“โอโซบำบัด” ยังไม่หลักฐานรองรับว่าป้องกันหรือรักษาโรคได้-อย.สหรัฐฯ สั่งห้ามใช้
กองบรรณาธิการโคแฟค
❓ เนื้อหาที่ตรวจสอบ: โอโซนบำบัดช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและรักษาได้สารพัดโรค
❌ ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง: **ยังไม่มีรายงานทางการแพทย์ที่ระบุว่าโอโซนบำบัดช่วยรักษาหรือป้องกันโรค**
📝 เนื้อหาโดยสรุป: Ozone therapy หรือการทำโอโซนบำบัดด้วยวิธีการดึงเลือดออกจากผู้ป่วย แล้วนำมาปั่นผสมกับโอโซนก่อนฉีดกลับเข้าไปในร่างกาย กลับมาเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางบนโซเชียลมีเดียไทยในช่วงต้นเดือน พ.ย. 2568 หลังมีกระแสต่อต้านอินฟลูเอนเซอร์ที่แชร์เนื้อหาเกี่ยวกับสุขภาพแบบผิด ๆ โดยหนึ่งในโพสต์ที่ถูกพูดถึงอย่างมากคือโพสต์เฟซบุ๊กของ “ท๊อป จิรายุส – Topp Jirayut” ที่เข้ารับการทำโอโซนบำบัดในคลินิกชะลอวัยแห่งหนึ่งในเดือน ส.ค. 2568 ในคลิประบุว่าเลือดที่ผ่านการเติมโอโซนแล้วจะมีสีสว่างขึ้น ถือเป็น “เลือดที่มีคุณภาพ” ก่อนนำกลับเข้าสู่ร่างกาย มีประโยชน์ด้าน “การปรับสมดุลภูมิคุ้มกัน, เสริม Brain Health ฟื้นฟูความจำและการทำงานของสมอง”

นอกจากนี้ ยังมีโพสต์ของคลินิกเสริมความงามอื่น ๆ ที่โฆษณาว่าการทำโอโซนบำบัดเป็นการ “เติมโอโซนบริสุทธิ์ให้เซลล์ในร่างกายฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างล้ำลึก” ต้านอนุมูลอิสระ บรรเทาอาการอ่อนเพลีย ขับสารพิษตกค้างในร่างกาย โดยอ้างว่าเหมาะกับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ภูมิแพ้ หอบหืด งูสวัด และอีกสารพัดโรค
🔎 โคแฟคตรวจสอบ: สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ประกาศห้ามใช้โอโซนในการบำบัดรักษาทุกประเภท โดยระบุว่าโอโซนเป็นแก๊สพิษที่ไม่พบประโยชน์ทางการแพทย์แบบเฉพาะเจาะจง ช่วยเสริม หรือป้องกันโรคที่ทราบแน่ชัด และหากจะใช้โอโซนเพื่อฆ่าเชื้อโรค ก็จำเป็นต้องใช้ในความเข้มข้นระดับมากพอซึ่งสูงเกินกว่ามนุษย์และสัตว์จะทนได้อย่างปลอดภัย
วารสารวิชาการของมหาวิทยาลัยการแพทย์ชาฮิด เบเฮชตี ที่เผยแพร่ในเดือน ก.ย. 2568 รายงานว่ามีเคสหญิงวัย 36 ปี เกิดภาวะแทรกซ้อนและสมองขาดเลือดฉับพลันหลังทำการบำบัดด้วยโอโซน “เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน” เนื่องจากฟองอากาศทะลุผ่านหัวใจเข้าไปอุดตันเส้นเลือดในสมองจนทำให้สมองเสียหาย ส่งผลกระทบด้านความสามารถในการพูด สมาธิ ความจำ และอาการไมเกรนในระยะยาว
นพ. ภาสกร วันชัยจิระบุญ อายุรแพทย์มะเร็งวิทยาและผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา กล่าวกับโคแฟคเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2568 ว่า “ถ้าเราหวังว่าโอโซนนี้จะมาฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในเลือดเรา ตามประกาศของ FDA เองก็บอกว่ามันไม่พอหรอก ถ้าจะใช้มันต้องใช้เยอะมากซึ่ง ณ จุดนั้นเลือดเราก็เป็นพิษไปแล้ว” และอธิบายเพิ่มเติมว่าเลือดที่ถูกเจาะออกมาจากเส้นเลือดดำมีสีคล้ำเข้มเพราะเป็นเลือดที่ใช้ออกซิเจนแล้ว ไม่ได้แปลว่าร่างกายขาดภูมิคุ้มกันหรืออยู่ในสภาวะอ่อนแอ เมื่อเติมโอโซนหรือออกซิเจนกลับเข้าไปเลือดก็จะมีสีสดขึ้นตามปกติ ซึ่งกระบวนการนี้เป็นการฟอกเลือดเช่นเดียวกับการทำงานของปอดในมนุษย์
ส่วนที่มีการอ้างว่าการทำโอโซนบำบัดทำให้รู้สึกสดชื่นหรือแข็งแรงขึ้นทันทีอาจจะเป็น Placebo effect (การเชื่อว่าอาการดีขึ้นหลังได้รับการรักษา แม้ว่าการรักษานั้นจะเป็นยาหลอกหรือไม่มีฤทธิ์ใด ๆ) เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนว่าการทำโอโซนบำบัดมีประโยชน์ในเชิงการรักษาอย่างไรบ้างหรือมีผลออกฤทธิ์ยาวนานแค่ไหน
ขณะนี้แพทยสภาอยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าควรมีการออกระเบียบหรือประกาศเพื่อควบคุมการทำโอโซนบำบัดหรือไม่
