รับประทานไก่เป็นเกาต์ จริงหรือ

“รับประทานไก่เยอะระวังเป็นเกาต์” ประโยคที่หลาย ๆ คนได้ยินกันจนชิน ทำให้ผู้คนคิดมากทุกครั้งเวลารับประทานไก่ เนื่องจากโรคเกาต์เป็นโรคที่น่ากลัว ปวดตามข้อบนร่างกายไปจนถึงความพิการ หรือการเกิดโรคอื่นตามมา แต่การกินไก่ทำให้เป็นเกาต์จริงหรือ
โรคเกาต์ เป็นโรคข้ออักเสบซึ่งเกิดจากกรดยูริคในเลือดสูง โดยทั่วไปเป็นผลจากพันธุกรรมและภาวะแวดล้อม ส่งผลให้เกิดการสะสมภายในข้อต่าง ๆ ของร่างกาย ก่อให้เกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน
ซึ่งเกิดจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูงเกินไป กรดยูริก เป็นสารชนิดหนึ่งในร่างกายที่สร้าง ขึ้นที่ตับ ซึ่งเกิดจากการสลายตัวของสารชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อว่า “พิวรีน” โดยสาเหตุของกรดยูริกในเลือดสูง 70% เกิดจากการสร้างขึ้นเองของร่างกายตามธรรมชาติ ส่วนอีก 30% เกิดจากการทานอาหารที่มีกรดยูริคสูงเข้าไป การบริโภคอาหารที่มีกรดยูริกสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเกาต์ ซึ่งเกิดจากการมีกรดยูริกในเลือดสูงและตกผลึกในข้อต่อ ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบและปวดข้อต่อ
ในกรณีการกินไก่ ซึ่งไก่มีกรดยูริกในปริมาณปานกลางเมื่อเทียบกับอาหารประเภทอื่นที่มีพิวรีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ, เครื่องในสัตว์, หรืออาหารทะเล แต่การกินไก่ในปริมาณมากหรือการรับประทานอาหารที่มีพิวรีนสูงเกินไปอาจเพิ่มโอกาสเกิดโรคเกาต์ในคนที่มีความเสี่ยงหรือมีปัญหาเกี่ยวกับกรดยูริกสูงอยู่แล้ว
ดังนั้น การทานไก่ “ไม่ใช่” สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเกาต์ เพราะร่างกายรับกรดยูริคมาจากอาหารอื่น ๆ ได้อีกมากมาย โดยอาหารที่มีกรดยูริคสูง ทำให้สะสมในร่างกายมากเกินไป
(ข้อมูลจากเว็บไซต์ : สำนักข่าววันนิวส์ ช่องวัน 31 / กรมอนามัย / โรงพยาบาลรามคำแหง นพ. เกียรติ ภาสภิญโญ อายุรศาสตร์โรคข้อ และรูมาติสซั่ม )
