แกะรอยข่าวการเมือง: เทคนิคตรวจสอบข้อเท็จจริงท่ามกลางเกมการเมืองที่พลิกผัน

กิจกรรม

วันที่ 9 กันยายน 2568 รายการโคแฟคสนทนา รวมพลคนเช็กข่าว ตอน “Fact, Fast & Furious: แกะรอยข่าวการเมือง เช็กอย่างไรให้ชัวร์” ออกอากาศเวลา19:00-19:30 น. นำโดย สุชัย เจริญมุขยนันท ผู้ดำเนินรายการ ร่วมด้วยผู้ร่วมเสวนา สุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้ง COFACT, สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์บรรณาธิการข่าวการเมือง ช่อง 3 และวิชาธร วงษ์พันธุ์รองบรรณาธิการบริหาร เนชั่นทีวี ร่วมถกประเด็นการตรวจสอบข่าวการเมืองในยุคที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงที่การเมืองไทยอยู่ในภาวะ “สามก๊ก” พร้อมให้คำแนะนำแก่ผู้บริโภคข่าวและสื่อมวลชนในการแยกแยะข้อเท็จจริง

การเมืองเปลี่ยนไว ข่าวจริง-ไม่จริงท้าทายการตรวจสอบ

สุภิญญา กลางณรงค์ เปิดประเด็นด้วยการแสดงความเสียใจต่อนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 และครอบครัวที่ต้องเผชิญสถานการณ์ยากลำบาก พร้อมชี้ว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา การเมืองไทยเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วราว “หน้ามือเป็นหลังมือ” ตั้งแต่การเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปจนถึงข่าวลือเรื่องยุบสภาและการเดินทางไปต่างประเทศของอดีตนายกฯ สุภิญญากล่าวว่า “ข่าวการเมืองเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ข่าวที่ไม่จริงเมื่อวาน อาจกลายเป็นจริงวันนี้” ทำให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากข่าวการเมืองไม่เหมือนข่าววิทยาศาสตร์ที่ยึดหลักการชัดเจน แต่เต็มไปด้วยเกมการเมืองและการชิงไหวชิงพริบ

เทคนิคตรวจสอบข่าวให้ “ชัวร์” จากมืออาชีพ

สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์ บรรณาธิการข่าวการเมือง ช่อง3 อธิบายว่า การตรวจสอบข่าวการเมืองต้องยึดหลักการตรวจสอบจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเร็ว เช่น การจัดตั้งรัฐบาลครั้งล่าสุดที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลบ่อยครั้ง เธอยกตัวอย่างกรณีพรรคเพื่อไทยที่นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค กล่าวถึงการยุบสภาในสื่อหนึ่ง แต่เมื่อถูกถามซ้ำกลับปฏิเสธ ก่อนที่นายภูมิธรรม เวชยชัย จะยืนยันในวันรุ่งขึ้นว่ามีการดำเนินการทูลเกล้าฯเพื่อยุบสภาไปแล้ว สมฤทัยชี้ว่า “ข่าวการเมืองไม่ใช่ข่าวปลอม แต่เป็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ผู้บริโภคต้องเข้าใจว่าเป็นเกมการเมือง และต้องตามให้ทัน” 

เธอยังยกตัวอย่างกรณีพรรคประชาชนที่เกิดความสับสนเมื่อมีข่าวว่านายเท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิหัวหน้าพรรคประชาชน จะแถลงมติสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย แต่สุดท้ายผู้แถลงกลายเป็นนายไอติมพริษฐ์ วัชรสินธุโดยระบุว่ายังไม่มีมติ สมฤทัยอธิบายว่า สื่อต้องตรวจสอบซ้ำจากแหล่งข่าวทั้งในและนอกพรรค รวมถึงการประสานงานระหว่างทีมข่าวในสนามและกองบรรณาธิการเพื่อยืนยันความถูกต้อง โดยเน้นว่า “เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน สื่อต้องยืนยันข้อมูลที่มั่นใจ และยอมรับว่าข้อมูลอาจเปลี่ยนได้ตามบริบท”

วิชาธร วงษ์พันธุ์ รองบรรณาธิการบริหาร เนชั่นทีวีเสริมว่า การตรวจสอบข่าวการเมืองต้องตรงไปที่แหล่งข่าวหลัก เช่น บุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงในโผครม. โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ข้อมูล “ดิ้นได้” เช่น การปรับครม. ที่มีการเปลี่ยนแปลงโควต้ารัฐมนตรีบ่อยครั้ง วิชาธรเล่าว่า ทีมข่าวต้องเกาะติดแหล่งข่าวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ “คีย์แมน” ในพรรคการเมือง และบางครั้งต้องปกป้องแหล่งข่าวด้วยการตรวจสอบข้อมูลจากช่องทางอื่นเพื่อไม่ให้แหล่งข่าวถูกเปิดเผยเขายกตัวอย่างกรณีพลเอกณัฐพลที่ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งเป็นข่าวใหม่ที่ไม่มีสัญญาณมาก่อน โดยทีมข่าวช่อง 3 ต้องตรวจสอบซ้ำหลายรอบเพื่อยืนยันความถูกต้อง

วิชาธรยังกล่าวถึงความท้าทายในการแข่งขันด้านความเร็วของสื่อออนไลน์ ที่มักต้องลงข่าวทันทีเมื่อยืนยันประเด็นหลักได้ แม้ว่ารายละเอียดจะตามมาภายหลัง เช่น การยืนยันว่าเพื่อไทยยุบสภา ก่อนลงรายละเอียดเพิ่มเติมในโพสต์ถัดไป ซึ่งต่างจากสื่อทีวีที่เน้นความสมบูรณ์ของเนื้อหา

ข่าวที่เช็คยากที่สุดในการเมืองยุคสามก๊ก

สมฤทัยระบุว่า ข่าวที่เช็คยากที่สุดคือช่วงที่พรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยมีการชิงไหวชิงพริบ โดยเฉพาะวันที่พรรคประชาชนเปลี่ยนกำหนดการแถลงมติจาก 10:00 น. เป็น 9:00 น. และสุดท้ายแถลงเร็วกว่ากำหนดเพื่อตอบโต้ข่าวยุบสภาของเพื่อไทย เธอชี้ว่าสถานการณ์นี้ไม่ใช่ข่าวปลอม แต่เป็นการปล่อยข่าวเพื่อลวงหรือชิงความได้เปรียบ ซึ่งสื่อและผู้บริโภคต้องระวัง

วิชาธรเสริมว่า ข่าวที่ยากที่สุดคือการตัดสินใจของสองขั้วการเมืองสำคัญที่เปลี่ยนจากสนับสนุนเพื่อไทยไปเป็นภูมิใจไทย โดยไม่มีสัญญาณล่วงหน้า เช่น กรณีของนายธรรมนัสที่ย้ายมาอยู่กับภูมิใจไทยและได้ตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งต่างจากเพื่อไทยที่อาจไม่ให้ตำแหน่ง เขาย้ำว่า สื่อต้องตรวจสอบเหตุผลเบื้องลึกอย่างละเอียด แต่บางครั้งแหล่งข่าวก็ไม่เปิดเผยความจริงทั้งหมด

เรตติ้งคุณภาพ: ทางออกของสื่อน้ำดี

แนวคิด “เรตติ้งคุณภาพ” ซึ่งเกิดจากการหารือในหลักสูตรของ บยส.24 ร่วมกับสมฤทัยและวิชาธร โดยชี้ว่า การวัดเรตติ้งแบบเดิมที่เน้นจำนวนผู้ชมอาจไม่สะท้อนคุณภาพของเนื้อหา วิชาธรเสนอให้มีเกณฑ์วัดเรตติ้งในเชิงคุณภาพ เช่น ความถูกต้องตามจรรยาบรรณสื่อ การนำเสนอสองมุมอย่างสมดุล และการหลีกเลี่ยงเนื้อหาที่ละเมิดกฎหมาย เช่น การเปิดเผยข้อมูลเด็กหรือการใช้ภาพรุนแรง “ถ้ามีเรตติ้งคุณภาพสื่อน้ำดีจะได้รับการสนับสนุนมากขึ้น และสังคมจะได้ประโยชน์จากเนื้อหาที่มีคุณภาพ”

สมฤทัยเห็นด้วยว่า การวัดเรตติ้งคุณภาพเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ แต่ท้าทาย เพราะต้องเปลี่ยนกรอบการวัดที่พ่วงกับผลประโยชน์ทางการค้า วิชาธรเสริมว่า สื่อที่เน้นความเร็วอาจเสียเปรียบในด้านความถูกต้อง แต่การวัดคุณภาพจะช่วยยกระดับวงการสื่อ

สมฤทัยแนะนำให้ผู้บริโภคข่าวติดตามอย่างมีสติ เก็บข้อมูลให้มากที่สุดเพื่อใช้ตัดสินใจในอนาคต โดยระวังข่าวในโซเชียลมีเดียที่อาจบิดเบือน เช่น กรณีที่มีการโพสต์ว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ลงนามในเอกสารร่วมซึ่งไม่เป็นความจริง

วิชาธรแนะนำให้คอข่าวการเมืองเกาะติดทุกความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงเร็วมาก โดยเฉพาะในยุคที่การเมือง“สนุกและดิ้นตลอดเวลา” พร้อมแยกแยะระหว่างข่าวข้อเท็จจริงและบทวิเคราะห์ที่อาจมีมุมมองส่วนตัว

รายการสรุปว่า การตรวจสอบข่าวการเมืองในยุคที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงรวดเร็วต้องอาศัยความรอบคอบและการตรวจสอบจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือสื่อต้องยึดหลักจรรยาบรรณและตรวจสอบซ้ำหลายชั้นส่วนผู้บริโภคควรติดตามข่าวอย่างมีสติ แยกแยะข้อเท็จจริงจากข่าวลือ และเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้ตกข่าว แนวคิดเรตติ้งคุณภาพถูกเสนอเป็นทางเลือกเพื่อยกระดับวงการสื่อให้ผลิตเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากขึ้น