อินโฟกราฟิก: 5 ไฮไลต์ประเด็นตรวจสอบข้อเท็จจริงทางการเมืองช่วงเลือกตั้ง อบจ.

การเลือกตั้งสมาชิกสภาและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่เสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2568 เป็นอีกหนึ่งวาระทางการเมืองที่พบการระบาดของข้อมูลเท็จและข่าวลวงการเมือง โคแฟครวบรวม 5 รายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงทางการเมืองที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง อบจ. มาไว้ในรูปแบบอินโฟกราฟิก
โคแฟคเริ่มปฏิบัติการตรวจสอบข้อเท็จจริงทางการเมืองมาตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปปี 2566 ต่อด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภาปี 2567 จนมาถึงการเลือกตั้ง อบจ. 2568 เพราะเห็นว่าการใช้ข้อมูลเท็จมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองนั้นอาจส่งผลเสียต่อกระบวนการเลือกตั้งรุนแรงกว่าที่หลายคนคิด ดังเช่นที่ “รายงานความเสี่ยงของโลก” หรือ Global Risks Report 2024 ของ World Economic Forum ซึ่งจัดอันดับให้ข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือน (misinformation and disinformation) เป็นความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบรุนแรงมากที่สุดในระยะสั้น ระบุว่า การใช้ข้อมูลเท็จเพื่อหวังผลทางการเมืองอาจนําไปสู่การไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และลุกลามบานปลายเป็นความไม่สงบและความรุนแรง ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อกระบวนการทางประชาธิปไตยในระยะยาว
ตัวเลขที่น่าสนใจในการเลือกตั้ง อบจ.
หลังการเลือกตั้ง อบจ. เสร็จสิ้นลง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ทยอยรับรองผลการเลือกตั้งจนครบทั้ง 76 ที่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ. และ 47 จังหวัดที่มีการเลือกตั้งนายก อบจ. โดยรับรองผลล็อตสุดท้ายไปเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568
ขณะที่หลายคนเริ่มมองไกลไปถึงการเลือกตั้งทั่วไปใน 2570 โคแฟคได้รวบรวมสถิติตัวเลขที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้ไว้ เช่น การมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้หญิงในการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งพบว่าขณะนี้เรามีนายก อบจ. หญิงอยู่ทั้งหมด 16 คน

5 ไฮไลต์ตรวจสอบข่าวลวงช่วงเลือกตั้ง อบจ.
1. พบบัญชีผู้ใช้ TikTok เผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการเลือกตั้งนายก อบจ.
ก่อนการเลือกตั้งนายก อบจ. อุบลราชธานี ในวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค. 2567 โคแฟคตรวจสอบพบบัญชีผู้ใช้แอปพลิเคชัน TikTok เผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการเลือกตั้งนายก อบจ. โดยเผยแพร่ข้อมูลเท็จว่าผู้สมัครจากพรรคประชาชนชนะการเลือกตั้งนายก อบจ. อุบลราชธานี “อย่างถล่มทลาย” ทั้งที่ในความเป็นจริงการเลือกตั้งนายก อบจ. อุบลราชธานียังไม่เกิดขึ้น

