การกำกับดูแลผู้ควบคุมข้อมูลออนไลน์ รัฐบาลควรออกกฎหมายเพื่อควบคุมแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่มีความถูกต้อง เชื่อถือได้ ไม่ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน

รศ.ดร.วิไลวรรณ จงวิไลเกษม อาจารย์จากคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งข้อสังเกตรายงานของ RSF ข้างต้นว่ายังเน้นที่ปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมือง แต่ด้วยข้อจำกัดด้านเวลาจัดทำจึงยังไปไม่ถึงเรื่องของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะกระทบกับเสรีภาพสื่ออย่างไร ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั่วโลกกังวลในปัจจุบัน โดยเฉพาะที่จะได้รับผลกระทบมากคือสื่อขนาดเล็ก เช่น สื่ออิสระหรือนักข่าวพลเมือง การไหลเวียนของข่าวในระบบนิเวศสื่อจะกลายเป็นก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งที่ถูกควบคุมโดย AI ซึ่งคำถามคือแล้ว AI นั้นเป็นของใคร?

ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ก่อตั้งสำนักข่าว The Reporters และผู้สื่อข่าวรายการข่าวสามมิติ ช่อง 33HD กล่าวว่า จากประสบการณ์ส่วนตัว นักข่าวที่ทำงานในประเด็นความมั่นคง สิทธิมนุษยชนและการเมือง สำหรับประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นยุคเผด็จการหรือประชาธิปไตยก็ไม่ต่างกัน เช่น การเสนอข่าวประเด็นชาวอุยกูร์ แม้จะไม่ถูกแทรกแซงโดยตรงอย่างการสั่งปิดสำนักข่าว แต่ก็ถูกคุกคามโดยอ้อมจากสิ่งที่อาจเรียกว่าเป็นปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำโดยฝ่ายใด หรือหากทำข่าวที่กระทบต่อนโยบายของรัฐบาลก็อาจถูก IO ในอีกรูปแบบเข้ามาโจมตี

โดยลักษณะที่พบคือการเข้ามาแสดงความคิดเห็นทั้งในเพจสำหรับเสนอข่าว เพจส่วนตัว ไปจนถึงเพจร้านอาหารที่ทำอยู่ จนทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยต่อชีวิต หรือนำภาพไปตัดต่อใส่คำพูดในลักษณะบิดเบือน ซีงเรื่องเหล่านี้เจอมาตั้งแต่เสนอข่าวชาวโรฮิงญา จนได้เข้าใจว่ามีกระบวนการทำ IO หรือการคุกคามทางอ้อมเพื่อลดทอนความน่าเชื่อถือ (Discredit) โดยหวังให้หยุดการรายงานข่าวนั้น

และก่อนหน้านี้เคยเข้าใจว่าคงทำกันเฉพาะยุครัฐบาลเผด็จการ กระทั่งปัจจุบันแม้เป็นยุครัฐบาลประชาธิปไตยก็ยังเกิดขึ้นและรุนแรงกวาเดิม เพราะไม่ใช่เพียงประเด็นความมั่นคงหรือชาตินิยม แต่ยังถูกนำไปโยงกับเรื่องการเมืองด้วย ส่วนประเด็นแรงกดดันด้านทุนที่ส่งผลต่อเสรีภาพสื่อตามรายงานของ RSF เรื่องนี้ก็เห็นด้วย อย่างตนทำสื่อออนไลน์และเป็นสื่อขนาดเล็ก อีกทั้งยังเน้นทำข่าวหนัก (Hard News) อย่างเรื่องการเมืองหรือสิทธิมนุษยชน ยอมรับว่าหาทุนยากมาก มีแรงกดดันทั้งจากหน่วยงานรัฐและเอกชน

“สื่ออิสระในยุคประชาธิปไตย แทนที่เราจะคิดว่าโอกาสในการที่จะแข่งขันอย่างเสรีในการหาสปอนเซอร์จากหน่วยงานของรัฐ กลับกลายเป็นว่าไม่ได้เสรีอย่างที่ควรจะเป็น กลายเป็นว่าหน่วยงานรัฐที่ถืองบประมาณทางด้านที่อาจให้เงินสปอนเซอร์ให้กับสื่อเข้าไปยื่นประมูลงานกันได้อย่างอิสระ กลับกลายเป็นสื่อหน่วยงานรัฐขึ้นอยู่กับการเมือง เพราะว่าการเมืองเข้าไปดูเรื่องงบประชาสัมพันธ์ของหน่วยงาน แล้วเขาก็เหมือนเป็นคนถืองบประมาณตรงนี้ ถ้าสื่อไหนรายงานข่าวที่ไม่ได้เป็นผลบวกหรือผลดีกับหน่วยงานนั้น โอกาสที่คุณจะได้งบประมาณหน่วยงานนั้นก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลย” ฐปณีย์ กล่าว

ดร.พิมพ์รภัช ดุษฎีอิสริยกุล ผู้จัดการโครงการมูลนิธิ ฟรีดริช เนามัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า รายงานเสรีภาพสื่อโลกของ RSF เป็นกระจกสะท้อนเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลกรวมถึงประเทศไทย และในกรณีของไทย แม้อันดับจะดีขึ้นแต่เมื่อดูคำอธิบายแล้วแย่ลง ซึ่งตัวชี้วัดที่ใช้ในรายงานก็ใช้กันมานาน สามารถอธิบายเหตุปัจจัยได้ว่าอะไรทำให้เสรีภาพสื่อลดลง

