กินยาไมเกรนพร้อมกับยาต้านเอชไอวี อาจเสียชีวิต?

เราควรกินยาต้านเอชไอวีและ PrEP/PEP พร้อมกับยาไมเกรนได้หรือไม่?

ก่อนหน้านี้อาจจะมีข่าวที่ทำให้ประชาชนหลายท่านเกิดความไม่สบายใจและกังวล เมื่อมีข่าวออกมาเกี่ยวกับการทานยาต้านเอชไอวี ทั้งชนิดเพื่อรักษาเอชไอวี และชนิดที่เป็นยาต้านฉุกเฉิน (PEP – Post-Exposure Prophylaxis) และหลังจากนั้นก็ได้ทานยาไมเกรนบางชนิด ทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงที่ขา หรือบางรายก็ทำให้เกิดการเสียชีวิตหลังจากนั้นทันที แล้วมันจริงหรือไม่ที่ไม่ควรทานยาไมเกรนบางชนิดในขณะที่ทานยาต้านเอชไอวี? บทความนี้มีคำตอบมาให้ติดตาม

สมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทย ได้ทำการเก็บข้อมูลและรวบรวมสถานการณ์การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาซึ่งก่อให้เกิดอันตรายขั้นรุนแรง ระหว่างยาต้านไวรัสเอชไอวี กลุ่ม Protease Inhibitor กับยากลุ่ม ergotamine ซึ่งพบ 2 เคสแรกที่มีการรายงานขึ้น ได้แก่

กรณีที่ 1 : ผู้ช่วยทันตแพทย์ไม่ได้ติดเชื้อเอชไอวี แต่เกิดเหตุโดนเข็มตำ ทำให้ต้องทานยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี (PEP) สูตร AZT/3TX/lopinavir/r โดยหลังได้รับประทานยาก็มีอาการปวดศีรษะ จึงได้ไปซื้อยารักษาอาการไมเกรนสูตร ergotamine และ caffeine และได้รับประทานไปหนึ่งเม็ด ต่อมามีอาการปลายมือปลายเท้าเขียว เย็นซีด เพลีย หน้ามืด ต้องไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา แพทย์วินิจฉัยพบเกิดปลายอวัยวะขาดเลือดจนมีเนื้อตาย และต้องถูกตัดเท้าสองข้างในที่สุด

กรณีที่ 2 : ผู้ติดเชื้อเอชไอวี รับประทานยาต้านไวรัสสูตร lopinavir/r และได้มาโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดโดยให้ยาชาทางไขสันหลัง หลังจากการผ่าตัดคนไข้เกิดอาการปวดศีรษะ แพทย์ได้จ่ายยาหลายชนิดแต่อาการไม่ดีขึ้น แพทย์จึงสั่งยา Cafergot® ให้ ต่อมาคนไข้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนรุนแรง เพลีย หน้ามืด ความดันโลหิตลดลง ปลายแขนขาเขียวคล้ำ และเสียชีวิตในที่สุด

จากทั้ง 2 เคสนี้ทำให้สมาคมโรดเอดส์แห่งประเทศไทย และบุคลากรทางการแพทย์ได้ดำเนินการวิเคราะห์และสั่งห้ามให้ยาชนิดนี้ร่วมกับยาต้านเอชไอวีเด็ดขาด ซึ่งการรับประทานยาไมเกรนร่วมกับยาต้านไวรัสเอชไอวีบางชนิดอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะยาต้านไวรัสกลุ่มโปรตีเอสอินฮิบิเตอร์ (Protease Inhibitors) เช่น Lopinavir/Ritonavir เมื่อใช้ร่วมกับยาไมเกรนกลุ่มเออร์กอตามีน (Ergotamine) ปฏิกิริยานี้อาจทำให้ระดับยาเออร์กอตามีนในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นำไปสู่ภาวะหลอดเลือดหดตัวรุนแรง (Ergotism) ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

ดังนั้น หากคุณกำลังรับประทานยาต้านเอชไอวีและต้องการใช้ยาไมเกรน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้ยาร่วมกันปลอดภัยและไม่มีปฏิกิริยาที่เป็นอันตราย ที่สำคัญที่สุดคืออย่าซื้อยาทานเองเด็ดขาด รวมไปถึงหากต้องไปพบแพทย์ให้แจ้งโรคประจำตัวและยาที่ทานปัจจุบัน เพื่อแพทย์และเภสัชกรสามารถจ่ายยาที่ไม่ขัดกับยาที่ทานอยู่ จนส่งผลเสีย หรือทำให้เกิดการเสียชีวิตได้นั่นเอง


แหล่งอ้างอิง

  • สมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทย