ผู้เชี่ยวชาญชี้ ช่วยคนถูกไฟดูดด้วยการ “นอนบนแผ่นสังกะสี-เอาทรายกลบ” เป็นความเชื่อและวิธีที่ผิด

กองบรรณาธิการโคแฟค
ช่วงต้นเดือนกันยายน 2568 สื่อมวลชน เพจเฟซบุ๊กและผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวนมากแชร์เหตุการณ์ที่อ้างว่าชายคนหนึ่งรอดชีวิตจากการถูกไฟดูดจากการที่เพื่อนช่วยชีวิตด้วยการให้นอนบนแผนสังกะสีและเอาทรายกลบทั้งตัว แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุตรงกันว่าเป็นวิธีการที่ผิด
เนื้อหาโดยสรุป
วันที่ 6 ก.ย. 2568 เว็บไซต์แนวหน้ารายงานข่าวพาดหัวว่า “คนงานถูกไฟดูดหมดสติ เพื่อนทำตามความเชื่อโบราณ กลบทรายบนสังกะสี รอดตายปาฏิหาริย์” เนื้อหาของข่าวระบุว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่สถานที่ก่อสร้างของโครงการหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ใน ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อไปถึงสถานที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่กู้ภัยพบว่าชายที่ถูกไฟดูดรายนี้นอนอยู่บนแผ่นสังกะสี มีทรายจำนวนกลบจนมิดตัวเหลือเพียงช่วงศีรษะและใบหน้า หลังจากปฐมพยาบาลพบว่าเขากลับมามีชีพจรอีกครั้งจึงเคลื่อนย้ายพาตัวส่งโรงพยาบาล (ลิงก์บันทึก)
แนวหน้ารายงานโดยอ้างคำพูดของเพื่อนคนงานที่ให้ความช่วยเหลือว่า วิธีการนี้เป็นความเชื่อของคนงานที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณว่าหากมีคนถูกกระแสไฟฟ้าดูให้รีบนำตัวมาวางบนแผ่นสังกะสีแล้วนำทรายมาเทกลบร่าง โดยเชื่อว่าจะสามารถดึงกระแสไฟจากภายในร่างกายออกมาได้
เนื้อหานี้ถูกนำมาแชร์ต่ออย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดีย

โคแฟคตรวจสอบ
ดร.สุพรรณ ทิพย์ทิพากร หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลกับโคแฟคว่าวิธีช่วยเหลือผู้ถูกไฟฟ้าดูดวิธีนี้ เป็นวิธีที่ผิด
“มาตรฐานสากล IEC 60479-1 Effects of Current on Human Beings and Livestock ระบุว่าร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถกักเก็บกระแสไฟฟ้าได้ เมื่อนำร่างกายออกห่างจากต้นแหล่งไฟฟ้าที่ดูดก็จะไม่มีกระแสตกค้างอยู่ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องดึงกระแสไฟฟ้าที่ค้างในร่างกายออกใด ๆ การนำทรายไปกลบร่างจะเป็นการขัดขวางการช่วยเหลือชีวิตที่ถูกวิธีเช่นการทำ CPR หรือใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ หรือ AED” ดร.สุพรรณระบุ
ดร.สุพรรณอธิบายว่าการที่ผู้ที่ถูกไฟดูดจะรอดชีวิตได้นั้นขึ้นอยู่กับปริมาณกระแส ระยะเวลา และเส้นทางของไฟฟ้าที่ไหลผ่านร่างกาย สำหรับคนงานรายนี้ ปริมาณกระแสและระยะเวลาที่กระแสไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกายนั้นอาจจะยังไม่ถึง “โซนอันตราย” คือค่าที่จะทำให้เขาถึงแก่ชีวิตได้ ผู้ประสบเหตุอาจรู้สึกชา เกร็ง ไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ถูกไฟดูด แต่ก็ยังไม่ถึงกับเสียชีวิต
เส้นทางของไฟฟ้าที่ไหลก็มีผลเช่นกัน คือ หากกระแสไฟฟ้าไหลเข้าแขนซ้ายผ่านทรวงอกสู่หัวใจและกระแสออกที่เท้า อาจรบกวนการเต้นของหัวใจหรือทำให้หัวใจหยุดเต้นซึ่งจะเกิดอันตรายแก่ผู้ที่ถูกไฟดูดได้มากกว่าเส้นทางอื่นเช่น กระแสไฟดูดไหลเข้าขาข้างขวาและไหลออกทางด้านซ้าย สภาวะความชื้นของร่างกายคือหากเปียกน้ำอยู่จะทำให้กระแสไฟฟ้าไหลเข้าร่างกายได้ง่ายกว่า (ความต้านทานกระแสไฟฟ้าลดลง) การใส่รองเท้าก็เป็นการเพิ่มความต้านทานแก่ร่างกาย ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายลงสู่ดินครบวงจรทางเดินกระแส ดร.สุพรรณระบุ
รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กเตือนประชาชนว่าอย่าเชื่อข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ถูกไฟดูด
“ถ้าเจอผู้ได้รับอุบัติเหตไฟฟ้าดูดก็อย่าไปเสียเวลาเอาไปฝังทรายหรือไปวางบนแผ่นสังกะสีอย่างที่มีเชื่อกันครับ ไม่มีประโยชน์ใด ๆ เลย เสียเวลาในการปฐมพยาบาลเปล่า ๆ เพราะจริง ๆ กระแสไฟฟ้าที่ดูดนั้น มันไหลออกจากร่างกายไปแล้วแทบจะทันทีที่โดนไฟดูด โดยได้ทำลายระบบการทำงานของหัวใจและอวัยวะต่าง ๆ ไปแล้วด้วย ซึ่งอาจจะถึงขั้นที่ทำให้หัวใจหยุดเต้น หมดสติ และเสียชีวิตได้” รศ.ดร.เจษฎาระบุ “สิ่งที่ต้องทำคือ รีบย้ายผู้ป่วยออกจากการถูกไฟดูด แล้วถ้าหยุดหายใจ หรือหัวใจหยุดเต้น ก็ให้รีบทำ CPR ปั๊มหัวใจ ผายปอดทันที พร้อมๆ กับรีบโทรแจ้งหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669 เพื่อนำส่งแพทย์โดยเร็ว”
Thai PBS Verify ได้เผยแพร่รายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เช่นกัน โดยสรุปว่า “แนวทางดังกล่าวไม่มีหลักฐานทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์รองรับ ด้านแพทย์ชี้ การช่วยชีวิตที่ถูกต้องควรใช้การปฐมพยาบาลและทำ CPR อย่างทันท่วงที เตือนความเชื่อผิดอาจทำให้เสียโอกาสในการช่วยชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ข้อมูลจาก สพฉ.
