โพสต์เตือนภัย‘มะเร็ง’ความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่อง‘ตัวเลขผู้เสียชีวิต-สารเรสเวอราทรอล’
By : บัญชา จันทร์สมบูรณ์

ช่วงวันที่ 24 – 25 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา ในสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก มีการโพสต์ภาพกราฟที่ระบุว่าเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตจาก “โรคมะเร็ง” ในประเทศไทย โดยมีข้อความอ้างว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจาก “มะเร็ง” ในประเทศไทยพุ่งสูงขึ้นทุกปี จากราว 40,000 คนในปี 1980 จนถึง กว่า 120,000 คนในปี 2021 และคาดการณ์ว่าปีนี้ 2025 คนไทยจะเสียชีวิตจากมะเร็ง 144,900 คน พร้อมกราฟแสดงจำนวนผู้เสียชีวิตประกอบ
รวมทั้งให้ความเห็นว่าเกิดจากความประมาทและไม่เข้าใจถึงความสำคัญของการป้องกันของคนไทยทั้งยัง “มองข้าม” อันตรายของสารก่อมะเร็ง “อะฟลาทอกซิน” ปนเปื้อนอยู่ในอาหารแห้งที่คนไทยบริโภคอยู่ทุกวัน โดยเฉพาะ พริกแห้ง พริกป่น นอกจากนี้ ยังมีการอ้างด้วยว่า คนไทยไม่ให้ความสำคัญกับการรักษาแบบป้องกัน ทั้งๆที่มีงานวิจัยใหม่เป็นจำนวนมาก ใน PubMed ที่ก้าวหน้า ยืนยันว่า เรสเวอราทรอล (Resveratrol) สารสกัดจาก “มัลเบอร์รี่” มีคุณสมบัติช่วย “ป้องกันและยับยั้งการเกิดมะเร็ง” เป็นต้น
โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ไปมากกว่า 1,900 ครั้ง ณ วันที่ 31 ต.ค. 2568 รวมถึงยังมีการคัดลอกภาพและข้อความเดียวกันไปโพสต์ต่อทั้งในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม อย่างไรก็ตาม หากแบ่งสาระสำคัญของข้อความ จะแยกได้ 3 ส่วน และเมื่อลองสืบค้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ แล้ว ก็มีทั้งส่วนที่เป็นความจริง และส่วนที่อาจเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน
– คนไทยตายเพราะมะเร็งเท่าไรกันแน่? : ข้อเขียนข้างต้นซึ่งมาพร้อมกับกราฟที่ระบุช่วงเวลาตั้งแต่ปี ค.ศ.1980 (พ.ศ.2523) จนถึงปี ค.ศ.2021 (พ.ศ.2564) ผู้โพสต์ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจาก ราว 40,000 ราย เป็น 120,000 กว่าราย ยังบอกด้วยว่า ในปี ค.ศ.2025 (พ.ศ.2568) คาดการณ์ว่าคนไทยจะเสียชีวิตจากมะเร็ง มากถึง 144,900 ราย ซึ่งกราฟดังกล่าวจากการสืบค้น พบว่ามาจากเว็บไซต์ ourworldindata.org ซึ่งเป็นฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ในประเด็นที่โลกให้ความสำคัญ เช่น โรคภัยไข้เจ็บ ความยากจนเหลื่อมล้ำ การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ ฯลฯ
ซึ่งในเว็บไซต์นี้ สถิติที่โพสต์ข้างต้นอ้างถึงคือ Deaths from cancer อ้างอิงข้อมูลจากโครงการที่ชื่อว่าภาระระดับโลกของการศึกษาโรค (Global Burden of Disease Study: GBD) ภายใต้สถาบันการวัดและประเมินผลสุขภาพ (Institute for Health Metrics and Evaluation : IHME) มหาวิทยาลัยวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ณ ปี ค.ศ.2024 (พ.ศ.2567) นอกจากนั้น ยังพบสถิติ Deaths from cancer, 2000 to 2021 อ้างอิงข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ณ ปี ค.ศ.2024 (พ.ศ.2567) เช่นกัน แต่สถิติจะมีเพียงระหว่างปี ค.ศ.2000 (พ.ศ.2543) จนถึงปี ค.ศ.2021 (พ.ศ.2564) ซึ่งทิศทางของกราฟก็จะตรงกับของ GBD

ที่มา : ourworldindata.org
อย่างไรก็ตาม กราฟสถิติทั้งของ GBD และ WHO ล้วนใช้คำว่า “estimated” หรือแปลว่า“ประมาณการ” ในขณะที่หากดูข้อมูลตามการแถลงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย เช่น การแถลงข่าวโดยกรมการแถทย์ เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2567 ระบุว่า สถิติโรคมะเร็งของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบแต่ละปีมีคนไทยป่วยเป็นมะเร็งรายใหม่ประมาณ 140,000 คน เสียชีวิตประมาณ 83,000 ราย , การแถลงข่าวโดยกระทรวงสาธารณสุข วันที่ 4 ก.พ. 2568 ระบุว่า ในแต่ละปี ประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่กว่า 140,000 คน และมีผู้เสียชีวิตกว่า 86,000 ราย
รายงาน แผนการป้องกันและควบคุม โรคมะเร็งแห่งชาติ พ.ศ. 2567 – 2575 โดยคณะกรรมการจัดทำแผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ในปี 2565 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง 83,334 ราย ขณะที่หากย้อนไปในปี 2557 (ค.ศ.2014) ข้อมูลจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พบว่า ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 70,075 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ซึ่งอยู่ที่ 50,818 ราย
ดังนั้นข้อความข้างต้นที่บอกว่า “ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากมะเร็งในประเทศไทยพุ่งสูงขึ้นทุกปี จากราว 40,000 คนในปี 1980 จนถึง กว่า 120,000 คนในปี 2021จึงน่าจะเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากการอ้างอิงตัวเลขที่เป็นจำนวนประมาณการ” อย่างในปี ค.ศ.2004 (พ.ศ.2547) สถิติประมาณการทั้งของ GBD และ WHO ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งในไทยมากกว่า 8 หมื่นราย แต่สถิติจากหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขของไทยระบุว่าอยู่ที่ 50,818 ราย
หรือในปี ค.ศ.2014 (พ.ศ.2557) ตัวเลขผู้เสียชีวิตจริงอยู่ที่ 70,075 ราย แต่สถิติประมาณการอยู่ที่ราว 1 แสนราย รวมถึงหลังปี ค.ศ.2021 (พ.ศ.2564) ตัวเลขผู้เสียชีวิตจริงอยู่ที่ราว 8 หมื่นกว่ารายต่อปี ในขณะที่ตัวเลขประมาณการสูงกว่า 1.2 แสนราย เป็นต้น โดยสรุปแล้วแม้จะเป็นความจริงที่ว่าสถิติผู้เสียชีวิตจากมะเร็งในประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่จำนวนผู้เสียชีวิตจริงก็ยังไม่เท่ากับจำนวนที่คาดประมาณการไว้

ที่มา : Walmart , eBay , eBay UK
– “อะฟลาทอกซิน” สารก่อมะเร็ง ปนเปื้อนในอาหารแห้งทั้งพริกแห้ง พริกป่น ถั่วลิสง : ข้อมูลนี้ต้องบอกว่า “เป็นความจริง” โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ https://sasuksure.anamai.moph.go.th/ ซึ่งเป็นฐานข้อมูลตรวจสอบข้อเท็จจริงประเด็นสุขภาพ จัดทำโดยกรมอนามัย ระบุว่า อะฟลาทอกซินเป็นสารพิษจากเชื้อรา ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย สร้างขึ้นโดยเชื้อราบางกลุ่ม ทำให้สามารถพบได้ในอาหารและผลผลิตทางการเกษตรทั่วไป ที่มีเชื้อรานั้นเจริญเติบโตอยู่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ที่สภาวะเหมาะกับการเกิดเชื้อราในอาหาร
ซึ่งประเทศไทยมีภูมิอากาศร้อนชื้น ยิ่งถ้าเข้าสู่ฤดูฝน อากาศจะชื้นมากขึ้น ซึ่งเป็นสภาวะที่เหมาะกับการเกิดเชื้อราในอาหาร โดยอาหารที่มักพบว่า มีสารอะฟลาทอกซินปนเปื้อน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ประเภทแป้ง อาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วลิสง ข้าวโพด มันสำปะหลัง อาหารแห้ง เช่น ผักและผลไม้อบแห้ง ปลาแห้ง กุ้งแห้ง ธัญพืช เนื้อมะพร้าวแห้ง หัวหอมแห้ง กระเทียมแห้ง พริกแห้ง พริกไทย งา เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และถั่วอื่นๆ เป็นสารที่ทนความร้อนได้สูงมาก ถึง 260 องศาเซลเซียส ความร้อนจากการปรุงอาหารหรือการต้มจึงไม่สามารถทำลายสารพิษนี้ได้
สารอะฟลาทอกซินอาจทำให้เกิดโรคมะเร็ง หรือโรคตับอื่นๆ โดยระดับของความเป็นพิษ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ปริมาณที่ได้รับ ความถี่ของการรับประทาน อายุ เพศ การทำงานของเอนไซม์ในตับ และปัจจัยโภชนาการอื่นๆโดยองค์การอนามัยโลก กำหนดให้เป็นสารก่อมะเร็ง ที่ร้ายแรงมากชนิดหนึ่งโดยปริมาณเพียง 1 ไมโครกรัม สามารถทำให้เกิดการกลายพันธุ์ในแบคทีเรีย และทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลองได้ หากได้รับอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม “อย่าตื่นตระหนก” เนื่องจากกฎหมายไทยระบุค่ามาตรฐานและมีการตรวจสอบ โดยเกณฑ์มาตรฐานการปนเปื้อนของสารอะฟลาทอกซิน ในประเทศไทย กำหนดไว้ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 98 พ.ศ. 2529 อนุญาตให้มีอะฟลาทอกซินได้ไม่เกิน 20 ไมโครกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม หรือ 20 PPB (Parts Per Billion) ขณะที่ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีการเฝ้าระวังการนำเข้าพริก หอม กระเทียม และถั่วลิสง อย่างต่อเนื่อง กรณีที่ตรวจวิเคราะห์พบปริมาณอะฟลาทอกซิน เกินที่มาตรฐานกำหนด จะจัดเป็นอาหารผิดมาตรฐาน และจัดเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ด้วย โดย อย.จะสั่งให้เรียกคืนผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในตลาด และดำเนินการยึดหรืออายัดของที่เหลืออยู่ จากนั้นดำเนินคดี ซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับ
สำหรับ “คำแนะนำในการประกอบอาหารและบริโภคอาหารโดยลดความเสี่ยงอันตรายสารอะฟลาทอกซิน” มีดังนี้ 1.เลือกซื้ออาหารหรือวัตถุดิบแห้งที่อยู่ในสภาพใหม่ ใส่ในบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ไม่แตกหรือชำรุด ไม่มีเชื้อรา สะอาด ต้องไม่มีกลิ่นเหม็นอับ ส่งกลิ่นเหม็น หรือชื้น 2.ไม่เก็บอาหารแห้งไว้เป็นเวลานาน เพราะจะทำให้เกิดการสะสมของเชื้อรา ควรเก็บในที่แห้ง ไม่อับชื้น 3.นำอาหารแห้งไปตากแดดจัดๆ เพราะสามารถช่วยลดความชื้นในอาหารได้ 4.หากอาหารมีราขึ้นควรทิ้งให้หมด ไม่ควรตัดเฉพาะส่วนที่ขึ้นราทิ้งไป เพราะอาจมีสารแอฟลาทอกซิน กระจายไปทั่ว
5.กรณีที่ซื้อถั่วลิสงดิบมาปรุงอาหารเอง ให้เลือกซื้อถั่วที่มีลักษณะสมบูรณ์ ไม่ลีบ ไม่ฝ่อ สีไม่คล้ำ ไม่ถูกแมลงสัตว์กัดแทะ ไม่ชื้น ไม่มีราสีเขียว สีเหลือง หรือสีดำขึ้นที่เมล็ด ไม่มีกลิ่นผิดปกติ นำไปแช่น้ำ และซ้อนถั่วลิสงที่ลอยน้ำทิ้ง นำเมล็ดถั่วลิสงที่จมน้ำ ล้างให้สะอาด ผึ่งให้แห้ง นำไปปรุงอาหาร คั่วถั่วลิสงให้พอเหมาะกับการรับประทาน และไม่ควรซื้อเก็บไว้นานเกิน 3 วัน 6.หากรับประทานถั่วลิสงหรือผลิตภัณฑ์ แล้วรู้สึกขมหรือมีกลิ่นไม่ดี ให้คายทิ้งทันทีแล้วบ้วนปาก ห้ามนำอาหารที่ขึ้นรา หรือจับตัวกันเป็นก้อน มีกลิ่นหืนมาบริโภค

ภาพที่ 4 : อาหารที่มี “เรสเวอราทรอล (Resveratrol)”
ที่มา : Ask The Scientists
– เรสเวอราทรอล (Resveratrol) สารสกัดจากมัลเบอร์รี มีคุณสมบัติช่วยป้องกันและยับยั้งการเกิดมะเร็ง : ประเด็นนี้ ณัฐฐศรัณฐ์ วงศ์เตชะ นักโภชนาการชำนาญการ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ให้ข้อมูลกับทีมงานโคแฟค ว่า มีงานวิจัยจำนวนมาก (รวมถึงงานวิจัยในฐานข้อมูล PubMed) ที่ศึกษาบทบาทของ Resveratrol ในการต่อต้านและยับยั้งมะเร็ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยใน หลอดทดลอง (in vitro) และ ในสัตว์ทดลอง (in vivo)
โดยคุณสมบัติหลัก Resveratrol เป็นสารโพลีฟีนอล (Polyphenol) ชนิดหนึ่งที่พบในพืชหลายชนิด เช่น องุ่นแดง ถั่วลิสง และมัลเบอร์รี่ (Mulberry) ซึ่งงานวิจัยชี้ว่ามีคุณสมบัติเด่นคือ ต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant) ช่วยลดความเสียหายของเซลล์จากอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory) ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็ง ยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยสามารถกระตุ้นการตายของเซลล์มะเร็ง (Apoptosis) และขัดขวางวงจรการเติบโตของเซลล์ มีงานวิจัยที่ระบุว่า มัลเบอร์รี (โดยเฉพาะรากและผลบางสายพันธุ์) เป็นแหล่งของResveratrol และสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ (เช่น แอนโธไซยานิน) ซึ่งแสดงศักยภาพในการต้านมะเร็งในห้องปฏิบัติการ
อย่างไรก็ตาม “แม้จะมีหลักฐานเชิงบวกในห้องปฏิบัติการ แต่การนำมาใช้จริงในมนุษย์ยังมีข้อจำกัด” ดังนี้ 1.ชีวปริมาณออกฤทธิ์ต่ำ (Low Bioavailability) โดย Resveratrol ที่รับประทานเข้าไปจะถูกดูดซึมและถูกเผาผลาญในร่างกายอย่างรวดเร็ว ทำให้ปริมาณสารสำคัญที่เข้าสู่กระแสเลือดและไปถึงเนื้อเยื่อมะเร็งในปริมาณที่เพียงพอต่อการออกฤทธิ์ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ
2.การศึกษาในมนุษย์มีจำกัด การทดลองทางคลินิก (Clinical Trials) ในมนุษย์เพื่อยืนยันผลการป้องกันและรักษาในระยะยาว ยังมีข้อมูลจำกัด และยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการบริโภคอาหารเสริม Resveratrol ในปริมาณปกติจะให้ผลเช่นเดียวกับที่พบในห้องปฏิบัติการ และ 3.ปัจจุบัน Resveratrol ไม่ได้ถูกจัดเป็นยามาตรฐานสำหรับการป้องกันหรือรักษามะเร็ง และยังไม่ควรใช้แทนการรักษาทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับ (เช่น เคมีบำบัด การผ่าตัด หรือรังสีรักษา)
ณัฐฐศรัณฐ์ ให้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรสเวอราทรอล (Resveratrol) ไว้ว่า ยืนยันว่ามีงานวิจัย โดยการกล่าวอ้างว่ามีงานวิจัยใน PubMed ที่ยืนยันคุณสมบัติการยับยั้งมะเร็ง เป็นความจริง แต่ยังเป็นงานวิจัยในระดับพื้นฐานและพรีคลินิก (Preclinical) นอกจากนั้นยังไม่เป็นข้อสรุปทางการแพทย์ ซึ่งการสรุปว่า Resveratrol สามารถป้องกันและยับยั้งการเกิดมะเร็งในมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้น เป็นสิ่งที่เกินเลยจากข้อสรุปทางการแพทย์ในปัจจุบัน
“การบริโภคผักผลไม้รวมถึงมัลเบอร์รี (ซึ่งเป็นแหล่งของ Resveratrol) เป็นส่วนหนึ่งของการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง รวมถึงมะเร็งได้ แต่ควรเน้นที่การป้องกันตามคำแนะนำทางการแพทย์และสาธารณสุขเป็นหลัก เช่น การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง (เช่น อะฟลาทอกซิน การสูบบุหรี่ แอลกอฮอล์) การตรวจคัดกรองมะเร็ง และการดูแลสุขภาพโดยรวม” ณัฐฐศรัณฐ์ กล่าว
แม้โพสต์ข้างต้นที่ทางโคแฟคหยิบยกมานำเสนอ เนื้อหาดูแล้วมีเจตนาดี มุ่งทำให้คนไทยตระหนักถึง “ภัยเงียบ” อย่าง “โรคมะเร็ง” ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่คร่าชีวิตคนไทยจำนวนมากในแต่ละปี แต่เนื้อหาบางส่วนพบว่า “คลาดเคลื่อน” จากข้อเท็จจริง ก็อาจส่งผลกระทบกลายเป็นการสร้างความตื่นตระหนกได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เผยแพร่และส่งต่อเนื้อหาเกี่ยวกับสุขภาพพึงระมัดระวัง!!!
-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-
อ้างอิง
https://ourworldindata.org/grapher/deaths-from-cancer-gbd?tab=line&country=~THA (Deaths from cancer The estimated annual number of deaths from all types of cancer.)
https://ourworldindata.org/grapher/deaths-from-cancer-who?tab=line&country=~THA (Deaths from cancer, 2000 to 2021 The estimated number of deaths from all types of cancer.)
https://www.hfocus.org/content/2024/02/29679 (กรมการแพทย์เผยคนไทยป่วยมะเร็งรายใหม่ปีละ 1.4แสนคน เสียชีวิต 8.3หมื่นคน : Hfocus 5 ก.พ. 2567)
https://siamrath.co.th/n/598838 (“รมว.สธ.” ผงะ! มะเร็งคร่าคนไทย 8.6 หมื่นคนต่อปี เร่งเครื่องดูแลปัญหาแบบครบวงจร : สยามรัฐ 4 ก.พ. 2568)
https://www.nci.go.th/th/New_web2024/officer/download/nccp/NCCP_67_75.pdf (แผนการป้องกันและควบคุม โรคมะเร็งแห่งชาติ พ.ศ. 2567 – 2575)
https://hss.moph.go.th/show_topic.php?id=139 (สธ.เผยภัย“มะเร็ง”คร่าชีวิตคนไทยพุ่งกว่า70,000คน เร่งปลูกฝังค่านิยมสูตร 3อ.2ส.ปรับแก้พฤติกรรม : กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 10 ธ.ค. 2558)
https://sasuksure.anamai.moph.go.th/content?id=2653 (พริกแห้งและพริกป่นในตลาดไทย เกือบทั้งหมดพบสารก่อมะเร็ง : สา’สุขชัวร์ โดยกรมอนามัย 24 ก.ย. 2568)
