ทำความรู้จัก “โมลนูพิราเวียร์” ยารักษาโควิด-19 Cofact Special Report #5

บทความ

Cofact Special Report #5

ทำความรู้จัก “โมลนูพิราเวียร์” ยารักษาโควิด-19 

English Summary

Merck & Co says its experimental COVID-19 pill “Molnupiravir” proves to reduce hospitalization in patients with mild or moderate symptoms. If approved by FDA, it will be the first oral pill to treat COVID-19 patients. Thai medical professionals are taking a close look at this pill and promise that Thailand will be among one of the first countries to receive the pills. We also take a closer look at how the pill works and answer the most frequently asked questions, especially if this pill can replace vaccine in the future.

เมื่อไม่นานมานี้ บ.เมิร์ค แอนด์ โค (Merck & Co) บริษัทยาสัญชาติสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการทดลองทางคลินิกเฟส 3 ในการใช้ยา “โมลนูพิราเวียร์” ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และยังเป็นยารับประทานชนิดแรกที่ผ่านการทดสอบมาถึงเฟสที่ 3 และอยู่ในระหว่างการพิจารณาเพื่อใช้ในการสาธารณสุขฉุกเฉินโดยคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ ในเร็วๆ นี้ เรารวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยาตัวนี้ และยาอื่นๆ ที่อาจจะช่วยพลิกสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดได้

โมลนูพิราเวียร์คืออะไร?

Molnupiravir เป็นยาชนิดเม็ดที่มีฤทธิ์เข้าไปยับยั้งการจำลองแบบของเชื้อโควิด-19 ในร่างกายของผู้ใช้ยา หรือพูดง่ายๆ ยาตัวนี้จะพุ่งไปที่ตัวเชื้อ และปรับเปลี่ยนโครงสร้างของตัวเชื้อให้ผิดเพี้ยน ทำให้พวกมันไม่สามารถแบ่งตัว และกระจายเชื้อในร่างกายของเราต่อได้ 

ประสิทธิภาพของโมลนูพิราเวียร์ดีแค่ไหน?

แรกเริ่มเดิมทียาตัวนี้ออกแบบมาเพื่อรักษาไข้หวัดใหญ่ แต่เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นักวิจัยจึงนำตัวยานี้มาทดสอบในการรักษาโควิด-19 และผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ ในการศึกษาเฟส 3 ยาตัวนี้สามารถลดการป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลในผู้ติดเชื้อโควิดระดับน้อยถึงปานกลางได้ถึง 50% และไม่มีผู้เสียชีวิตจากการรับประทานยาตัวนี้ ขณะที่ผู้ที่รับประทานยาหลอก 55 คน จาก 377 คนมีอาการป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาล และในจำนวน 8 คนเสียชีวิต ทำให้นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากลงความเห็นว่าโมลนูพิราเวียมีประสิทธิภาพ สามารถนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้

เมื่อไรโมลนูพิราเวียร์จะได้รับการอนุมัติใช้รักษาโควิด-19 ในไทย

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทเมิร์ค แอนด์ โค ผู้ผลิตและวิจัยยาตัวนี้ยื่นเอกสารให้องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ขึ้นทะเบียนยาเพื่อใช้ในการฉุกเฉินแล้ว หากยาตัวนี้ผ่านการรับรองโดย FDA ทาง อย.ไทยก็จะอนุมัติยาตัวนี้เพื่อใช้ในประเทศไทยต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือนหลังจากที่ FDA สหรัฐฯ อนุมัติ

โมลนูพิราเวียร์ ต่างจาก ฟาวิพิราเวียร์ ที่ไทยใช้อยู่หรือไม่? ทำไมเราจำเป็นต้องใช้ยาตัวใหม่นี้?

ต่างกัน เพราะฟาวิพิราเวียร์เป็นยาที่ไม่มีผลการทดลองทางคลินิกว่าสามารถยับยั้งแบบจำลองของเชื้อโควิด-19 ได้ แต่มีความสามารถในการลดความรุนแรงของโรคได้คล้ายกันกับโมลนูพิราเวียร์ ดังนั้นโมลนูพิราเวียร์จึงเป็นยารับประทานชนิดแรกที่สามารถรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้โดยตรง 

ผลข้างเคียงจากการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์มีอะไรบ้าง?

ผลการทดลองในเฟส 3 ที่สหรัฐฯ พบว่าผู้ใช้ยาโมลนูพิราเวียร์มีอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์เพียง 1.3% ผู้ผลิตยาระบุด้วยว่า ในช่วงการทดลองเบื้องต้นยาตัวนี้ยังไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์ ส่วนผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ ที่มีอาการน้อยหรือปานกลาง ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย หรือผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวสามารถรับประทานยานี้ได้

ใครเหมาะสมกับยาตัวนี้ และควรรับประทานยาตัวนี้เมื่อไร?