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) แนะนำวิธีการช่วยเหลือผู้ประสบภัยถูกไฟดูด-ไฟช็อตไว้ดังนี้
- ก่อนอื่นผู้ที่เข้าช่วยเหลือจะต้องตั้งสติ และหากพบผู้ป่วยฉุกเฉินจะต้องโทรแจ้งขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ผ่านสายด่วน 1669
- ต้องจำไว้เสมอว่าห้ามสัมผัสตัวผู้ถูกไฟช็อตด้วยมือเปล่าเด็ดขาด ควรใช้วัสดุที่ไม่เป็นตัวนำไฟฟ้าป้องกันตัวก่อน เช่น ถุงมือยาง ผ้าแห้ง พลาสติกแห้ง เป็นต้น และจะต้องตัดกระแสไฟในที่เกิดเหตุทันที ยกเว้นเป็นสายไฟแรงสูง ควรแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย
- จากนั้นให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปในพื้นที่ปลอดภัย เพราะบางครั้งสถานที่ที่ถูกไฟช็อตอาจอยู่ใกล้ป้ายโฆษณา หรือต้นไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายซ้ำได้ โดยต้องเคลื่อนย้ายอย่างถูกวิธีด้วย เพราะบางครั้งการเคลื่อนย้ายอาจทำให้ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บมากขึ้น
- ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากไฟบ้านทั่วไป และมีเพียงบาดแผลไม่ลึก ไม่มีอาการผิดปกติอื่น สามารถสังเกตอาการที่บ้านได้ ยกเว้น ผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคไต โรคหัวใจ ควรนำส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ประเมินอาการอีกครั้ง
- ผู้ป่วยที่หมดสติจะต้องพิจารณาว่าผู้ป่วยมีภาวะหัวใจหยุดเต้นหรือหยุดหายใจหรือไม่ หากหยุดหายใจจะต้องรีบทำการช่วยเหลือฟื้นคืนชีพ (CPR) ทันที
ข้อสรุปโคแฟค
การช่วยเหลือผู้ที่ถูกไฟดูดด้วยการนำไปวางบนแผ่นสังกะสีและกลบด้วยทรายเป็นความเชื่อที่ผิดและเป็นวิธีการปฐมพยาบาลที่ไม่ถูกต้อง และอาจจะยิ่งทำให้เสียเวลาในการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ สิ่งที่ควรทำคือรีบเคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บออกจากจุดที่ถูกไฟดูด ถ้าหยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้นให้รีบทำการปั๊มหัวใจและผายปอด
โคแฟคพบว่าแม้ผู้เชี่ยวชาญจะออกมาให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลคนถูกไฟดูดแล้ว แต่เนื้อหาเท็จในเรื่องนี้ยังคงปรากฏอยู่ในอินเทอร์เน็ต ทั้งในเว็บไซต์แนวหน้าและโพสต์เฟซบุ๊ก ผู้เผยแพร่เนื้อหาจึงควรรับผิดชอบด้วยการนำเนื้อหานี้ออกจากระบบเพื่อหยุดการสร้างความเข้าใจและความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ที่ถูกไฟดูด
เรื่องอื่นที่เกี่ยวข้อง
- เพจเฟซบุ๊กโพสต์เนื้อหาเท็จวิธีปฐมพยาบาลเมื่อโดนแก๊สน้ำตา
- ผู้เชี่ยวชาญระบุ ไฟลุกไหม้โทรศัพท์ขณะชาร์จแบตฯ ทิ้งไว้ตอนนอน เกิดขึ้นได้จริงจากหลายปัจจัย
- ถาม-ตอบ สธ. กรณี “ต่างด้าวแห่คลอดลูกในไทย-ใช้สิทธิรักษาฟรี”