ยูเครนอยู่เบื้องหลังเหตุฆ่าหมู่กรุงมอสโกจริงหรือ?
โดย ธีรนัย จารุวัสตร์ สมาชิก Cofact
ถึงแม้กลุ่มติดอาวุธสุดโต่ง “ไอเอส” ได้ยืนยันเองว่าสมาชิกของตนเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีโรงละครในชานเมืองกรุงมอสโกเมื่อปลายเดือนมีนาคม ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนกว่า 140 ราย แต่เจ้าหน้าที่รัสเซียและสื่อทางการของรัสเซีย กลับเดินหน้ากล่าวหาว่ารัฐบาลยูเครนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่ดังกล่าว โดยที่ไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้มาสนับสนุน
กลายเป็นเหตุการณ์ที่ช็อกโลกอีกครั้ง เมื่อกลุ่มคนร้ายบุกเข้าไปในโรงละคร Crocus City Hall ในชานเมืองกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย และกราดยิงผู้คนอย่างไม่เลือกหน้าเมื่อคืนวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 140 ราย บาดเจ็บอีกเกือบ 200 ชีวิต นับเป็นโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปีของประเทศรัสเซีย
หลังจากเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมง กลุ่มติดอาวุธสุดโต่ง “Islamic State” หรือที่เรียกย่อๆว่า “IS – ไอเอส” ซึ่งมีฐานที่มั่นในตะวันออกกลาง ได้ประกาศแสดงความรับผิดชอบว่าเป็นผู้ก่อเหตุสังหารหมู่ดังกล่าว ทำให้ผู้นำหลายประเทศรุมประณามการโจมตีอันโหดเหี้ยมของไอเอสครั้งนี้
ขณะเดียวกัน หน่วยงานความมั่นคงของรัสเซียก็ได้ตะครุบตัวมือปืนไว้ทั้ง 4 คน ขณะกำลังพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ และนำตัวส่งศาลเพื่อดำเนินคดีในหลายข้อหาหนัก
อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจความคิดชาวรัสเซียที่จัดทำโดยเว็บไซต์ OpenMinds เมื่อไม่นานมานี้ กลับระบุว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 50 ไม่ได้คิดว่ากลุ่มไอเอสอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีเมื่อวันที่ 22 มีนาคม เพราะเชื่อว่าการสังหารหมู่ดังกล่าว เป็นฝีมือของรัฐบาลยูเครนต่างหาก!
เทียบกับจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามเพียงร้อยละ 30 ที่เชื่อว่ากลุ่มไอเอสเป็นผู้ลงมือสังหารโหด
ผลสำรวจดังกล่าวสอดคล้องกับการโหมกระแสข่าวของทางการรัสเซียตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง เจ้าหน้าที่ระดับสูง และสื่อในกำกับของรัฐ เพื่อป้ายสีรัฐบาลยูเครนว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุกราดยิงที่โรงละคร Crocus ซึ่งถึงแม้โดยปราศจากหลักฐานใดๆ นอกเหนือไปจากคำกล่าวอ้างลอยๆเท่านั้น
นับเป็นตัวอย่างล่าสุดของปฎิบัติการข้อมูลข่าวสาร (Information operation) ของรัสเซียเพื่อหวังผลทางการเมืองจากเหตุความขัดแย้งและโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ครั้งนี้
รัฐบาลจุดกระแส
กระแสข่าวดังกล่าวเริ่มปะทุขึ้นจากเจ้าหน้าที่รัฐระดับบนสุดของทางการรัสเซียเลยทีเดียว นั่นคือ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน โดยผู้นำรัสเซียได้กล่าวในถ้อยแถลงว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุถูกจับกุมขณะพยายามข้ามชายแดนไปยังประเทศยูเครน และตนเชื่อว่ามีคนในยูเครนจัดหาช่องทางหลบหนีให้กับกลุ่มผู้ก่อเหตุอย่างแน่นอน
ต่อมาไม่นาน Alexander Bortnikov ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองรัสเซีย ได้กระพือกระแสข่าวนี้ให้ไปไกลอีกขั้น ด้วยการแถลงว่าถึงแม้กลุ่มติดอาวุธอิสลามสุดโต่งจะเป็นผู้วางแผนการสังหารหมู่ครั้งนี้ก็ตาม แต่ “หน่วยรบพิเศษของชาติตะวันตกเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ และหน่วยรบพิเศษของยูเครนมีส่วนร่วมในเหตุการณ์นี้โดยตรง”
