เปิดไทม์ไลน์ 4 ระยะรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย
รัฐบาลวางแผนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกยก ปัดฝุ่นแผนเดิม 4 ระยะรับคนไม่ติดโควิด ฉีดวัคซีนครบเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว พักผ่อนในประเทศไทย จับตา “Phuket Sandbox” จะล่มหรือไม่ในรอบสอง ตั้งเป้าหมายเอาไว้หนาว ๆ เปิดรับ 1 ก.ค.นี้ ส่วนปีหน้าเปิดเดินทางได้อย่างอิสระ
พากันสั่นคลอนความมั่นใจไปไม่น้อยเลย หลังจากประเทศไทยพบกับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเฉียด 5,000 รายในวันเดียว โดยเฉพาะฝั่งขับเคลื่อนนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศผ่านการท่องเที่ยวซึ่งล่าสุดเพิ่งจะคลอดแผนการทำงานใหม่อีกครั้ง หลังเจอผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ในระลอกใหม่เดือนเม.ย. ที่ผ่านมา
กองบรรณาธิการเฉพาะกิจ TJA&Cofact ได้มีการตรวจสอบรายละเอียดจากเอกสารการประชุมคณณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) ครั้งที่ 2/1264 ที่ประชุมผ่านระบบ Video Conferenceโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข มอบหมายให้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมแทนเมื่อต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบแนวทางการเปิดประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว นำเสนอโดยสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ตามแผนได้มีการกำหนดเอาไว้ด้วยกัน 4 ระยะ แบ่งเป็น
ระยะที่ 1 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 30 มิ.ย.2564 ตามแผนนี้เดิมกระทรวงการท่องเที่ยวตั้งใจจะเปิดนำร่องทำโครงการ Phuket Sandbox หรือการทดลองพื้นที่นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว และมีใบรับรองการฉีดวัคซีน รวมถึงมีผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่าเป็นลบ สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัก แต่ให้อยู่ในพื้นที่จำกัด 7 วัน แต่เนื่องจากประเทศไทยเกิดการระบาดของไวรัสโควิดระลอกเดือนเม.ย. ทำให้แผนเปิด Phuket Sandbox ต้องถูกพับลงไปชั่วคราวในระยะแรก
ดังนั้นจึงเหลือเพียงการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้ว มีใบรับรองการฉีดวัคซีน และกักตัวตามระยะเวลาที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 (ศบค.) กำหนด นั่นก็คือเมื่อเข้ามาในประเทศไทยมรข่วงระยะแรกยังต้องเข้ารับการกักตัว 14 วัน
ระยะที่ 2 เริ่มตั้งแต่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.2564 ในระยะนี้ถือเป็นเป้าหมายใหม่ที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้จัดทำขึ้น โดยยกโครงการ Phuket Sandbox มาดำเนินการในช่วงนี้แทน ซึ่งแนวทางการดำเนินการยังคงแผนเดิมนั่นคือ เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว และมีใบรับรองการฉีดวัคซีน รวมถึงมีผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นลบ สามารถเข้ามาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้โดยที่ไม่ต้องมีการกักตัว เป็นเวลา 7 วัน และมีการตรวจหาเชื้อ ถ้าไม่พบว่าติดเชื้อ ก็สามารถเดินทางไปในพื้นที่อื่น ๆ ในประเทศไทยได้
สำหรับการดำเนินการระยะนี้ ได้รับการยืนยันจาก นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาว่า รัฐบาลยังยืนยันผลักดันโมเดล Phuket Sandbox ตอนนี้จะเร่งจัดหาวัคซีน เพื่อนำมาฉีดให้ประชากรในจังหวัดภูเก็ต รวมถึงเจ้าหน้าที่สาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวให้ได้ไม่ต่ำกว่า 70% ของจำนวนประชากรในพื้นที่ 9.5 แสนโดส พร้อมควบคุมให้จำนวนผู้ติดเชื้อในภูเก็ตเป็นศูนย์ให้ได้ หรือติดเชื้อในหลัก 10 เท่านั้นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศ
ขณะเดียวกันในการดำเนินการในระยะนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังเตรียมจัดหาสิ่งจูงใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติตัดสินใจเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วงระยะที่ 2 นี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. – 30 ก.ย.2564 ตั้งเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาให้ได้ 1.29 แสนคน โดยจะมีการจัดหาตั๋วเครื่องบินในประเทศ ประมาณ 1 แสนใบ ราคาไม่เกิน 2,000 บาท แบบเที่ยวเดียว สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในภูเก็ตผ่านโครงการนี้ เมื่อครบเวลา 7 วัน ก็ได้รับตั๋วเครื่องบินเดินทางไปพื้นที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ได้ทันที เพื่อช่วยกระจายการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว
รวมไปถึงการจัดทำเส้นทางนำร่องที่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการของรัฐ (Seal Area) เช่น จากภูเก็ตไปเกาะต่าง ๆ ในระยะทางใกล้ ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้กับนักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางมาในประเทศไทยได้ตามเป้าหมาย โดยตอนนี้จะเปิดฟรีทั้งการเดินทางเข้ามาเป็นกรุ๊ปทัวร์ หรือเดินทางมาด้วยตัวเอง (Free Individual Travelers : F.I.T)
ระยะที่ 3 เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค. – 31 ธ.ค.2564 ในระยะนี้จะผ่อนคลายพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเติมนอกเหนือจากจังหวัดภูเก็ต โดยเลือกจังหวัดที่มีศักยภาพทางทางการท่องเที่ยวของไทยเป็นหลัก ที่ผ่านมามีการเห็นชอบพื้นที่นำร่องไปแล้ว 5 พื้นที่ คือจังหวัดกระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี (สมุย-พะงัน-เต่า) ชลบุรี (พัทยา) และเชียงใหม่ โดยจะดำเนินการเช่นเดียวกับ Phuket Sandbox
อย่างไรก็ตามในการดำเนินการในระยะนี้ ล่าสุดในการประชุม ท.ท.ช. ได้เห็นชอบให้เพิ่มพื้นที่นำร่องเพิ่มเติมอีก 4 แห่ง คือ กรุงเทพฯ บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ให้เหตุผลของการเพิ่มพื้นที่ 4 จังหวัดนี้ว่า จังหวัดแรกที่เพิ่มเข้ามา คือ กรุงเทพฯ ถือเป็นจุดหลายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ขณะที่ จังหวัดบุรีรัมย์ มีเหตุผลว่า จำเป็นต้องเปิดรองรับการจัดการแข่งขันกีฬาหลายรายการ โดยเฉพาะการแข่งขันโมโต จีพี ในเดือน ต.ค. 2564 จึงจำเป็นต้องเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้
ส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นแหล่งพักผ่อนที่สำคัญของทั้งชาวไทยและต่างชาติและเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะหัวหิน ซึ่งตอนนี้มีโครงการหัวหิน รีชาร์จ ตั้งเป้าหมายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา 1 แสนคน สร้างรายได้การท่องเที่ยว 1,200 ล้านบาท ขณะที่จังหวัดเพชรบุรี ก็ถือเป็นพื้นที่เชื่อมโยงกับกรุงเทพฯ และประจวบคีรีขันธ์ และมีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางมาพักผ่อนเป็นประจำ
หากทำได้ตามแผนจนถึงในไตรมาสนี้ กระทวงการท่องเที่ยวฯ ตั้งเป้าหมายว่า ทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาได้ 3-4 ล้านคน หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 3 แสนล้านบาท
ระยะที่ 4 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2565 เป็นต้นไป ซึ่งระยะนี้ ถือเป็นระยะสุดท้ายตามแผน คือ จะเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติทุกคนที่ฉีดวัคซีนครบ และมีใบรับรองการฉีดวัคซีน รวมถึงมีผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นลบ สามารถเดินทางไปเที่ยวในประเทศไทยที่ไหนก็ได้ (หากไม่มีประกาศพื้นที่เพิ่มเติมในการควบคุม) โดยระยะนี้ถือว่า การท่องเที่ยวจะค่อย ๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามแผนการดำเนินงานทั้ง 4 ระยะ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันอย่างใกล้ชิด ว่าจะยังคงมีความรุนแรง หรือมีระยะเวลาการแพร่ระบาดที่ยาวนานมากแค่ไหน รวมไปถึงการติดตามสถานการณ์ของการจัดหา กระจาย และการฉีดวัคซีนโควิด-19 ด้วยว่า จะดำเนินการได้ตามแผนของรัฐบาลที่ตั้งเอาไว้หรือไม่ด้วย