4) ข้อเรียกร้องในวีดิโอของ Thailand and The World ที่ให้รัฐบาล ผู้ประกอบการและนายจ้างลดการจ้างแรงงานกัมพูชา และเพิ่มการเฝ้าระวังและจับตาชาวกัมพูชาในไทย อันเนื่องมาจากปฏิบัติการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งนี้ เป็นการเชื่อมโยงที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าปฏิบัติการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับแรงงานกัมพูชาในไทย ความเห็นนี้น่าจะมีเจตนาขยายผลให้เกิดความรู้สึกในทางลบต่อชาวกัมพูชาในไทย ที่อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์อันดีของประชาชนทั้งสองประเทศในระยะยาว
“บริษัทยักษ์ใหญ่เกือบทุกแห่งในขณะนี้ใช้งาน AI อยู่หลายระบบ และพวกเขาถือว่าการใช้ AI เป็นส่วนสำคัญในกลยุทธ์” เป็นคำกล่าวของ Joseph Fuller อาจารย์ด้านการบริหารจัดการของ Harvard Business School และผู้นำร่วมของ “การจัดการอนาคตของการทำงาน” โครงการวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาและการนำ AI ไปใช้ รวมถึงแมชชีนเลิร์นนิง หุ่นยนต์ เซ็นเซอร์ และระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม ทั้งในโลกธุรกิจและโลกการทำงาน
ในช่วงต้น มีการสันนิษฐานกันอย่างแพร่หลายว่าอนาคตของ AI จะเป็นเพียงการเปลี่ยนงานง่ายๆ และซ้ำซากให้เป็นอัตโนมัติโดยใช้แค่การตัดสินใจในระดับต่ำ แต่ AI กลับมีความชาญฉลาดขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยผลจากคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงและการมีชุดข้อมูลขนาดใหญ่ สาขาหนึ่งของ AI อย่างแมชชีนเลิร์นนิงที่โดดเด่นด้วยความสามารถในการจัดเรียงและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลพร้อมกับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในหลายวงการ รวมถึงวงการการศึกษา
หลายบริษัทในตอนนี้ใช้ AI เพื่อจัดการการจัดหาวัสดุและผลิตภัณฑ์จากซัพพลายเออร์ และเพื่อบูรณาการข้อมูลจำนวนมากสำหรับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และเนื่องจากความสามารถในการประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว เครื่องมือ AI จึงช่วยประหยัดเวลาอันมีค่าไม่ให้เสียไปกับการลองผิดลองถูกในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งนับเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยาที่อาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อผลิตยาชนิดใหม่ออกสู่ตลาด Fuller กล่าว
ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพเห็นโอกาสในการใช้ AI มากมาย รวมถึงการเรียกเก็บเงินและการประมวลผลเอกสารที่จำเป็น และผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์คาดหวังว่าผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและจะเกิดขึ้นได้ทันทีคือการวิเคราะห์ข้อมูล การถ่ายภาพ และการวินิจฉัยโรค ลองนึกภาพว่าถ้าเรามีความสามารถในการนำความรู้ทางการแพทย์ทั้งหมดที่มีอยู่เกี่ยวกับโรคนั้นๆ มาใช้ประกอบการตัดสินใจรักษาโรคดูสิ
ในการจ้างงาน ซอฟต์แวร์ AI จะคัดเลือกและประมวลผลเรซูเม่ และวิเคราะห์เสียงและการแสดงออกทางสีหน้าของผู้สมัครงานในขั้นตอนการสัมภาษณ์ และผลักดันการเติบโตของงานแบบ “ไฮบริด” แทนที่ AI จะเข้ามาแทนพนักงาน AI จะรับหน้าที่ทางเทคนิคที่สำคัญในเนื้องานไปแทน เช่น การกำหนดเส้นทางสำหรับรถขนส่งพัสดุ ซึ่งอาจช่วยให้พนักงานมีเวลาไปทำหน้าที่อื่นๆ และทำให้พวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีคุณค่าต่อนายจ้างมากขึ้นในที่สุด