Bortnikov ย้ำคำกล่าวอ้างของประธานาธิบดีปูตินด้วยว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุกราดยิงถูกจับกุมขณะพยายามหลบหนีไปยูเครน ถือเป็นหลักฐานที่ฟ้องถึงความเชื่อมโยงกับรัฐบาลยูเครนอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ต่างตั้งคำถามกับคำกล่าวอ้างนี้ เพราะมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับตำแหน่งที่กลุ่มผู้ก่อเหตุถูกจับว่าอยู่ตรงไหนกันแน่ โดยรายงานของทางการรัสเซียกล่าวว่ามือปืนทั้ง 4 คนถูกจับกุม 180 กิโลเมตรจากชายแดนยูเครน ขณะที่บางรายงานกล่าวว่าเป็นอีกจุดหนึ่ง ที่อยู่ห่างจากชายแดนเบลารุสไปเพียง 16 กิโลเมตรเท่านั้น
นอกจากนี้ยังไม่นับข้อเท็จจริงด้วยว่า รัสเซียกับยูเครนกำลังอยู่ในสภาวะสงคราม ชายแดนระหว่างสองประเทศถูกปิดตายท่ามกลางการสู้รบอย่างหนักและกำลังทหารจำนวนมาก จึงน่าสงสัยว่าถ้าหากยูเครนอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้จริง จะสามารถจัดหาช่องทางหลบหนีข้ามชายแดนท่ามกลางภาวะศึกสงครามได้อย่างไร
สื่อรัฐช่วยกระพือ
ด้านสื่อในสังกัดรัฐของทางการรัสเซีย ก็นำเอาทฤษฎีสมคบคิดดังกล่าวมาเผยแพร่ต่ออย่างทันควัน โดยเสนอข่าวเชิงคำถามว่า กลุ่มไอเอสอยู่เบื้องหลังการโจมตีโรงละคร Crocus หรือเป็นเพียงคำกล่าวอ้างของชาติตะวันตกกันแน่
ตัวอย่างเช่น Dmitry Kiselyov นักจัดรายการทีวีชื่อดังของรัสเซีย ได้กล่าวกับผู้ชมในรายการทีวีช่วงไพร์มไทม์ว่า กลุ่มไอเอสไม่ได้อยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่ โดยยกหลักฐานว่า กลุ่มมือปืนพยายามหลบหนีหลังก่อเหตุ แทนที่จะพลีชีพแบบนักรบไอเอสในเหตุการณ์อื่นๆ ตนจึงสงสัยว่าอาจเป็นการสร้างเรื่องโดยรัฐบาลอเมริกันเสียมากกว่า
“มีความจริงอันไม่สามารถเถียงได้ว่า พวกผู้ก่อการร้ายเหล่านี้พยายามหนีไปพึ่งพิงยูเครน” Kiselyov ย้ำในรายการ
Margarita Simonyan บรรณาธิการบริหารของช่องข่าว Russia Today กล่าวในทำนองเดียวกันว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุไม่น่าจะเป็นสมาชิกไอเอส เพราะไม่ได้ใส่ระเบิดพลีชีพมาด้วย และสรุปเองว่า กลุ่มไอเอสไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่ที่โรงละคร Crocus แน่นอน
ส่วนหนังสือพิมพ์ของทางการรัสเซีย Rossiyskaya Gazeta ก็เผยแพร่บทความตั้งข้อสังเกตว่าอาวุธปืนของกลุ่มผู้ก่อเหตุ มีลักษณะคล้ายกองกำลังชาวรัสเซียที่แปรพักตร์ไปช่วยรัฐบาลยูเครนรบในสงคราม
ขณะเดียวกัน Andrei Medvedev ผู้สื่อข่าวของช่องทีวี Rossiya 1 ยิ่งไปไกลกว่าเพื่อน ด้วยการเขียนโพสต์ลงในเทเลแกรมว่า หน่วยข่าวกรองของสหราชอาณาจักร หรือ MI6 เป็นผู้ตระเตรียมการสังหารหมู่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม และสั่งการหน่วยข่าวกรองของยูเครนให้เป็นผู้ลงมือ
“ชาวบริติชมีประวัติศาสตร์ในการล่าอาณานิคมมายาวนาน พวกเขาจึงเป็นมือโปรในด้านการสุมไฟความขัดแย้งทางเชื้อชาติ” Medvedev เขียนในโพสต์ โดยไม่ได้แสดงหลักฐานใดๆ
คลิปปลอมระบาด
การพยายามเชื่อมโยงรัฐบาลยูเครนให้เกี่ยวข้องกับการโจมตีโรงละคร Crocus ยังได้ยกระดับไปอีกขั้น เมื่อ NTV ช่องทีวีในกำกับของทางการรัสเซีย เผยแพร่คลิปวิดิโอที่ระบุว่าเป็น Oleksiy Danilov เจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของรัฐบาลยูเครน
ในคลิปดังกล่าว Danilov กล่าวว่าชาวรัสเซียได้พบเจอ “ความบันเทิง” จากเหตุฆ่าหมู่ที่โรงละครมอสโก และตนหวังว่าจะจัดหา “ความบันเทิง” เช่นนี้ให้ชาวรัสเซียอีกในอนาคต
