‘พาราเซตามอล’ทำทารก‘ออทิสติก’จริงหรือ? เมื่อ ‘ทรัมป์’ออกมาเตือนไม่อยากให้หญิงมีครรภ์ใช้

By : Zhang Taehun
“ผมอยากจะพูดตรงๆ ว่า อย่ากินไทลินอล อย่ากินมัน (I want to say it like it is, don’t take Tylenol. Don’t take it)”
คำกล่าวของ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2568 เตือนประชาชน “อย่าให้หญิงมีครรภ์ใช้ยาไทลินอล (Tylenol) เพราะจะส่งผลให้เด็กเกิดมาเป็นออทิสติก(Autism)” และเสนอให้ใช้ ลิวโคโวริน (Leucovorin) กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สื่อทั่วโลกให้ความสนใจ ท่ามกลางคำถามว่า “จริงหรือไม่?”ผู้นำสหรัฐฯ อ้างอิงจากหลักฐานอะไร?
อาทิ สำนักข่าวรอยเตอร์ ในวันเดียวกัน ได้รายงานเสียงโต้แย้งจากกลุ่มสนับสนุนทางการแพทย์ การวิจัย และออทิสซึมหลายสิบกลุ่ม รวมถึงสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา (American Academy of Pediatrics) และวิทยาลัยสูตินรีแพทย์และนรีเวชวิทยาแห่งอเมริกา (American College of Obstetricians and Gynecologists) ที่ระบุว่า ข้อมูลที่อ้างถึงไม่ได้สนับสนุนข้อกล่าวอ้างที่ว่าไทลีนอลเป็นสาเหตุของออทิสติกและลิวโคโวรินสามารถใช้เป็นยารักษาได้
– ไทลินอลคืออะไร? : ไทลินอล เป็นหนึ่งในชื่อทางการค้าของตัวยา พาราเซตามอล (Paracetamol)หรือ อะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) เป็นยาที่มีฤทธิ์แก้ปวดลดไข้ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถใช้ได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา โดยทั่วไปเป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยเว้นแต่ว่ารับประทานยาเกินขนาดหรือใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งเกิดอันตรายต่อตับและไตได้
Drugs.com เว็บไซต์ฐานข้อมูลสารานุกรมเภสัชกรรมออนไลน์ที่ให้ข้อมูลยาแก่ผู้บริโภคและบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งมีสำนักงานในสหรัฐอเมริกาและนิวซีแลนด์ ระบุว่า อะเซตามิโนเฟน เป็นชื่อสามัญของตัวยา ในขณะที่ ไทลินอล เป็นชื่อทางการค้าของยาซึ่งผลิตโดย McNeil Consumer บริษัทในเครือ Kenvue ยักษ์ใหญ่ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพในสหรัฐฯ โดยอะเซตามิโนเฟนเป็นยาบรรเทาปวดสำหรับอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น อาการปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ปวดฟัน และมีไข้
– ไทลินอลอันตรายต่อทารกในครรภ์ เสี่ยงต่อการทำให้เกิดออทิสติกจริงหรือ? : รายงานของรอยเตอร์ Explainer: Is Tylenol safe to take during pregnancy? วันที่ 22 ก.ย. 2568 อ้างถึงงานวิจัยหลายชิ้น เช่น Acetaminophen Use During Pregnancy and Children’s Risk of Autism, ADHD, and Intellectual Disability ซึ่งเผยแพร่ในวารสารการแพทย์ขงอสหรัฐฯ อย่าง JAMA เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2567 ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างเด็กเกือบ 2.5 ล้านคนในสวีเดน ไม่พบความเชื่อมโยงเชิงสาเหตุระหว่างการได้รับอะเซตามิโนเฟนในครรภ์กับความผิดปกติทางพัฒนาการทางระบบประสาท เช่น ออทิสติก สมาธิสั้น (ADHD)
งานวิจัยหัวข้อ Evaluation of the evidence on acetaminophen use and neurodevelopmental disorders using the Navigation Guide methodology เผยแพร่ทางวารสารวิชาการของอังกฤษอย่าง BioMed Central เผยแพร่เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2568 ซึ่งศึกษางานวิจัยก่อนหน้านี้ 46 ชิ้น ชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างการได้รับอะเซตามิโนเฟนก่อนคลอดกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะเหล่านี้ แต่นักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ไอคาห์น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และคณะอื่นๆ กล่าวว่า