ผู้ผลิตยาระบุว่า ระหว่างการทดสอบเฟส 3 ยาตัวนี้ให้ประสิทธิภาพดีที่สุดในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการน้อยหรือปานกลาง โดยผู้ที่ทราบว่าตนติดเชื้อโควิด-19 และเริ่มมีอาการควรรับประทานยานี้โดยทันที ต่อเนื่องกันเป็นเวลาอย่างน้อย 5 วัน วันละ 8 เม็ด แบ่งเป็น เช้า 4 เม็ด และ เย็น 4 เม็ด อย่างไรก็ตามเราต้องรอผลการอนุมัติจาก FDA สหรัฐฯ และ อย. ไทยอีกครั้งว่าเมื่อยาตัวนี้นำมาใช้ในไทยจริงจะต้องใช้ในปริมาณเท่าใดจึงจะเหมาะสม

ไทยจะได้รับยาโมลนูพิราเวียร์เร็วที่สุดเมื่อไร? เราจะตกขบวนเหมือนวัคซีนไหม?

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์บอกว่า ไทยได้เจรจาสั่งซื้อยาโมลนูพิราเวียร์แล้วจำนวน 2 แสนคอร์ส โดยไทยได้จัดทำร่างสัญญาสั่งซื้อเสร็จเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา และคาดว่าเราจะได้รับยาล็อตแรกภายในเดือนธันวาคมปีนี้ เหตุผลที่ไทยเราได้รับยาโมลนูพิราเวียร์เร็วกว่าเมื่อช่วงที่เราสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 เมื่อช่วงต้นปีเพราะโรงพยาบาลในไทยหลายแห่งทำข้อตกลงร่วมมือในการศึกษาวิจัยกับบ.เมิร์ค แอนด์ โค ในการทดลองยาโมลนูพิราเวียร์มาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว และเดิมทียาตัวนี้คิดค้นขึ้นมาเพื่อรักษาไข้หวัดใหญ่ เมื่อผลการทดลองออกมาว่าสามารถรักษาโควิด-19 ได้ด้วย ทำให้ผลพลอยได้ตกมาอยู่กับไทยด้วย

ราคาของโมลนูพิราเวียร์แพงเกินไป?

ราคาขายกลางของโมลนูพิราเวียร์ในสหรัฐฯ อยู่ที่ 700 ดอลลาร์ หรือประมาณ 24,000 บาทต่อคอร์ส แต่จากคำชี้แจงของนพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ระบุว่า บริษัทผู้ผลิตยาจะคิดราคาค่ายากับประเทศกำลังพัฒนาในราคาที่ถูกกว่าราคากลาง แต่จะเป็นราคาเท่าไรยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นความลับทางธุรกิจ นอกจากนี้บริษัทผู้ผลิตยายังมีการว่าจ้างการผลิตยาในโรงงานอีก 5 แห่งในอินเดีย ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนการผลิตยาถูกลง และราคายาก็จะถูกลงตามไปด้วย

ล่าสุดองค์การอนามัยโลกยังจัดตั้งโครงการจัดซื้อยารักษาโควิด-19 ซึ่งรวมถึงโมลนูพิราเวียร์ในราคา 10 ดอลลาร์ หรือประมาณ 320 บาทต่อคอร์สเพื่อส่งต่อให้กับประเทศยากจนได้เข้าถึงยารักษาโควิด-19 ได้ง่ายขึ้น

โมลนูพิราเวียร์สามารถใช้แทนวัคซีนได้หรือไม่?

โมลนูพิราเวียร์ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อการ “รักษา” ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ และโควิด-19 ซึ่งผู้ที่จะรับประทานยาตัวนี้ได้จะต้องเป็นผู้ป่วยโควิด-19 อยู่แล้ว ต่างจากวัคซีนที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อ “ป้องกัน” การติดเชื้อและการป่วยสำหรับผู้ที่ไม่เคยเป็นโควิด-19 มาก่อน วัคซีนจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน แต่ยาโมลนูพิราเวียร์ช่วยในการรักษาและไม่สามารถทดแทนการฉีดวัคซีนได้

ที่มา:

https://www.cnbc.com/2021/10/11/covid-pill-merck-asks-fda-to-authorize-antiviral-for-emergency-use.html

https://www.reuters.com/world/india/indias-everest-organics-starts-making-molnupiravir-drug-ingredient-2021-10-12/

https://www.tnnthailand.com/news/covid19/94194/

https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2209142

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2213276

https://www.sanook.com/news/8454078/

เกี่ยวกับผู้เขียน

ธนภณ เรามานะชัย (ไมค์) Fact-checker และ คอลัมนิสต์ประจำ Cofact Thailand 

ปัจจุบันทำหน้าที่วิทยากรด้านการตรวจสอบข้อมูลข่าวและเครื่องมือดิจิทัลด้านข่าวให้กับ Google News Initiative ก่อนหน้านี้เขาเป็นผู้ประกาศข่าวเทคโนโลยีให้กับสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี (Voice TV) และอดีตกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (FCCT)  https://www.damikemedia.com