ไขข้อข้องใจ เคี้ยวหมากฝรั่ง 8 นาที = กลืนไมโครพลาสติกหลายพันชิ้นจริงหรือ?
ขอบคุณที่มา ubonconnect
วันที่ 19 สิงหาคม 2568 รายการ “โคแฟคสนทนา รวมพลคนเช็กข่าว” ออกอากาศเวลา 19.00-19.30 น. นำเสนอประเด็นร้อนที่กำลังถูกพูดถึงในโลกโซเชียลว่า “การเคี้ยวหมากฝรั่ง 8 นาที เท่ากับกลืนไมโครพลาสติกหลายพันชิ้น” โดยมี รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมด้วย สุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้ง COFACT และ “พี่หน่อย” คนเช็กข่าว ร่วมถกประเด็นนี้อย่างเข้มข้น ด้วยมุมมองทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ผู้ชมได้เข้าใจข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน โดยมี สุชัย เจริญมุขยนันท เป็นผู้ดำเนินรายการ
ประเด็นนี้เริ่มต้นจากโพสต์บนโซเชียลมีเดียที่ระบุว่า การเคี้ยวหมากฝรั่งเพียง 8 นาทีอาจทำให้ร่างกายได้รับไมโครพลาสติกจำนวนมาก ซึ่งสร้างความกังวลให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นประจำ รศ.ดร.เจษฎา อธิบายว่า ข้อมูลนี้มาจากงานวิจัยเบื้องต้นของทีมวิศวกรจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (UCLA) ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนมีนาคม 2568 โดยยังไม่ได้ตีพิมพ์อย่างเป็นทางการในวารสารวิชาการ งานวิจัยนี้ทดลองโดยให้อาสาสมัครเพียงคนเดียวเคี้ยวหมากฝรั่ง 5 ยี่ห้อ ซึ่งแบ่งเป็นหมากฝรั่งสังเคราะห์ (ผลิตจากโพลิเมอร์ปิโตรเลียม) และหมากฝรั่งจากยางไม้ธรรมชาติ โดยเก็บตัวอย่างน้ำลายทุก 30 วินาทีจนครบ 4 นาที และบ้วนปากด้วยน้ำเพื่อตรวจหาไมโครพลาสติกด้วยกล้องจุลทรรศน์และเครื่องสเปกโทรสโกปี
ผลการวิจัยพบว่า หมากฝรั่ง 1 กรัมสามารถปล่อยไมโครพลาสติกได้ประมาณ 50-100 ชิ้น และหากเป็นหมากฝรั่งชิ้นใหญ่ (2-6 กรัม) อาจปล่อยไมโครพลาสติกได้สูงถึง 3,000 ชิ้นต่อชิ้น โดยปริมาณไมโครพลาสติกส่วนใหญ่จะถูกปล่อยออกมาตั้งแต่ 2 นาทีแรกของการเคี้ยวและเพิ่มขึ้นจนเกือบครบ 94% เมื่อเคี้ยวถึง 8 นาที น่าสนใจว่า หมากฝรั่งทั้งแบบสังเคราะห์และแบบธรรมชาติล้วนปล่อยไมโครพลาสติกในปริมาณใกล้เคียงกัน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับทีมวิจัย เนื่องจากหมากฝรั่งธรรมชาติควรมีส่วนประกอบจากยางไม้ที่คาดว่าจะปลอดภัยกว่า
อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.เจษฎา ชี้ว่า งานวิจัยนี้ยังมีข้อจำกัดหลายประการเช่น การใช้เพียงอาสาสมัครคนเดียว ซึ่งอาจไม่สะท้อนผลลัพธ์ในวงกว้าง และยังไม่มีคำอธิบายชัดเจนว่าเหตุใดหมากฝรั่งธรรมชาติก็ปล่อยไมโครพลาสติกออกมาได้ นอกจากนี้ การวัดปริมาณไมโครพลาสติกที่เข้าสู่ร่างกายและผลกระทบต่อสุขภาพยังไม่มีการยืนยันที่ชัดเจนจากงานวิจัยในวงกว้าง องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าไมโครพลาสติกที่เข้าสู่ร่างกายจะก่อให้เกิดอันตรายโดยตรงส่วนใหญ่จะถูกขับออกทางระบบย่อยอาหาร

เมื่อเปรียบเทียบปริมาณไมโครพลาสติกจากหมากฝรั่งกับแหล่งอื่น เช่นน้ำดื่มบรรจุขวด ซึ่งอาจมีไมโครพลาสติกสูงถึง 10,000-200,000 ชิ้นต่อลิตร ปริมาณจากหมากฝรั่งถือว่าน้อยกว่ามาก รศ.ดร.เจษฎา จึงแนะนำว่า ผู้บริโภคไม่ควรกังวลเกินไป แต่หากกังวล สามารถลดความเสี่ยงได้โดยการเคี้ยวหมากฝรั่งชิ้นเดิมนานขึ้น แทนการเปลี่ยนชิ้นใหม่บ่อยๆ ซึ่งอาจเพิ่มปริมาณไมโครพลาสติกที่ร่างกายได้รับ
สุภิญญา กลางณรงค์ เสริมว่า ประเด็นนี้จัดอยู่ในหมวด “จริงบางส่วน” เนื่องจากมีงานวิจัยยืนยันการพบไมโครพลาสติกจริง แต่ผลกระทบต่อสุขภาพยังไม่ชัดเจน การบริโภคอย่างเหมาะสมและการตรวจสอบฉลากผลิตภัณฑ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ฉลากหมากฝรั่งมักไม่ระบุชัดเจนว่าเป็นแบบสังเคราะห์หรือธรรมชาติ ซึ่งอาจต้องผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดให้ผู้ผลิตระบุข้อมูลอย่างละเอียดมากขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
การเคี้ยวหมากฝรั่ง 8 นาทีอาจทำให้ร่างกายได้รับไมโครพลาสติกสูงสุดถึง 3,000 ชิ้นต่อชิ้นจริงตามงานวิจัยเบื้องต้น แต่ปริมาณนี้ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับแหล่งอื่น เช่น น้ำดื่มบรรจุขวด และยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าไมโครพลาสติกเหล่านี้ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย ผู้บริโภคยังสามารถเคี้ยวหมากฝรั่งได้ตามปกติ แต่ควรบริโภคอย่างพอดีและเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากชัดเจน เพื่อลดความกังวลและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
รายการนี้แนะนำให้ผู้บริโภคใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล โดยเฉพาะในยุคที่ข่าวสารในโซเชียลมีเดียแพร่กระจายรวดเร็ว และควรเลือกบริโภคอาหารอย่างหลากหลายและสมดุล เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว