‘พลาสเตอร์-แผ่นแปะ’ ติดตามร่างกายแก้ ‘เมารถ- เมาเรือ’ จริงหรือไม่?

By : บัญชา จันทร์สมบูรณ์

พลาสเตอร์ติดสะดือ แก้อาการเมารถได้ จริงหรือไม่?” เป็นคำถามที่ทางเครือข่ายใน จ.มหาสารคาม เลือกมาตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังพบการแชร์เรื่องนี้ในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งข้อมูลล่าสุด พบว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เคยเตือนไว้ตั้งแต่ปี 2561 ว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากเวลานั้นมีการแชร์ความเชื่อแปลกๆ ว่า การนำพลาสเตอร์ปิดแผลมาปิดตามอวัยวะต่างๆ เช่น สะดือ ใต้สะดือ หลังหู จะช่วยแก้อาการเมารถ – เมาเรือได้ 

อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบัน (เดือนตุลาคม 2568) จากการลองค้นหาในอินเตอร์เน็ต ผู้เขียนพบว่า ยังมีการโฆษณาขาย “แผ่นแปะหลังหูแก้อาการเมารถ – เมาเรือ” หลากหลายยี่ห้อ และหลายคนก็นำมารีวิวกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว จึงมีคำถามตามมาว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทำงานอย่างไร? มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องในประเทศไทยหรือไม่? รวมถึงเคยมีรายงานผลข้างเคียงหรือไม่?

– เมารถ  เมาเรือเกิดจากอะไร? : ผู้เชี่ยวชาญ อาทิ ศ.พญ.สุจิตรา ประสานสุข ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายไว้ในบทความ เมารถ เมาเรือ” ว่า อาการเมารถ – เมาเรือ เป็นเรื่องเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล (ใครที่เมาก็จะเมา แต่ใครที่ไม่เมาก็จะไม่เมา) “อาการเมาเกิดจากประสาททรงตัวทำงานไม่สมดุล” ซึ่งความไม่สมดุลนี้อาจจะเกิดจาก ได้รับแรงกระตุ้นที่มากเกินไป เช่น นั่งรถที่เหวี่ยง หรือนั่งเรือที่โคลงเคลงไป – มาตามลูกคลื่นเป็นเวลานาน จนไปกระตุ้นประสาทการทรงตัวของคนคนนั้น

ถ้าประสาทการทรงตัวของเราไม่มีความไวผิดปกติ เราก็อาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่ในคนหลายๆคน เกิดมารู้สึกว่าประสาททรงตัวไวเป็นพิเศษ พอนั่งรถไปได้สักพักจะรู้สึกว่าเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียนศ.พญ.สุจิตรา กล่าว

เช่นเดียวกับบทความ เมารถ เมาเรือ ป้องกันได้ ซึ่งเขียนโดย ผศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณและ รศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า อาการเมารถ เมาเรือ (Motion Sickness) เกิดจากความไม่สอดคล้องระหว่างข้อมูลทางประสาทสัมผัสที่สมองได้รับจากหูชั้นใน ซึ่งรับรู้การเคลื่อนไหว กับตาที่มองเห็นสภาพโดยรอบ รวมถึงส่วนอื่นๆ ของร่างกาย อาการเมาแบบนี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อเดินทางด้วยรถ เรือ และเครื่องบิน บางรายเกิดอาการได้ เมื่อเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกที่มีการหมุนเหวี่ยง หรือเคลื่อนที่เร็วมากๆ อาการที่เกิดคือ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ปวดหัวเหงื่อแตก น้ำลายไหล หายใจติดขัด หน้าซีด เป็นต้น 

แต่อาการเมารถ เมาเรือนั้น ยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่า ทำไมบางคนเป็น แล้วบางคนไม่เป็น แต่มีการรวบรวมข้อมูลและทราบถึงปัจจัยเสี่ยงขั้นต้นได้แก่ เด็กช่วงอายุ 2-12 ปี มักมีอาการเมารถเมาเรือได้ง่าย ผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือน หรืออยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือรับประทานยาฮอร์โมน จะมีอาการเมารถ เมาเรือได้ง่ายกว่าปกติ ปัจจัยเสี่ยงอีกข้อหนึ่งที่น่าสนใจคือข้อมูลทางกรรมพันธุ์ คนที่มีญาติสายตรงมีอาการเมารถ เมาเรือ จะมีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป บทความดังกล่าวระบุ 