การศึกษานี้ไม่ได้พิสูจน์ว่ายาเป็นสาเหตุของผลลัพธ์ดังกล่าว โดยแนะนำว่าสตรีมีครรภ์ควรใช้อะเซตามิโนเฟนต่อไปตามความจำเป็น ในขนาดยาที่ต่ำที่สุด และในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“แม้ว่าแนวโน้มอัตราความผิดปกติทางพัฒนาการของระบบประสาท (NDD) ในระดับประชากรจะเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงการวินิจฉัยที่ดีขึ้นและการสัมผัสจากภายนอก แต่จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความสัมพันธ์เหล่านี้และพิจารณาสาเหตุและกลไก ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุมีความเป็นไปได้เนื่องจากความสอดคล้องของผลการศึกษาและการควบคุมอคติที่เหมาะสมในการศึกษาทางระบาดวิทยาส่วนใหญ่ รวมถึงผลกระทบทางชีวภาพของอะเซตามิโนเฟนต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ในการศึกษาเชิงทดลอง
(While population-level trends in NDD rates have risen, potentially due to several factors including improved diagnostics and external exposures, further research is needed to confirm these associations and determine causality and mechanisms. A causal relationship is plausible because of the consistency of the results and appropriate control for bias in the large majority of the epidemiological studies, as well as acetaminophen’s biological effects on the developing fetus in experimental studies.)” งานวิจัยดังกล่าวให้ข้อสรุป
ในวันเดียวกัน องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ FDA Responds to Evidence of Possible Association Between Autism and Acetaminophen Use During Pregnancy ระบุว่า FDA ได้ริเริ่มการเปลี่ยนแปลงฉลากยาอะเซตามิโนเฟน (ไทลีนอลและผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกัน) เพื่อสะท้อนหลักฐานที่บ่งชี้ว่าการใช้ยาอะเซตามิโนเฟนในหญิงตั้งครรภ์อาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคทางระบบประสาท เช่น ออทิสติกและสมาธิสั้นในเด็ก นอกจากนี้ หน่วยงานยังได้ออกจดหมายแจ้งเตือนแพทย์ทั่วประเทศที่เกี่ยวข้องด้วย
แนวทางของ FDA อ้างถึงงานวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่ในฐานข้อมูลหอสมุดแพทย์แห่งชาติอเมริกันในกำกับดูแลของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NLM-NIH) เช่น Use of Negative Control Exposure Analysis to Evaluate Confounding: An Example of Acetaminophen Exposure and Attention-Deficit/Hyperactivity Disorder in Nurses’ Health Study II (เผยแพร่ 1 เม.ย. 2562) ,
Association of Cord Plasma Biomarkers of In Utero Acetaminophen Exposure With Risk of Attention-Deficit/Hyperactivity Disorder and Autism Spectrum Disorder in Childhood (เผยแพร่ 1 ก.พ. 2563) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม รายงานของ FDA ทิ้งท้ายว่า สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ “แม้ว่าจะมีการศึกษาหลายชิ้นที่อธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างอะเซตามิโนเฟนและภาวะทางระบบประสาท แต่ก็ยังไม่พบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุที่ชัดเจน” และมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ขัดแย้งกัน
“อะเซตามิโนเฟนเป็นยาที่หาซื้อได้ทั่วไปเพียงชนิดเดียวที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้รักษาไข้ระหว่างตั้งครรภ์ และไข้สูงในหญิงตั้งครรภ์อาจเป็นอันตรายต่อลูกได้ นอกจากนี้ แอสไพรินและไอบูโพรเฟนยังมีรายงานผลข้างเคียงต่อทารกในครรภ์อย่างชัดเจน”รายงานของ FDA ระบุ
มารืตี้ มาคารี (Marty Makary) กรรมการ FDA กล่าวว่า FDA กำลังดำเนินการเพื่อให้ผู้ปกครองและแพทย์ตระหนักถึงหลักฐานจำนวนมากเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาอะเซตามิโนเฟน แต่ถึงกระนั้น การตัดสินใจก็ยังคงเป็นของผู้ปกครอง หลักการป้องกันไว้ก่อนอาจทำให้หลายคนหลีกเลี่ยงการใช้อะเซตามิโนเฟนในระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไข้ต่ำส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อย่างไรก็ตาม สตรีมีครรภ์ยังคงมีความเหมาะสมที่จะใช้อะเซตามิโนเฟนในบางสถานการณ์
วันที่ 23 ก.ย. 2568 สื่อหลายสำนัก เช่น สถานีโทรทัศน์ France24 ของฝรั่งเศส อ้างรายงานข่าว WHO sees no autism links to Tylenol, vaccinesระบุว่า ทาริค ยาซาเรวิค (Tarik Jasarevic) โฆษกองค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้แจงกับสื่อโดยยอมรับว่า งานวิจัยเชิงสังเกตบางชิ้น ซึ่งอาศัยการสังเกตเพียงอย่างเดียวและไม่ได้รวมกลุ่มควบคุมหรือกลุ่มที่ได้รับการรักษา ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของความสัมพันธ์ระหว่างการได้รับอะเซตามิโนเฟนหรือพาราเซตามอลก่อนคลอดกับโรคออทิสติก อย่างไรก็ตาม หลักฐานยังคงไม่สอดคล้องกับงานวิจัยอื่นๆ ที่ไม่พบความสัมพันธ์ดังกล่าว จึงไม่ควรสรุปอย่างผิวเผินเกี่ยวกับบทบาทของอะเซตามิโนเฟนกับโรคออทิสติก
อลิสัน เคฟ (Alison Cave) หัวหน้าส่วนงานด้านความปลอดภัย องค์การกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพของอังกฤษ (MHRA) กล่าวว่า ไม่มีหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่าการกินยาพาราเซตามอลระหว่างตั้งครรภ์ทำให้เกิดภาวะออทิสติกในเด็กเช่นเดียวกับ สเตฟเฟน เธิร์สทรัป (Steffen Thirstrup) หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ขององค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ที่กล่าวว่า คำแนะนำของเรามีพื้นฐานมาจากการประเมินอย่างเข้มงวดจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ และไม่พบหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่าการกินยาพาราเซตามอลในระหว่างตั้งครรภ์จะทำให้เด็กเป็นออทิสติก
ในวันเดียวกัน สำนักงานบริหารสินค้าเพื่อการบำบัดรักษา (TGA) หน่วยงานภายใต้กระทรวงสุขภาพ ผู้พิการและผู้สูงอายุของออสเตรเลีย เผยแพร่จดหมายข่าวประชาสัมพันธ์ Paracetamol use in pregnancy ระบุว่า หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่หนักแน่นแสดงให้เห็นว่าไม่มีความเชื่อมโยงเชิงสาเหตุระหว่างการใช้ยาพาราเซตามอลในระหว่างตั้งครรภ์กับภาวะออทิสติกหรือโรคสมาธิสั้น โดยมีงานวิจัยขนาดใหญ่และเชื่อถือได้หลายชิ้นที่ขัดแย้งกับข้อกล่าวอ้างเหล่านี้โดยตรง
“แม้ว่าจะมีบทความตีพิมพ์ที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างการใช้ยาพาราเซตามอลในมารดากับภาวะออทิสติกในวัยเด็ก แต่บทความเหล่านั้นก็มีข้อจำกัดเชิงวิธีการ งานวิจัยล่าสุดและน่าเชื่อถือกว่าได้หักล้างข้อกล่าวอ้างเหล่านี้ โดยสนับสนุนน้ำหนักของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อื่นๆ ที่ไม่สนับสนุนความเชื่อมโยงเชิงสาเหตุระหว่างยาพาราเซตามอลกับภาวะออทิสติกหรือโรคสมาธิสั้น”รายงานของ TGA ระบุ
รายงานของ TGA ยังกล่าวด้วยว่า ในออสเตรเลีย พาราเซตามอลยังคงอยู่ในกลุ่มยาสำหรับหญิงตั้งครรภ์ประเภท A ในออสเตรเลีย ซึ่งหมายความว่ายานี้ถือว่าปลอดภัยสำหรับการใช้ในระหว่างตั้งครรภ์เมื่อใช้ตามคำแนะนำในเอกสารข้อมูลผลิตภัณฑ์ (PI) และเอกสารข้อมูลยาสำหรับผู้บริโภค (CMI) ที่ได้รับการรับรองจาก TGA กล่าวคือ ยานี้ถูกใช้โดยสตรีมีครรภ์และสตรีวัยเจริญพันธุ์จำนวนมาก โดยไม่พบหลักฐานว่าพบความผิดปกติทางร่างกายหรือผลกระทบที่เป็นอันตรายอื่นๆ ต่อทารกในครรภ์เพิ่มขึ้น ถึงกระนั้นก็เช่นเดียวกับการใช้ยาอื่นๆ ในระหว่างตั้งครรภ์ ที่สตรีมีครรภ์ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางที่เหมาะสมกับสถานการณ์เฉพาะของตนก่อนใช้ยาพาราเซตามอล
