Fact-check: พรรคประชาชน “ไม่เอาทหาร” ?
ทีมเฉพาะกิจ Cofact x The Momentum
[รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการตรวจสอบข้อเท็จจริงทางการเมืองในรัฐสภา ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกองบรรณาธิการ Cofact และ The Momentum ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2568]
คำกล่าวอ้างว่าพรรคประชาชน “ไม่เอาทหาร” กลับมาอีกครั้งในช่วงที่ประเทศไทยกำลังนับถอยหลังสู่การยุบสภาและการเลือกตั้งทั่วไปตามข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชนที่กำหนดเงื่อนไขให้อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ยุบสภาภายใน 4 เดือน นับแต่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อ 29 ก.ย. 2568
“เขาบอกว่าพรรคประชาชนตรวจสอบทหารและเป็นลักษณะว่าไม่เอาทหาร…อยากถามพรรคประชาชนว่าวันนี้กับเมื่อวานที่ท่านพูดว่าไม่เอาทหาร วันนี้ยังยืนหยัดในแนวทางเดิมหรือไม่” ผู้สื่อข่าวจาก จ.อุบลราชธานี ถามผู้แทนจากพรรคประชาชนในเวที Policy Checking Forum “เมื่อ ‘นโยบาย’ ต้องเผชิญหน้า ‘ข้อเท็จจริง’” ที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2568
ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส. กทม. พรรคประชาชน ตอบคำถามด้วยการเรียกร้องให้สื่อมวลชนตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าพรรคประชาชนเคยพูดว่าไม่เอาทหารจริงหรือไม่ ก่อนจะยืนยันว่า “เราไม่เคยพูดแน่นอนว่าเราไม่เอาทหาร”

“พรรคประชาชนเป็นประธานคณะกรรมาธิการทหาร เราทำงานร่วมกับทหารเป็นหลักมาตลอด 2 ปีนี้ นโยบายชุดแรกที่เราทำเป็นเอกสารเสร็จสมบูรณ์คือนโยบายเกี่ยวกับทหาร ซึ่งเราทำร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารหลายคนทั้งระดับสูงและระดับปฏิบัติงาน ว่าต้องการนโยบายที่จะช่วยเหลือหรือติดอาวุธให้เขาในแบบไหนบ้าง” ศศินันท์กล่าวและอธิบายเพิ่มเติมว่าที่ผ่านมาพรรคได้ชี้แจงหลายครั้งว่า “ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร” ซึ่งเป็นหนึ่งนโยบายที่พรรคก้าวไกลประกาศก่อนการเลือกตั้งปี 2566 กับ “ยกเลิกทหาร” นั้นเป็นคนละเรื่องกัน
“ทีมเฉพาะกิจ Cofact x The Momentum ตรวจสอบข้อเท็จจริงในสภา” ตรวจสอบนโยบายย้อนหลังตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล จนมาถึงพรรคประชาชนว่านโยบายเกี่ยวกับทหารและกองทัพที่พรรคเคยสื่อสารต่อสาธารณะนั้นเป็นอย่างไร ไม่เอาทหารจริงหรือไม่
Timeline: จากพรรคอนาคตใหม่ถึงพรรคประชาชน
15 มี.ค. 2561 พรรคอนาคตใหม่ยื่นจดแจ้งชื่อจัดตั้งพรรคต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง
24 มี.ค. 2562 เลือกตั้งทั่วไป พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับที่สาม รวมจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 80 ที่นั่ง
21 ก.พ. 2563 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรคอนาคตใหม่พร้อมเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี จากกรณีพรรคกู้เงิน 191.2 ล้านบาทจากธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ซึ่งศาลวินิจฉัยว่าเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560
6 มี.ค. 2563 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองการเปลี่ยนชื่อพรรคและกรรมการบริหารพพรรคร่วมพัฒนาชาติไทยเป็น “พรรคก้าวไกล” อดีต สส. พรรคอนาคตใหม่เข้ามาสังกัดพรรคก้าวไกล ที่มีพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค
14 พ.ค. 2566 พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง ได้ สส. เข้าสภา 151 คน
7 ส.ค. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคก้าวไกลและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากการร่วมกันเสนอให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายหาเสียง
9 ส.ค. 2567 แถลงเปิดตัวพรรคประชาชน โดยมีณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นหัวหน้าพรรคประชาชน ศิริกัญญา ตันสกุล เป็นรองหัวหน้าพรรค และศรายุทธ ใจหลัก เป็นเลขาธิการพรรค
พรรคอนาคตใหม่
วันที่ 16 ธ.ค. 2561 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เปิดตัว “12 นโยบายพรรคอนาคตใหม่ เปิดวิสัยทัศน์ เปลี่ยนอนาคต” ประกอบด้วย โดยนโยบาย “ปฏิรูปกองทัพ ลดนายพล เลิกเกณฑ์ทหาร ซื้ออาวุธโปร่งใส” เป็น 1 ใน 8 นโยบายเสาหลักของพรรค
สื่อมวลชนหลายสำนักรายงานตรงกันว่าพรรคอนาคตใหม่มีนโยบายปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย
The MATTER รายงานว่าพรรคอนาคตใหม่ต้องการปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย ยกเลิกเกณฑ์ทหาร หันมาใช้วิธีสมัครยกเว้นเมื่อเกิดศึกสงคราม รวมทั้งปรับลดกำลังพลประจำการลงครึ่งหนึ่งให้เหลือเพียง 1.7 แสนนาย และลดนายพลให้เหลือ 400 คน จากปัจจุบัน 1,600 คน
The Standard อ้างคำพูดของ พล.ท. พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ที่ยืนยันหลักการกองทัพต้องอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ลดขนาดกองทัพให้เล็กลงและทันสมัยขึ้น โดยลดกำลังพลลง 40 เปอร์เซ็นต์ และลดอัตรานายพลลงเหลือ 1 ใน 4 ยกเลิกการเกณฑ์ทหารและเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ ลงทุนในงานวิจัยเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ให้อำนาจการจัดซื้อจัดจ้างขนาดใหญ่ของกองทัพอยู่กับกระทรวงกลาโหม
The Momentum เผยแพร่บทความ ประชันนโยบายพรรคการเมือง EP 09: กองทัพ โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายด้านกองทัพของพรรคอนาคตใหม่ว่า “รัฐบาลพลเรือนควบคุมกองทัพ เลิกบังคับเกณฑ์ทหารเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ ปฏิรูปโครงสร้างงบประมาณกองทัพ วิทยาการด้านการป้องกันประเทศ และการผสานระหว่างระบบอุปถัมภ์กับคุณธรรม”
ธนาธรย้ำนโยบายปฏิรูปกองทัพอีกครั้งด้วยการโพสต์เฟซบุ๊ก “Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2561 ว่าพรรคอนาคตใหม่เสนอนโยบาย “ปฏิรูปกองทัพให้เป็นกองทัพสมัยใหม่ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ใช้วิธีสมัคร ยกเว้นเวลาเกิดศึกสงคราม, ปรับลดกำลังพลประจำการลงครึ่งหนึ่ง ให้เหลือเพียง 1.7 แสนนาย, ลดจำนวนนายพลจากปัจจุบัน 1,600 คน ให้เหลือเพียง 400 คน” (ลิงก์บันทึก)
ในโพสต์นี้ ธนาธรยังได้จัดทำโพลสำรวจความคิดเห็นโดยให้เลือกระหว่าง “ยกเลิกเกณฑ์ทหาร” กับ “ยังอยากเกณฑ์ทหาร” ซึ่งมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก 7.8 หมื่นบัญชีร่วมโหวต ผลคือร้อยละ 92 เลือก “ยกเลิกเกณฑ์ทหาร” และร้อยละ 8 เลือก “ยังอยากเกณฑ์ทหาร”

พรรคก้าวไกล
ก่อนการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 พรรคก้าวไกลเสนอชุดนโยบายในชื่อ “300 นโยบายเปลี่ยนประเทศ” ในส่วนของนโยบายปฏิรูปกองทัพประกอบด้วย 15 ข้อเสนอ ได้แก่
- เอาทหารออกจากการเมือง: ห้ามทหารยศนายพลดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเวลา 7 ปีหลังออกจากราชการเพื่อไม่ให้เกิดการแทรกแซงทางการเมืองโดยอดีตนายพลที่ยังมีสายสัมพันธ์ในกองทัพ
- กองทัพอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ยกเลิกสภากลาโหม
- ตั้งผู้ตรวจการกองทัพที่มาจากสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตรวจสอบการทำงานของกองทัพ
- ยกเลิกศาลทหารในสถานการณ์ปกติ ให้มีได้เฉพาะช่วงการประกาศสงครามเท่านั้น ให้คดีเกี่ยวกับวินัยทหารและคดีอาญาที่ทหารเป็นคู่ความเข้าสู่ศาลปกครองและศาลยุติธรรม
- ลดขนาดกองทัพ 30-40%
- ลดจำนวนนายพลเหลือ 400 นาย และสร้างความเป็นธรรมระหว่างข้าราชการทหารและข้าราชการพลเรือน
- ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร
- ปฏิรูปการศึกษาทหาร
- การนำเข้ายุทโธปกรณ์ต้องมีการจ้างงานและถ่ายโอนเทคโนโลยี (Defence Offset)
- คืนที่ดินกองทัพให้ประชาชน
- คืนธุรกิจกองทัพให้รัฐบาล
- เพิ่มสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อยให้ปลอดภัย มั่นคง และมีอนาคต
- ยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
- ยกเลิกกาประกาศกฎอัยการศึกในจังหวัดชายแดนภาคใต้
- ยกเครื่องกฎหมายความมั่นคงพิเศษซึ่งรวมถึงกฎอัยการศึก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
วันที่ 18 มี.ค. 2566 พิธาขึ้นปราศรัยบนเวทีเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครพรรคก้าวไกลที่ จ.กาญจนบุรี โดยในช่วงหนึ่งเขาได้ตั้งคำถามว่า “ทหารมีไว้ทำไม”
“…ทหารมีไว้ทำไม พวกคุณจะไปรบกับใคร สมมติจะมีคนมารุกรานคุณ ผมก็ไม่เชื่อว่าคุณจะรบชนะด้วย แล้วอีกอย่าง ตอนนี้มันเป็นเรื่องของอาวุธ ประเทศที่อยู่ใกล้ ๆ กัน ที่เคยทะเลาะกันก็ไม่ทะเลาะกันแล้ว ทุกวันนี้ลดกองทัพได้ บางประเทศไม่ต้องมีกองทัพด้วยซ้ำไปถ้าผู้นำฉลาดพอ มันคือเรื่องกฎกติกาสากล เรื่องระเบียบโลก ยิ่งประเทศเล็ก ๆ แบบพวกเรายิ่งต้องฉลาด สามารถที่จะทำให้ประหยัดงบกองทัพไปเยอะ ทหารมีไว้ทำไม วันนี้เราจะมาชวนหาคำตอบนี้” พิธากล่าว

การตั้งคำถามว่า “ทหารมีไว้ทำไม” ของพิธาบนเวทีปราศรัยในวันนั้นถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางโดยเฉพาะจากผู้สนับสนุนกองทัพว่าสะท้อนถึงการไม่เห็นความสำคัญของทหารและกองทัพ
ข้อความนี้ยังถูกนำมาประกอบเนื้อหาเท็จโจมตีพรรคก้าวไกลว่าไม่เอาทหารและต้องการยกเลิกกองทัพ โดยเฉพาะในช่วงความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาที่ปะทุขึ้นในช่วงปลายเดือน พ.ค. 2568 ซึ่งพิธาได้ให้ความเห็นในรายการ “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” ของสรยุทธ สุทัศนะจินดาเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2568 ว่าเป็นการตัดคำพูดเพียงบางส่วนมาเผยแพร่โดยขาดบริบท
พิธาอธิบายว่าคำถาม “ทหารมีไว้ทำไม” เป็นการพูดบนเวทีปราศรัยเมื่อปี 2566 ใน จ.กาญจนบุรี ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น “เขตทหาร” และมีประชาชนจำนวนหนึ่งได้รับผลกระทบจากการใช้ที่ดินของกองทัพ อีกทั้งในช่วงนั้นยังมีประเด็นเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในค่ายทหารด้วย
เมื่อพิธีกรถามพิธาว่า “ทหารมีไว้ทำไม” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลตอบว่า “ทหารมีไว้ปกป้อง ไม่ได้มีไว้ปกครอง ถ้าจะให้ตอบแบบไม่เหมือนเดิมก็คือ ทหารมีไว้ป้องกันการคุกคามจากต่างประเทศ แต่ไม่ยุ่งกับการเมืองภายในประเทศ…มีไว้ระมัดระวังภัยความมั่นคงทุกรูปแบบจากนอกประเทศ แต่ไม่ยุ่งการเมืองในประเทศ”
“มุมมองของผมต่อทหารคือ ผมต้องการให้ทหาร smart ทหารเป็นมืออาชีพ ลดจำนวนทหารลงเพื่อที่จะได้มียุทโธปกรณ์มาสู้กับภัยความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ที่มาจาก hybrid warfare ไม่ได้เป็นสงครามแบบดั้งเดิม” พิธากล่าว
พรรคประชาชน
เนื่องจากพรรคประชาชนเป็นพรรคที่ก่อตั้งขึ้นหลังจากพรรคก้าวไกลถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2567 นโยบายของพรรคจึงเป็นการสานต่อจากพรรคก้าวไกล อย่างไรก็ตามแนวคิดและนโยบายด้านทหารของพรรคประชาชนภายใต้การนำของณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สามารถประมวลได้จากร่างกฎหมายที่พรรคประชาชนผลักดันและจากชุดนโยบายที่ณัฐพงษ์นำเสนอในการประชุมวิสามัญพรรคประชาชนเมื่อ 25 ต.ค. 2568
เว็บไซต์พรรคประชาชน รายงานความคืบหน้าร่างกฎหมายที่พรรคก้าวไกล/พรรคประชาชนเสนอ ซึ่ง ณ สิ้นเดือน พ.ย. 2568 เสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรรวม 134 ฉบับ ในจำนวนนี้มีร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับทหาร ในจำนวนนี้มีร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับทหาร ได้แก่
- ร่าง พ.ร.บ. ธรรมนูญศาลทหาร 2 ฉบับ
- ร่าง พ.ร.บ. รับราชการทหาร (ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร) 2 ฉบับ
- ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ปรับขอบเขตอำนาจศาลทหาร)
- ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร)
- ร่าง พ.ร.บ. ยกเลิกพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 (ยุบ กอ.รมน.)
- ร่างแก้ไข พ.ร.บ. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
- ร่าง พ.ร.บ. จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ระเบียบราชการกลาโหม)
- ร่าง พ.ร.บ. ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 14/2559 เรื่อง คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของ กอ.รมน. ลงวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559
ร่างกฎหมายแต่ละฉบับมีความคืบหน้าแตกต่างกันไป บางฉบับถูกตีตกไปเนื่องจากเป็นกฎหมายที่เกี่ยวด้วยการเงิน เช่น ร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหาร (ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร) แต่ยังเหลืออีกฉบับหนึ่งซึ่งเป็นร่างที่ไม่เกี่ยวด้วยการเงิน และร่าง พ.ร.บ. ยกเลิกพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 (ยุบ กอ.รมน.) บางฉบับอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ บางฉบับได้รับการบรรจุวาระแล้วและอยู่ระหว่างรอการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
นอกจากการผลักดันกฎหมายตามนโยบายปฏิรูปกองทัพแล้ว ในการประชุมสภา สส. พรรคประชาชนยังได้อภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวกับการตรวจสอบการทำงานของกองทัพ เช่น การตรวจสอบเรื่องปฏิบัติการmางอข้อมูลข่าวสาร (IO) ของกองทัพ ตรวจสอบนโยบายปฏิรูปกองทัพของพรรคเพื่อไทย และการติดตามคดีการเสียชีวิตของภคพงศ์ ตัญกาญจน์ อดีตนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ของคณะกรรมาธิการการทหาร ซึ่งเดิมมีวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชนเป็นประธาน ก่อนจะลาออกและให้เอกราช อุดมอำนวย จากพรรคเดียวกันมารับช่วงต่อ
สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในปี 2569 นโยบายปฏิรูปกองทัพยังคงเป็นหนึ่งในชุดนโยบายและแผนงานของพรรคประชาชนตามที่ณัฐพงษ์นำเสนอในการประชุมวิสามัญพรรคประชาชนเมื่อ 25 ต.ค. 2568

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้นำเสนอหัวข้อ “มุ่งหน้าสู่การเลือกตั้ง 2569” ในการประชุมวิสามัญพรรคประชาชนเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2568 โดยเปิดเผยชุดนโยบายบางส่วน ซึ่งนโยบายปฏิรูปกองทัพเป็นหนึ่งในนั้น
ข้อสรุป
จากการตรวจสอบนโยบายพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลและพรรคประชาชนที่เผยแพร่ในช่องทางที่เป็นทางการของพรรค รวมทั้งถ้อยคำที่หัวหน้าพรรคคือธนาธร (อนาคตใหม่) พิธา (ก้าวไกล) และณัฐพงษ์ (ประชาชน) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหรือพูดต่อสาธารณะระหว่างปี 2561-2568 พบว่ามีการนำเสนอนโยบายปฏิรูปกองทัพจริง แต่ไม่มีเนื้อหาใดที่ระบุว่า “ไม่เอาทหาร” หรือ “ยกเลิกกองทัพ”
นโยบายปฏิรูปกองทัพถูกจัดอยู่ในหมวดนโยบายด้านการสร้างประชาธิปไตยเต็มใบของพรรคก้าวไกล/พรรคประชาชน ซึ่งประกอบด้วยข้อเสนอหลายข้อ เช่น ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร, ลดจำนวนทหารยศนายพล, ลดจำนวนพลทหาร, ยกเลิกศาลทหารในสถานการณ์ปกติ, ยุบ กอ.รมน., โอนการถือครองที่ดินกองทัพกลับมาเป็นของกรมธนารักษ์เพื่อให้การจัดสรรที่ดินเป็นประโยชน์แก่คนส่วนใหญ่, โอนถ่ายธุรกิจกองทัพทั้งหมดมาให้กระทรวงการคลังดูแล, เพิ่มสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย เป็นต้น
ประชาชนมีสิทธิที่จะแสดงความไม่เห็นด้วย คัดค้านหรือวิพากษ์วิจารณ์นโยบายปฏิรูปกองทัพและข้อเสนอของพรรคการเมืองนี้ได้อย่างเต็มที่ แต่การสรุปว่าพรรคอนาคตใหม่/ก้าวไกล/ประชาชน “ไม่เอาทหาร” นั้นเป็นการบิดเบือนและเป็นข้อสรุปที่ไม่ตรงกับนโยบายที่พรรคเสนออย่างเป็นทางการต่อสาธารณะ
เรื่องอื่นที่น่าสนใจ
- Fact-check: พนักงานสอบสวนคดี “ส่วยเว็บพนันออนไลน์” ออกหมายเรียก-หมายจับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้หรือไม่ ?
- Fact-check: ข้อหารือของ สส.เพื่อไทย “ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์” ว่าด้วยเอ็มโอยูแรร์เอิร์ธ ไทย-สหรัฐฯ
- เงินภาษีอุดหนุนพรรคการเมือง-เงินที่ กกต. จัดสรรให้จะไปไหนเมื่อพรรคถูกยุบ ?
- ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่อง “ฟอกไต (ไม่) ฟรี” ที่นายกฯ อนุทินพูดวันแถลงนโยบาย
- คลิป “กัมพูชาซ้อมรบ” และ “ฮุน เซนขู่สงครามปะทุ” มาจากไหน เกี่ยวกับการเลือกตั้งของไทยอย่างไร