– พลาสเตอร์แปะหลังหูแก้อาการเมารถ  เมาเรือ มีจริงหรือไม่? : คำตอบตือ มีจริง เช่น บทความ เมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน … รับมือได้อย่างไรเขียนโดย ผศ.ดร.ฉัตรชากร เอื้อติวงศ์ ภาควิชาเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลระบุว่า สโคโปลามีน (Scopolamine)” เป็นรูปแบบแผ่นแปะผิวหนังที่บริเวณหลังใบหู ปริมาณการใช้อยู่ที่ 1 มิลลิกรัม โดยให้แปะ 4-6 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทาง ยาจะค่อยๆ ออกฤทธิ์ มีผลนาน 3 วัน

เว็บไซต์ medlineplus.gov ฐานข้อมูลความรู้ด้านสุขภาพซึ่งจัดทำโดย หอสมุดการแพทย์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NLM) กล่าวถึงในบทความ “Scopolamine Transdermal Patch (สโคโปลามีนแบบแผ่นแปะผิวหนัง) ว่า สโคโปลามีน ใช้เพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้และอาเจียนที่เกิดจากอาการเมารถหรือยาที่ใช้ระหว่างการผ่าตัด โดย สโคโปลามีนจัดอยู่ในกลุ่มยาที่เรียกว่าแอนติมัสคารินิก (Antimuscarinics) ซึ่งออกฤทธิ์โดยการยับยั้งผลของสารบางชนิด (Acetylcholine) ต่อระบบประสาทส่วนกลาง

มีลักษณะเป็นแผ่นแปะสำหรับแปะบนผิวหนังที่ไม่มีขนหลังใบหู ในกรณีใช้เพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้และอาเจียนที่เกิดจากอาการเมารถ ให้แปะแผ่นแปะอย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนที่จะออกฤทธิ์ และทิ้งไว้นานถึง 3 วัน หากจำเป็นต้องใช้ยานานกว่า 3 วัน ให้ลอกแผ่นแปะเดิมออกแล้วแปะแผ่นแปะใหม่หลังใบหูอีกข้างหนึ่ง แต่หากเป็นกรณีใช้เพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้และอาเจียนจากยาที่ใช้ในการผ่าตัด ให้แปะแผ่นแปะตามคำแนะนำของแพทย์ และทิ้งไว้นานถึง 24 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด

 สถานะของสโคโปลามีนและยาแก้เมารถ – เมาเรือในประเทศไทย : จากการสืบค้น (ณ วันที่ 7 ต.ค. 2568) ในฐานข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยใช้คำว่า Scopolamineพบทั้งหมด 44 รายการ แบ่งเป็น เภสัชเคมีภัณฑ์ 43 รายการ ส่วนอีก 1 รายการ ขึ้นทะเบียนในฐานะยาสำเร็จรูป โดยเป็นยาชนิดฉีด

ขณะที่เมื่อใช้คำว่า แผ่นแปะ” พบทั้งสิ้น 215 ราบการ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือแพทย์ 180 รายการ เครื่องสำอาง 13 รายการ ยาสำเร็จรูป 11 รายการ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร 5 รายการ และวัตถุอันตราย 6 รายการ และเมื่อใช้คำว่า เมาเรือ พบทั้งสิ้น รายการ เป็นยาสำเร็จรูปทั้งหมด และเป็นยรับประทาน ไม่ใช่แผ่นแปะผิวหนัง รวมถึงเป็นตัวยา ไดเมนไฮดริเนต (Dimenhydrinate) หมายเหตุ : ทั้ง 5 รายการ แม้จะระบุว่าเป็นยาแก้เมารถ – เมาเรือ แต่ต้องใช้คำค้นว่า เมาเรือ เท่านั้น หากใช้คำว่า เมารถ จะค้นหาไม่พบ 