ทั้งนี้ หากเป็นในอดีตก่อนปี 2562 รายงานดัชนีเสรีภาพสื่อช่วยกระตุ้นรัฐบาลในบางประเทศได้จริง เช่น ทบทวนนโยบายและกฎหมาย แต่ในยุคปัจจุบันแม้อยากคาดหวังเช่นนั้นแต่ยังมองไม่เห็น แต่ก็ยังหวังว่ารัฐบาลไทยจะมองเห็นว่าเสรีภาพสื่อเกี่ยวข้องกับเสถียรภาพทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ เพระเป็นภาพสะท้อนของกันและกัน แต่ก็ยังหวังได้น้อยเพราะรู้สึกว่ารัฐบาลมีเรื่องอื่นที่ให้ความสำคัญมากกว่า ขณะที่เมื่อมองออกไปในบริบทโลก จะเห็นกระแสหันขวาเพิ่มขึ้น มีความชาตินิยม (Nationalism) และอำนาจนิยม (Authoritarian) มากขึ้น

ทำให้เราไม่เหมือนเดิม ไม่เป็นกลาง ไม่รอบด้าน ไม่เป็นผู้ที่รับรู้แต่ไม่ตัดสิน แต่กลายเป็นการทำให้เราอยู่ในโลกที่เราอยากรับรู้และเชื่อในสิ่งนี้ ดังนั้นพอบอกว่าเสรีภาพสื่อดีขึ้นและเราเชื่อว่าดีขึ้น อย่างไรก็ตาม แต่ก่อนเราจะตั้งคำถามว่าดีขึ้นจริงหรือไม่และอะไรคือปัจจัย และไม่อยากได้คำอธิบายด้วยว่าจริงๆ แล้วไม่ดีขึ้นแม้จะเป็นรัฐบาลพลเรือนมาจากการเลือกตั้งก็ตาม เพราะยังมีเรื่องการใช้กฎหมาย หรือการที่ขั้วการเมืองเข้าไปมีข้อจำกัดในการให้อิสระกับสื่อ การหันขวาทำให้ความเป็นกลาง ความโปร่งใสหรือความเป็นอิสระของสื่อน้อยลง

“ในยุคที่โลกหันขวา เราก็รู้อยู่แล้วว่าโลกหันขวาไปจริงๆ เสรีภาพสื่อหรือดัชนีที่เราให้คุณค่ากับมัน อาจไม่ได้เป็นการให้คุณค่ากับอีกฝ่ายการเมืองหนึ่ง หรือฝ่ายที่มีความคิดเฉดการเมืองอีกเฉดหนึ่ง ซึ่งกลุ่มการเมืองหันขวาแบบนั้นอาจเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้นในสังคม ในไทยด้วยแล้วก็ในโลก ซึ่งเราคงปฏิเสธไม่ได้ ก็แอบหวังแต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีหวังได้ขนาดนั้นหรือไม่?” ดร.พิมพ์รภัช กล่าว

รศ.ดร.อลงกรณ์ ปริวุฒิพงศ์ รองคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงประเด็นใหม่ๆ เกี่ยวกับเสรีภาพสื่อ เช่น อคติจากอัลกอริทึม (Algorithmic Bias) จะทำอย่างไรให้ไม่ตกอยู่กับกระบวนการข่าวสารที่สร้างขึ้นมาหรือหลอกลวง การปกป้องจากข้อมูลบิดเบือนที่ถูกสร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ (Protect Against AI Disinformation) ควรมีกลไกหรือกรอบงานอะไรหรือไม่ที่จะมากั้นหรืออย่างน้อยให้เราสามารถตรวจสอบได้

สิทธิในการตรวจสอบข้อมูล (Right to Verify หรือ Right to Fact – Checking) ซึ่งหากเจอข่าวผิดก็เข้าไปแก้ได้ทันทีหากมีข้อมูลมากกว่า หรือการที่นักข่าวต้องอยู่ในภาวะแวดล้อมที่ทำงานได้ปลอดภัย นอกจากความปลอดภัยทางกายภาพแล้วต่อไปอาจต้องรวมถึงความปลอดภัยทางดิจิทัล (Digital Safety หรือ Digital Security) ด้วย เช่น การทำ IO หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

“มันเป็นมุมเดิมที่เขาพยายามจะบอกว่ายังมีอยู่ เราก็ยังเห็นว่าสื่อสารมวลชนแบบเดิมก็ยังเป็นกลไกในการบอกข่าวแจ้งข่าวให้เราทราบอยู่ แต่ในขณะเดียวกันที่เราสนใจในวันนี้คือเสรีภาพที่คุณพูดถึงน่าจะขยายขอบเขตและพรมแดนไปกว้างขวางมากขึ้น” รศ.ดร.อลงกรณ์ กล่าว

หมายเหตุ : สามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/CofactThailand/videos/988238506410765/
(มีกำหนด 30 วัน นับจากวันถ่ายทอดสด ตามข้อกำหนดของ Facebook)
-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-