ในวันที่ 24 ก.ย. 2568 เพจเฟซบุ๊ก “World Health Organization (WHO)” ขององค์การอนามัยโลก เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ “WHO statement on autism-related issues” โดยย้ำว่า “ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แน่ชัดที่ยืนยันถึงความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ระหว่างออทิสติกและการใช้ยาอะเซตามิโนเฟน (หรือที่เรียกว่าพาราเซตามอล) ในระหว่างตั้งครรภ์” โดยทั่วโลกมีผู้ป่วยกลุ่มโรคออทิสติก (Autism Spectrum Disorder) เกือบ 62 ล้านคน (หรืออัตราส่วน 1 ใน 127 คน) ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการของสมอง
ซึ่งแม้ว่าความตระหนักรู้และการวินิจฉัยโรคจะดีขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดของโรคออทิสซึมได้ และเป็นที่เข้าใจกันว่ามีหลายปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้อง ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีการวิจัยอย่างกว้างขวาง ซึ่งรวมถึงการศึกษาขนาดใหญ่ที่ศึกษาความเชื่อมโยงระหว่างการใช้ยาอะเซตามิโนเฟนในระหว่างตั้งครรภ์และโรคออทิสติก แต่ ณ ขณะนี้ ยังไม่มีความเชื่อมโยงที่ชัดเจน
“องค์การอนามัยโลกแนะนำให้สตรีทุกคนปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถช่วยประเมินสถานการณ์เฉพาะบุคคลและแนะนำยาที่จำเป็นได้ควรใช้ยาใดๆ อย่างระมัดระวังในระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 เดือนแรก และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ”รายงานขององค์การอนามัยโลก ระบุ
ท่าทีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยว่าอย่างไร?
วันที่ 25 ก.ย. 2568 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกจดหมายข่าวประชาสัมพันธ์ เรื่อง “อย. แจง พาราเซตามอลยังปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์ แนะใช้เท่าที่จำเป็น” ระบุว่า จากการตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ล่าสุด รวมถึงท่าทีของหน่วยงานกำกับดูแลด้านยาทั่วโลก ยืนยันว่ายังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ชัดเจนว่ายาพาราเซตามอลเป็นสาเหตุของโรคออทิสติก และปัจจุบันยังคงเป็นยาทางเลือกแรกที่ปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งครรภ์ในการรักษาอาการปวดและลดไข้
นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการ อย. ชี้แจงว่า “แม้บางประเทศจะมีการพิจารณาปรับปรุงฉลากยาเพื่อสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่อาจมี แต่ทุกหน่วยงานยังย้ำว่า ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าเป็นสาเหตุและมีการศึกษาที่ขัดแย้งกัน” อย. จึงขอแนะนำให้สตรีมีครรภ์และประชาชนทั่วไปที่จำเป็นต้องใช้ยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้หรือบรรเทาอาการปวด สามารถใช้ยาได้ตามปกติ
“แต่ควรยึดหลักสำคัญคือ ใช้ยาในขนาดต่ำที่สุดที่ให้ผลการรักษา และใช้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีความกังวล ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ” เลขาธิการ อย. กล่าว
โดยสรุปแล้ว แม้จะมีงานวิจัยบางชิ้นที่บ่งชี้ความเป็นไปได้ที่อาจมีความเชื่อมโยงกันระหว่างโรคออทิสติกในเด็กกับการใช้ยาแก้ปวด – ลดไข้ไทลินอล (อะเซตามิโนเฟนหรือพาราเซตามอล) ของหญิงตั้งครรภ์ แต่เป็นข้อค้นพบที่ยังไม่ชัดเจนและต้องศึกษาเพิ่มเติม นอกจากนั้นยังขัดแย้งกับงานวิจัยอื่นๆ ที่ไม่พบความเชื่อมโยงดังกล่าว ทำให้ในภาพรวมของหน่วยงานสาธารณสุขนานาชาติ ยังคงอนุมัติให้ยาดังกล่าวยังคงใช้ในหญิงตั้งครรภ์ได้ เมื่อเทียบกับยาแก้ปวด – ลดไข้บางชนิดที่มีรายงานผลข้างเคียงต่อทารกในครรภ์ชัดเจนกว่า
ทั้งนี้ ในกรณีของหญิงตั้งครรภ์ มีคำแนะนำว่า ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาแนวทางดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล!!!
-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-
อ้างอิง
https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/trump-expected-link-autism-with-tylenol-experts-say-more-research-needed-2025-09-22/ (Trump links autism to Tylenol and vaccines, claims not backed by science : รอยเตอร์ 22 ก.ย. 2568)
https://www.naewna.com/inter/916086 (ช็อกทั้งโลก! ‘ทรัมป์’เตือนหญิงตั้งครรภ์เลี่ยงกินยาไทลินอล พบเสี่ยงทำลูกเป็นออทิสติก : แนวหน้า 23 ก.ย 2568)
https://www.rama.mahidol.ac.th/poisoncenter/th/knowledge_general_population/paracetamol (การใช้และปัญหาจากยาใกล้ตัว : ทำความรู้จักยาพาราเซตามอล (paracetamol) : คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล)
https://pharmacy.mahidol.ac.th/dic/qa_full.php?id=8410 (Acetaminophen ใช้รักษาอาการปวดในผู้ป่วยข้ออักเสบ(ข้อเข่า ข้อสะโพก) ถ้าใช้เป็นเวลานานจะมีความปลอดภัยหรือไม่ และต้องใช้ตามคำสั่งแพทย์หรือว่าสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป : คลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล)
https://www.drugs.com/medical-answers/acetaminophen-tylenol-3002135/ (Is acetaminophen the same as Tylenol? : Drugs.com 16 ต.ค. 2567)
https://www.sec.gov/Archives/edgar/data/1944048/000162828023012570/exhibit211-sx1a4.htm (Subsidiaries of Kenvue Inc. : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (SEC) 4 ม.ค. 2566)
https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/is-tylenol-safe-take-during-pregnancy-2025-09-22/ (Explainer: Is Tylenol safe to take during pregnancy? : รอยเตอร์ 22 ก.ย. 2568)
https://jamanetwork.com/journals/jama/fullarticle/2817406 (Acetaminophen Use During Pregnancy and Children’s Risk of Autism, ADHD, and Intellectual Disability : JAMA 9 เม.ย. 2567)
https://ehjournal.biomedcentral.com/articles/10.1186/s12940-025-01208-0 (Evaluation of the evidence on acetaminophen use and neurodevelopmental disorders using the Navigation Guide methodology : BioMed Central 14 ส.ค. 2568)
https://www.fda.gov/news-events/press-announcements/fda-responds-evidence-possible-association-between-autism-and-acetaminophen-use-during-pregnancy (FDA Responds to Evidence of Possible Association Between Autism and Acetaminophen Use During Pregnancy : FDA 22 ก.ย. 2568)
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/30923825/ (Use of Negative Control Exposure Analysis to Evaluate Confounding: An Example of Acetaminophen Exposure and Attention-Deficit/Hyperactivity Disorder in Nurses’ Health Study II :NLM-NIH 1 เม.ย. 2562)
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/31664451/ (Association of Cord Plasma Biomarkers of In Utero Acetaminophen Exposure With Risk of Attention-Deficit/Hyperactivity Disorder and Autism Spectrum Disorder in Childhood : NLM – NIH 1 ก.พ. 2563)
https://www.france24.com/en/live-news/20250923-who-sees-no-autism-links-to-tylenol-vaccines (WHO sees no autism links to Tylenol, vaccines : France24 23 ก.ย. 2568)
https://www.tga.gov.au/news/media-releases/paracetamol-use-pregnancy (Paracetamol use in pregnancy : TGA Australia 23 ก.ย. 2568)
https://web.facebook.com/100064481988528/posts/1236350181857703/?rdid=WYv9ogHF7ZoUrCBn# (WHO statement on autism-related issues : เพจ World Health Organization (WHO) 24 ก.ย. 2568)
https://oryor.com/media/newsUpdate/media_news/3306 (อย. แจง พาราเซตามอลยังปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์ แนะใช้เท่าที่จำเป็น : อย. 25 ก.ย. 2568)