2. คนเวียดนามแห่กด “ติดตาม-ถูกใจ” โพสต์เฟซบุ๊กผู้สมัครนายก อบจ. พรรคประชาชน ?
โคแฟคตรวจสอบกรณีเพจเฟซบุ๊ก “วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร” และ “ความจริงของระยอง” ตั้งข้อสังเกตว่าเฟซบุ๊กทางการของผู้สมัคร #นายกอบจ. เชียงใหม่และระยอง สังกัดพรรคประชาชน มีบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชาวเวียดนามเข้ามากด “ติดตาม” และ “ถูกใจ” จำนวนมาก ทำให้เกิดข้อกล่าวหาว่าผู้สมัครทั้งสองคน “ปั๊มยอดผู้ติดตาม”
โคแฟคพบว่าเพจเฟซบุ๊กของนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัคร นายก อบจ. เชียงใหม่ และนายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้สมัครนายก อบจ. ระยอง ของพรรคประชาชนมีบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อภาษาเวียดนามเข้ามากดติดตามและกด “ถูกใจ” จำนวนมากจริง
เมื่อตรวจสอบโปรไฟล์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อเวียดนามพบว่ามีลักษณะต้องสงสัยว่าสร้างขึ้นโดยบอต (bot) คือมีแค่ชื่อและรูปโปรไฟล์ ไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับเจ้าของบัญชี ไม่มีโพสต์ย้อนหลัง ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับบัญชีอื่น รูปโปรไฟล์ไม่ใช่ภาพบุคคลจริงและนำมาจากแหล่งอื่นในอินเทอร์เน็ต
โคแฟคไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กต้องสงสัยว่าสร้างโดยบอตเหล่านี้ แต่ได้รับคำยืนยันจากนายพันธุ์อาจและทีมงานของนายทรงธรรมว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดปกติที่เกิดขึ้น และไม่เคยใช้งบประมาณหาเสียงไปในการสร้างบัญชีเฟซบุ๊กปลอมเพื่อเพิ่มยอดผู้ติดตาม พร้อมทั้งแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการส่งเรื่องให้ Meta ตรวจสอบความผิดปกติที่เกิดขึ้นแล้ว
Meta ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเฟซบุ๊กประกาศว่า บริษัทมุ่งมั่นที่จะกำจัดบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กปลอม โดยรายงานว่าระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน 2567 ได้ลบบัญชีปลอมไปมากกว่า 3 พันล้านบัญชี โคแฟคเห็นว่าเมื่อแอดมินเพจของผู้สมัครนายก อบจ. ได้รายงานความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับ Meta แล้ว ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มควรดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง และหากพบว่าเป็นบัญชีปลอมที่สร้างโดยบอตจริง ก็ควรดำเนินการลบอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้มีการนำไปใช้เป็นเครื่องมือในทางการเมืองต่อไป

3. เหตุเกิดที่เชียงใหม่ ไฟไหม้หญ้า หรือ เผาป้ายหาเสียงนายก อบจ.?
ผู้ใช้ TikTok โพสต์ภาพเหตุการณ์ไฟไหม้ริมถนนใน จ.เชียงใหม่ โดยระบุว่าเป็นการจงใจเผาทำลายป้ายหาเสียงผู้สมัครนายก อบจ. ของพรรคประชาชน
โคแฟคตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นริมถนนบ้านสร้าง-ดอยสะเก็ด ในเขตเทศบาลตำบลตลาดใหญ่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ วันที่ 7 มกราคม 2568 เวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่เทศบาลยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของไฟไหม้หรือระบุตัวผู้ก่อเหตุได้ แต่จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ สันนิษฐานว่าเป็นเหตุไฟไหม้หญ้าริมทางแล้วลุกลามทำให้ป้ายหาเสียงถูกไฟไหม้เสียหายบางส่วนจำนวน 1 ป้าย ไม่ใช่การจงใจเผาทำลายป้ายหาเสียง
ขณะที่ ผอ. กกต. เชียงใหม่ เปิดเผยว่าในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาได้รับแจ้งเหตุใช้ของแข็งทำลายป้ายหาเสียง 4 กรณี เป็นของพรรคเพื่อไทย 2 กรณี และพรรคประชาชน 2 กรณี แต่ยังไม่ได้รับแจ้งเหตุเผาทำลายป้ายหาเสียง

