ไขความจริงบุหรี่ไฟฟ้า 2568: ข่าวลวงที่คุณต้องรู้ก่อนสูบ
วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 – ในโอกาสวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคม รายการ โคแฟคสนทนา รวมพลคนเช็กข่าว ตอนที่ 3 นำโดย สุชัย เจริญมุขยนันทดำเนินรายการ พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญ รศ. ดร. พญ.เริงฤดี ปธานวนิช จากภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชนคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดล , สุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้ง COFACT และ พลินี เสริมสินสิริ จาก COFACT ประเทศไทย ได้เจาะลึกประเด็น “ข่าวจริง-ข่าวปลอม” เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าในปี 2568 เพื่อไขข้อข้องใจเกี่ยวกับความเชื่อผิด ๆ ที่แพร่หลายในสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน พร้อมตอบคำถามสำคัญ 8 ข้อที่ได้รับความสนใจอย่างมาก
รายการเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบความจริงเกี่ยวกับสารอันตรายในบุหรี่ไฟฟ้า คำถามแรกที่หลายคนสงสัยคือ มีน้ำยาดองศพในบุหรี่ไฟฟ้าจริงหรือไม่? รศ. ดร. พญ.เริงฤดี ยืนยันว่าเป็นความจริง สารฟอร์มาลดีไฮด์ หรือน้ำยาดองศพ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งพบในบุหรี่ไฟฟ้า เกิดจากส่วนผสมอย่างกลีเซอรอลหรือโพรพิลีนไกลคอลที่ถูกความร้อนจนแตกตัว งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยมินนิโซตาและแหล่งอื่น ๆ ยืนยันว่าสารนี้มีปริมาณที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ต่อมา มีความเชื่อว่ารัฐบาลโจมตีบุหรี่ไฟฟ้าเพราะไม่ได้เก็บภาษี จริงหรือ? คุณหมอเริงฤดีชี้แจงว่าไม่จริงการรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้ามาจากอันตรายต่อสุขภาพ ไม่ใช่เรื่องภาษี โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งพบว่าเกือบ 40% ของผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นกลุ่มนี้ แม้ถูกกฎหมาย เยาวชนก็ไม่สามารถซื้อได้ตามกฎหมาย และการทำให้ถูกกฎหมายอาจส่งสัญญาณผิด ๆ ว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัย

ข้ออ้างเรื่องภาษีมักมาจากกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับบริษัทบุหรี่เพื่อผลักดันให้ถูกกฎหมาย ซึ่งไม่สอดคล้องกับผลกระทบด้านสุขภาพ เช่น ค่ารักษาพยาบาลจากโรคปอดอักเสบในเด็กที่เกิดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า
ข้อสงสัยต่อมาคือ สารปรุงแต่งกลิ่นในบุหรี่ไฟฟ้าที่เหมือนขนมหรืออาหารทั่วไป จริงหรือไม่? คุณหมอยืนยันว่าจริง บุหรี่ไฟฟ้ามีสารปรุงแต่งกลิ่นมากถึง16,000 ชนิดตามรายงานขององค์การอนามัยโลกเช่น สารไดอะซีติลที่ใช้ในเนยหรือป๊อปคอร์นปลอดภัยเมื่อรับประทาน แต่เป็นอันตรายเมื่อสูดดมเข้าปอด สารเหล่านี้ในรูปแบบไอระเหยอาจทำร้ายระบบทางเดินหายใจ
อีกความเชื่อที่ว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่นำไปสู่การสูบบุหรี่ธรรมดา ถูกหักล้างโดยงานวิจัยทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ คุณหมอเริงฤดีเผยว่าการศึกษาในนักเรียนชั้น ม.1 ที่ติดตาม 1 ปี พบว่าเด็กที่เริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีโอกาสสูบบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า ต่างประเทศระบุว่าอาจสูงถึง 2-10 เท่า แสดงให้เห็นว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็น “ประตู” สู่การสูบบุหรี่ธรรมดา
ประเด็นที่ว่านิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตราย คุณหมอระบุว่าไม่จริง นิโคตินเป็นสารเสพติดรุนแรงเทียบเท่าเฮโรอีน ทำให้เลิกยาก และส่งผลต่อหัวใจ ปอด และพัฒนาการสมองในเด็ก โดยเฉพาะวัยรุ่นที่สมองยังพัฒนาไม่เต็มที่ ปริมาณนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้ามีความเข้มข้นสูงกว่าบุหรี่ธรรมดา และบางครั้งถูกเรียกว่า“ยาพิษ” ในต่างประเทศ
หลายคนเข้าใจว่าบุหรี่ไฟฟ้าให้ “ไอน้ำ” ไม่ใช่ควัน จึงปลอดภัย คุณหมอชี้ว่าไม่จริง ไอจากบุหรี่ไฟฟ้าเป็นไอระเหยของสารเคมี เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์, โลหะหนัก(ตะกั่ว, ปรอท), สารก่อมะเร็ง และอนุภาคขนาดเล็กที่เล็กกว่า PM 2.5 ซึ่งเข้าสู่ปอดได้ลึกและเป็นอันตรายการเรียกว่า “ไอน้ำ” เป็นความเข้าใจผิดที่แพร่ในโซเชียลมีเดีย

ส่วนคำถามที่ว่าสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ติดนั้น คุณหมอยืนยันว่าไม่จริง บุหรี่ไฟฟ้ามีนิโคตินในปริมาณสูง โดยเฉพาะรุ่นใหม่ ๆ ที่ 1 แท่งอาจเทียบเท่าบุหรี่ธรรมดา20-400 มวน งานวิจัยพบว่าเด็กที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีพฤติกรรมเสพติดรุนแรง เช่น ต้องสูบทันทีภายใน 5 นาทีหลังตื่นนอน ซึ่งบ่งชี้ถึงการเสพติดที่รุนแรงกว่าบุหรี่ธรรมดา
ความเชื่อที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา95% ถูกหักล้างว่าไม่จริง ข้อมูลนี้มาจากรายงานที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทบุหรี่ ซึ่งขาดความเป็นกลางงานวิจัยล่าสุดระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายไม่ต่างจากบุหรี่ธรรมดา และบางกรณีพบผลกระทบที่ไม่เคยพบในบุหรี่ธรรมดา เช่น โรคปอดอักเสบเฉียบพลันในเด็ก
นอกจากนี้ ผู้ชมถามว่าในประเทศไทยมีข้อมูลเด็กป่วยหรือเสียชีวิตจากบุหรี่ไฟฟ้าหรือไม่ คุณหมอระบุว่า ยังไม่มีระบบเก็บข้อมูลอย่างเป็นทางการ แต่มีรายงานข่าวจำนวนมากเกี่ยวกับเด็กที่ป่วยด้วยโรคปอดอักเสบเฉียบพลันและปัญหาหัวใจจากบุหรี่ไฟฟ้า ในต่างประเทศเริ่มมีการเก็บข้อมูล แต่เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ งานวิจัยยังอยู่ในช่วงพัฒนา กลุ่มที่สนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้ามักปฏิเสธความเชื่อมโยงกับโรคโดยอ้างว่ายังไม่มีหลักฐานชัดเจน ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ

อีกคำถามคือ บุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่มวนได้หรือไม่? คุณหมอชี้ว่าไม่จริง องค์การอนามัยโลกและองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ ยังไม่รับรองว่าบุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ งานวิจัยพบว่าผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเลิกบุหรี่มักสูบทั้งสองอย่างหรือเปลี่ยนไปติดบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งทางการแพทย์ไม่ถือว่าเป็นการเลิกบุหรี่ เพราะยังคงพึ่งพานิโคติน
นายณรงค์ แสงศร หรือ “หมอบ้านดง” อดีตสาธารณสุขอำเภอตระการพืชผล เข้าร่วมผ่าน Zoom แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้าในชุมชน โดยเฉพาะในเยาวชน และเสนอให้หน่วยงานสาธารณสุขและสถานศึกษารณรงค์อย่างจริงจัง พร้อมฝากให้มีการเผยแพร่ข้อมูลเพื่อตีแผ่อันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า
รศ. ดร. พญ.เริงฤดี สรุปว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัย มีสารอันตรายมากมาย เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์, นิโคติน, โลหะหนัก และอนุภาคขนาดเล็ก โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่นที่ถูกหลอกล่อด้วยรูปลักษณ์และรสชาติผู้ปกครอง ครู และสังคมต้องช่วยกันปกป้องเยาวชนและควรตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่นกระทรวงสาธารณสุข หรือโรงพยาบาล แทนการเชื่อโฆษณาในโซเชียลมีเดีย