อนึ่ง ทีมงานโคแฟคได้สอบถามไปยัง อย. และได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ครั้งหนึ่งเคยมีการขอขึ้นทะเบียนยาสโคโปลามีนรูปแบบแผ่นแปะ ในชื่อ SCOPODERM TTS เลขที่รับคำขอ 1C 1232/26 วันที่รับคำขอ 10 ต.ค. 2526 เลขทะเบียน 1C 242/28 วันที่อนุมัติ 1 มี.ค. 2528 ลักษณะเป็นยาแผ่นปิดผิวหนังหลังหู แผ่นบาง แบ่งเป็นชั้นๆ ตรงกลางเป็นแผ่นกลม สีชมพูอ่อน มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 17.8 มม. ใช้เพื่อป้องกันอาการเมารถ เมาเรือ เวลาเดินทาง ซึ่งการขึ้นทะเบียนนี้เดิมจะหมดอายุในวันที่ 12 ต.ค. 2567 แต่ได้ยกเลิกไปก่อนเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2550 และจนถึงขณะนี้ (7 ต.ค. 2568) ยังไม่พบการขึ้นทะเบียนยาสโคโปลามีนรูปแบบแผ่นแปะอีก

– เตรียมตัวก่อนเดินทางอย่างไรให้ดลเสี่ยงอาการเมารถ  เมาเรือ? : คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ อาทิ บทความ “เมารถ เมาเรือ” โดย ศ.พญ.สุจิตรา ประสานสุข ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล , บทความ “เมารถ เมาเรือ ป้องกันได้” โดย ผศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ และรศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สรุปได้ดังนี้ 

1.พักผ่อนให้เพียงพอก่อนการเดินทาง หากพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้เกิดอาการได้ง่ายและรุนแรงขึ้น 2.อย่าปล่อยให้ท้องว่างก่อนออกเดินทางมีความเชื่อกันว่าควรปล่อยให้ท้องว่างจะได้ไม่อาเจียนระหว่างทาง ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด เพราะยิ่งท้องว่างก็จะทำให้เมาเร็วยิ่งขึ้น โดยสามารถรับประทานอาหารตามปกติ แต่อย่ารีบร้อน ให้รับประทานช้าๆ และควรเว้นระยะพักสักครึ่งชั่วโมงก่อนออกเดินทาง

3.เลือกที่นั่งให้เหมาะสม หากเดินทางด้วยรถควรนั่งด้านหน้าเพราะจะทำให้สายตามองไปด้านหน้า อาการเมาจะเกิดช้ากว่าการนั่งด้านหลังที่ต้องมองทิวทัศน์จากด้านข้าง , หากเดินทางด้วยเรือ ควรเลือกที่นั่งบริเวณกลางลำเรือ ไม่ควรเลือกที่นั่งเอียงไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เพราะเรือจะโยกตัวตามความแรงของคลื่น , หากเดินทางด้วยเครื่องบิน ให้เลือกที่นั่งบริเวณปีก และเลือกที่นั่งริมหน้าต่างเพื่อสามารถมองออกไปข้างนอกได้ 4.รับประทานยาแก้เมาเตรียมไว้ อย่างน้อยครึ่งชั่วโมงก่อนออกเดินทาง 

โดยสรุปแล้ว การนำพลาสเตอร์สำหรับปิดแผลมาปิดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย (เช่น สะดือ หลังหู) ไม่สามารถแก้อาการเมารถ – เมาเรือได้ ส่วนแผ่นแปะแก้อาการเมารถ  เมาเรือนั้น โดยแปะที่บริเวณหลังหูนั้นมีอยู่จริง มีใช้ในบางประเทศ แต่ ณ ปัจจุบัน ไม่มีทะเบียนอนุมัติให้ใช้ในประเทศไทย!!!

-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-

อ้างอิง 

https://dis.fda.moph.go.th/detail-infoGraphic?id=1607 (พลาสเตอร์ปิดสะดือแก้เมารถ ไม่จริง : อย. 20 ส.ค. 2561)

https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=107 (เมารถ เมาเรือ : คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล 6 ต.ค. 2553)

https://www.pharm.chula.ac.th/th/News_content/preventing-car-and-boat-sickness/ (เมารถ เมาเรือ ป้องกันได้ : คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 20 พ.ค. 2567)

https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/703 (เมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน … รับมือได้อย่างไร : คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 29 ต.ค. 2567)

https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a682509.html (Scopolamine Transdermal Patch : MedlinePlus 15 ก.ค. 2568)

https://www.fda.gov/drugs/drug-safety-and-availability/fda-adds-warning-about-serious-risk-heat-related-complications-antinausea-patch-transderm-scop (FDA adds warning about serious risk of heat-related complications with antinausea patch Transderm Scōp (scopolamine transdermal system) : FDA 18 มิ.ย. 2568)

https://www.fda.moph.go.th/?op=kwssl&lang=1&skin=s&db=Main&ww=(ระบบค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจากอย.)