คลิปวิดิโอนี้ได้รับการส่งต่อและเผยแพร่อย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดียรัสเซีย และสร้างความโกรธแค้นให้แก่ชาวรัสเซียอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ของ BBC พบว่าคลิปวิดิโอที่ช่อง NTV นำมาเผยแพร่ มีลักษณะถูกตัดต่อขึ้นจากหลายๆคลิป โดยที่นาย Danilov ไม่ได้พูดเช่นนั้นจริง
จึงไม่น่าแปลกใจที่การโหมกระแสข่าวเช่นนี้ ส่งผลให้ชาวรัสเซียจำนวนไม่น้อย มีความกังขาต่อข่าวว่ากลุ่มไอเอสอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม และสงสัยว่าผู้ก่อเหตุที่แท้จริงอาจจะเป็นรัฐบาลยูเครน ตามที่ได้กล่าวตอนต้นในบทความ
“ดูเหมือนว่ายูเครนเป็นผู้ลงมือ เพราะพวกผู้ก่อการร้ายหนีไปทางยูเครน” แอนนา ชาวรัสเซียคนหนึ่ง ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Financial Times เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตี “พวกเขา [ชาวยูเครน] ต้องการสร้างเหตุการณ์เพื่อดึงความสนใจไปจากแนวรบ และที่ผ่านมาพวกคนยูเครนก็มักจะยินดีอย่างยิ่งเวลาได้เห็นประชาชนชาวรัสเซียเสียชีวิต รวมถึงคนรัสเซียที่ไม่เกี่ยวข้องกับสงครามด้วย”
หลักฐานมัดตัวไอเอส
อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่ปรากฎทั้งหลาย ได้บ่งชี้ว่ากลุ่มไอเอสอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่ที่โรงละคร Crocus อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับเหตุการณ์กราดยิงหรือก่อการร้ายอื่นๆ ในหลายประเทศ
หลักฐานสำคัญชิ้นหนึ่ง คือถ้อยแถลงแสดงความรับผิดชอบของกลุ่มไอเอส มาพร้อมกับคลิปจากกล้องที่ติดอยู่กับตัวผู้ก่อเหตุ (bodycam) ในโรงละคร Crocus แสดงให้เห็นจังหวะกลุ่มมือปืนเหล่านี้ไล่ยิงและฟันแทงชาวรัสเซียอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งคลิปดังกล่าวไม่ได้เผยแพร่ทางอื่นมาก่อน
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเอง ก็ได้เคยส่งคำเตือนไปยังทางการรัสเซียด้วยว่า สหรัฐฯพบข่าวกรองระบุว่ามีกลุ่มติดอาวุธกำลังวางแผนโจมตีในงานแสดงดนตรีหรือโรงละคร แต่ในขณะนั้นประธานาธิบดีปูตินกลับด่าทอรัฐบาลสหรัฐว่า ปั้นเรื่องให้เกิดความตื่นตระหนกในรัสเซีย
ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อการร้ายระบุด้วยว่า กลุ่มที่ลงมือก่อเหตุที่กรุงมอสโก มีแนวโน้มว่าเป็นสมาชิกเครือข่าย “ไอเอส-เค” อันเป็น “สาขา” หนึ่งของกลุ่มไอเอสที่มักเคลื่อนไหวในพื้นที่อัฟกานิสถาน ปากีสถาน และอิหร่าน กลุ่มดังกล่าวประณามรัฐบาลรัสเซียมาตลอด เพราะไม่พอใจที่กองทัพรัสเซียช่วยโจมตีกลุ่มไอเอสในพื้นที่ตะวันออกกลางหลายครั้ง
นอกจากนี้ กลุ่มไอเอสเคยังได้เคยก่อเหตุวางระเบิดสถานทูตรัสเซียในกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อปี 2565 การันตีความสุดโต่งและความโกรธแค้นต่อรัสเซียเป็นอย่างดี
ส่วนข้อสังเกตจากสื่อรัสเซียว่ามือปืนที่โรงละคร Crocus ไม่ได้พลีชีพในที่ก่อเหตุ ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านี้สมาชิกกลุ่มไอเอสก็เคยก่อเหตุกราดยิงหรือวางระเบิดโดยที่ไม่ได้มุ่งหวังพลีชีพในปฏิบัติการเช่นกัน
อ่านเพิ่มเติม
Moscow attack: Russian state media blames Ukraine and the West
In First Remarks on Attack, Putin Tries to Link Assailants to Ukraine
Russians back Vladimir Putin in blaming Ukraine for concert hall terror attack
Russia persists in blaming Ukraine for concert attack despite its denial and Islamic State’s claim