4. ข้อกังขาและคำชี้แจง “ทำไมเลือกตั้ง อบจ. วันเสาร์”
คำถาม “ทำไมเลือกตั้งวันเสาร์” กลับมาอีกครั้งในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง อบจ. ในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568
แม้ว่า กกต. จะชี้แจงเหตุผลที่จัดการเลือกตั้งวันเสาร์แทนที่จะเป็นวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดของคนส่วนใหญ่เหมือนการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ประเด็นนี้ยังคงถูกตั้งคำถามจากผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ช่วยหาเสียง นักสังเกตการณ์ทางการเมือง และประชาชนทั่วไปมาอย่างต่อเนื่อง ในแอปพลิเคชัน TikTok มีผู้กล่าวหาว่า การกำหนดให้เลือกตั้งวันเสาร์นั้น “มีเลศนัย” และเป็น “แผนสกัด/ตัดคะแนน” พรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนวัยทำงาน
ข้อสงสัย คำถาม และเนื้อหาที่วิจารณ์การจัดการเลือกตั้งวันเสาร์ที่ปรากฏในโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่จะขาดบริบทและไม่มีคำชี้แจงจาก กกต. ประกอบ ทำให้เกิดข้อกังขาต่อความเที่ยงธรรมของการเลือกตั้งนายก อบจ. และ ส.อบจ. ซึ่งอาจส่งผลต่อการยอมรับผลการเลือกตั้งในภายหลังได้
โคแฟคสรุปข้อกังขาและคำชี้แจงจาก กกต. เรื่องเลือกตั้งวันเสาร์เพื่อให้การวิพากษ์วิจารณ์การจัดการเลือกตั้งของ กกต. อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ครบถ้วน รอบด้าน นำไปสู่การปรับปรุงการจัดการเลือกตั้งที่มีประสิทธิภาพและสะดวกต่อการออกมาใช้สิทธิของประชาชน
5. พรรคประชาชนกับข้อกล่าวหา “บังคับนักเรียนฟังหาเสียงท่ามกลางฝุ่น PM2.5”
แม้ว่าการเลือกตั้ง อบจ. จะผ่านพ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 แต่โคแฟคยังคงตรวจสอบเนื้อหาทางการเมืองเกี่ยวกับการเลือกตั้ง อบจ. ในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันการใช้ข่าวลวงมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองโดยเฉพาะช่วงการเลือกตั้งในทุกระดับ
ล่าสุด โคแฟคตรวจสอบกรณีผู้ใช้บัญชี X โพสต์ภาพผู้สมัครนายก อบจ. พรรคประชาชนแจกโบรชัวร์หาเสียงในโรงเรียน และเขียนข้อความกล่าวหาว่าพรรคประชาชนบังคับให้เด็กนักเรียนมานั่งฟังการหาเสียงท่ามกลางฝุ่น PM2.5 ที่สูงจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
จากการตรวจสอบของโคแฟคพบว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ที่โรงเรียนศรัทธาสมุทร อ.เมืองสมุทรสงคราม จ.สมุทรสงคราม ซึ่งทีมงานผู้สมัครนายก อบจ. พรรคประชาชนได้ขออนุญาตผู้บริหารโรงเรียนเพื่อเข้าไปประชาสัมพันธ์นโยบายในช่วงหลังการเข้าแถวเคารพธงชาติ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที โดยผู้สมัครนายก อบจ. พรรคประชาชนยืนพูดกลางแจ้ง ส่วนเด็กนักเรียนนั่งอยู่ในบริเวณสนามกีฬาที่มีโครงหลังคาขนาดใหญ่
สำหรับข้อกล่าวหาที่ผู้โพสต์ระบุว่า “บังคับให้นักเรียนต้องมานั่งฟังท่ามกลางภาวะ PM2.5 ที่สูง” นั้น จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า ค่าฝุ่น PM2.5 ในเวลา 8.00 น. ของวันที่ 23 มกราคม อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งโคแฟคเห็นว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ ทางโรงเรียนและทางทีมงานผู้สมัครควรตรวจสอบคุณภาพอากาศอย่างใกล้ชิด หากค่าฝุ่นสูง การจัดกิจกรรมใด ๆ ควรพิจารณาให้รอบคอบโดยคำนึงถึงสุขภาพของนักเรียนเป็นหลัก