“AI ช่วยให้พนักงานทำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้นหรือทำให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยลง หรือช่วยให้ใช้ความเชี่ยวชาญของพนักงานในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” ฟูลเลอร์กล่าว จากผลการวิจัยผลกระทบและทัศนคติของคนงานที่สูญเสียหรือมีแนวโน้มที่จะสูญเสียงานให้กับ AI
“เครื่องจักรอัจฉริยะสามารถคิดได้ดีกว่าเราหรือไม่ หรือมีองค์ประกอบบางอย่างในการใช้วิจารณญาณของมนุษย์ที่ยังขาดไม่ได้สำหรับการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของชีวิต?”- Michael Sandel นักปรัชญาการเมือง และ Anne T. และ Robert M. Bass อาจารย์ด้านการปกครอง
ถึงแม้ว่าเราจะใช้ระบบอัตโนมัติกันไปอีกนาน แต่การกำจัดงานทั้งหมวดหมู่เพราะนิยมใช้ AI มากกว่า เช่น งานพนักงานเก็บเงินค่าทางด่วนที่จะถูกแทนที่ด้วยเซ็นเซอร์นั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นไปอีกนานนัก Fuller กล่าวไว้
แต่ด้วยซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ดึงข้อมูลจากบัญชีธนาคาร ภาษี และข้อมูลการทำบัญชีออนไลน์ของธุรกิจ แล้วนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลจากธุรกิจที่คล้ายคลึงกันหลายพันแห่ง ทำให้แม้แต่ธนาคารชุมชนขนาดเล็กก็สามารถประเมินผลให้ได้ภายในไม่กี่นาทีโดยไม่ต้องกังวลกับกองเอกสารและความล่าช้า และเช่นเดียวกับการออดิชั่นโดยไม่เห็นหน้าของนักดนตรี ไม่ต้องกลัวว่าจะมีความไม่เท่าเทียมใดๆ คืบคลานเข้ามากวนการตัดสินใจอีกด้วย
“เรื่องทั้งหมดนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว” เธอกล่าว
บรรทัดแห่งความเป็นกลาง
ใช่ว่าทุกคนจะเห็นแสงสว่างที่ปลายทางเหมือนกันหมด หลายคนกังวลว่ายุคของ AI ที่กำลังจะมาถึงจะนำมาซึ่งวิธีการใหม่ๆ ที่เร็วขึ้นโดยปราศจากแรงเสียดทานในการเลือกปฏิบัติและแบ่งแยกอย่างกว้างขวาง
“ส่วนหนึ่งที่น่าสนใจของการตัดสินใจด้วยอัลกอริทึมคือดูเหมือนว่าจะเป็นวิธีที่ไม่มีอคติเพื่อการเอาชนะอัตวิสัย อคติ และความลำเอียงของมนุษย์” Michael Sandel นักปรัชญาการเมือง, Anne T. และ Robert M. Bass อาจารย์ด้านการปกครองกล่าว “แต่เราพบว่าอัลกอริทึมจำนวนมากที่ตัดสินใจเรื่องอย่างเช่นว่าใครควรได้รับการปล่อยตัวแบบมีเงื่อนไข หรือใครควรได้รับโอกาสในการจ้างงาน หรือได้รับที่อยู่อาศัย… จะตัดสินใจซ้ำเดิมตามอคติที่ฝังแน่นอยู่แล้วในสังคมของเรา”
ด้วยพลังและความแพร่หลายที่เห็นได้ชัดของ AI ทำให้มีคนเสนอว่าควรมีการควบคุมการใช้ AI อย่างเข้มงวด แต่มีฉันทามติเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเกี่ยวกับวิธีการควบคุมและใครควรสร้างกฎ
จนถึงขณะนี้บริษัทที่พัฒนาหรือใช้ระบบ AI ส่วนใหญ่จะใช้วิธีตรวจสอบตนเองโดยอาศัยกฎหมายที่มีอยู่และพลังของตลาด เช่น ปฏิกิริยาเชิงลบจากผู้บริโภคและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือความต้องการของผู้มีความสามารถทางเทคนิค AI ค่าตัวแพงที่ต้องการรักษามาตรฐานของ AI
“หน่วยงานกำกับดูแลไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลหากไม่ได้มีความตั้งใจและการลงทุนอย่างจริงจัง” Fuller กล่าว โดยระบุว่าด้วยอัตราการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็วหมายความว่าแม้แต่สมาชิกสภานิติบัญญัติที่มีความรอบรู้มากที่สุดก็ยังตามความรวดเร็วนี้ไม่ทัน การกำหนดให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้ AI ทุกรายการต้องผ่านการคัดกรองล่วงหน้าสำหรับอันตรายทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นไม่เพียงแต่เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ แต่ยังส่งผลเสียต่อความก้าวหน้าทางนวัตกรรมอีกด้วย
“ผมจะไม่สร้างกลุ่ม AI กลางที่มีแผนกผลิตรถ แต่ผมจะให้กลุ่มคนผลิตรถสร้างแผนกสำหรับคนในกลุ่มที่เก่งเรื่อง AI จริงๆ”
— Jason Furman อาจารย์ด้านนโยบายเศรษฐกิจเชิงปฏิบัติแห่ง Kennedy School และอดีตที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระดับสูงของประธานาธิบดี Barack Obama
Jason Furman อาจารย์ด้านนโยบายเศรษฐกิจเชิงปฏิบัติแห่ง Harvard Kennedy School ยอมรับว่าหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐต้องการ “ความเข้าใจทางเทคนิคที่ดีกว่านี้เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์เพื่อให้ทำงานได้ดี” แต่กล่าวว่าพวกเขาสามารถทำได้
หน่วยงานที่มีอยู่เช่นสมาคมความปลอดภัยในการคมนาคมบนทางหลวงแห่งชาติซึ่งกำกับดูแลความปลอดภัยของยานพาหนะสามารถจัดการปัญหา AI ที่อาจเกิดขึ้นในยานพาหนะอัตโนมัติได้ แทนที่จะต้องมีหน่วยงานเฝ้าระวังเพียงหน่วยงานเดียว เขากล่าว
“ผมจะไม่สร้างกลุ่ม AI กลางที่มีแผนกผลิตรถ แต่ผมจะให้กลุ่มคนผลิตรถสร้างแผนกสำหรับคนในกลุ่มที่เก่งเรื่อง AI จริงๆ” Furman อดีตที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระดับสูงของประธานาธิบดี Barack Obama กล่าว
แม้ว่าการรักษากฎระเบียบ AI ภายในอุตสาหกรรมเองจะทำให้เสียโอกาสในการสร้างการบังคับใช้ร่วมกัน แต่ Furman กล่าวว่าคณะกรรมการเฉพาะอุตสาหกรรมจะมีความรู้มากกว่าเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ครอบคลุมหลากหลายในขณะที่ AI เป็นเพียงองค์ประกอบเดียวในเทคโนโลยีดังกล่าว ซึ่งจะทำให้การกำกับดูแลได้อย่างละเอียดยิ่งขึ้น
ในขณะที่สหภาพยุโรปมีกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่เข้มงวดบังคับใช้แล้ว และคณะกรรมาธิการยุโรปอยู่ระหว่างการพิจารณากรอบการกำกับดูแลอย่างเป็นทางการสำหรับการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม แต่รัฐบาลสหรัฐฯ มักจะทำเรื่องกฎระเบียบด้านเทคโนโลยีช้ากว่าภูมิภาคอื่นเสมอ
โคแฟคได้รับข้อมูลจากอดีตนักกิจกรรมทางสังคมที่เป็นผู้ริเริ่มแคมเปญร้องเพลงเพื่อสันติภาพว่า ในช่วงปี 2557 สังคมไทยเผชิญความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรง กลุ่มของเธอจึงคิดกิจกรรมที่จะทำให้คนที่เห็นต่างกันอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ เกิดเป็นกิจกรรมที่ชื่อว่า “Fill Love in the Blank: เติมรักลงในช่องว่าง” ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิลที่พูดถึงความสำคัญของความรักในการเชื่อมผู้คนที่มีความคิดความเชื่อต่างกัน โดยนายปดิพัทธ์ ซึ่งขณะนั้นเป็นเลขาธิการสมาคมนักศึกษาคริสเตียนไทยได้มาร่วมกิจกรรมด้วย