กินช็อคโกแลตทำให้เป็นสิวจริงหรือ

หลายคนอาจเคยได้ยินว่า “การทานช็อกโกแลตสามารถกระตุ้นให้เกิดสิว” ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน
สิวอักเสบ หรือสิวหัวดำ เพราะช็อกโกแลตมีรสหวาน กลิ่นหอม และเนื้อสัมผัสที่นุ่ม ซึ่งอาจทำให้บางคนเกิดอาการแพ้หรือไวต่อส่วนประกอบบางอย่างในช็อกโกแลต แต่จริงแล้วกินช็อคโกแลตทำให้เป็นสิวจริงหรือ
การรับประทานช็อกโกแลตอาจทำให้เกิดสิวในบางคนได้จริง แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักของการเกิดสิวในทุกคน การเกิดสิวขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ฮอร์โมน, พันธุกรรม, การดูแลผิว, ความเครียด และอาหารที่ทานซึ่ง ช็อกโกแลต อาจกระตุ้นให้เกิดสิว เนื่องจากน้ำตาลและไขมันอาจเพิ่มระดับอินซูลินในเลือด ซึ่งอาจกระตุ้นการผลิตซีบัม (น้ำมัน) ในผิวหนัง ทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขนและนำไปสู่การเกิดสิว
ช็อกโกแลตมีไขมันอิ่มตัวสูงและอาจมีน้ำตาลมาก การกินช็อกโกแลตขึ้นอยู่กับอาหารโดยรวมและอาจขึ้นอยู่กับประเภทของช็อกโกแลตที่กินด้วย
ช็อกโกแลตมีหลายประเภท ได้แก่
ช็อกโกแลตมืด (Dark chocolate) – มีเปอร์เซ็นต์โกโก้สูงและน้ำตาลน้อยช็อกโกแลตนม (Milk chocolate) – มีนมผงหรือครีมเพิ่มเข้าไปเพื่อให้รสชาติหวานและเนียนขึ้น
และช็อกโกแลตขาว (White chocolate) – ไม่มีผงโกโก้ แต่ใช้เนยโกโก้และนมเป็นส่วนประกอบหลัก
ซึ่งการกินช็อกโกแลตอาจทำให้เกิดสิวในบางคนได้ เนื่องจากปัจจัยหลายอย่างที่อาจเกี่ยวข้องกับการตอบสนองของร่างกาย ต่อไปนี้คือเหตุผลบางประการที่อาจทำให้การกินช็อกโกแลตกระตุ้นการเกิดสิว
1. น้ำตาลและอินซูลิน: ช็อกโกแลตส่วนใหญ่มีน้ำตาลสูง การทานน้ำตาลมากเกินไปอาจทำให้ระดับอินซูลินในเลือดสูงขึ้น ซึ่งสามารถกระตุ้นการผลิตซีบัม (น้ำมัน) ในผิวหนังมากขึ้น เมื่อซีบัมอุดตันรูขุมขนก็อาจทำให้เกิดสิวได้
2. ไขมัน: ช็อกโกแลตบางประเภท (โดยเฉพาะช็อกโกแลตนมและช็อกโกแลตขาว) มีไขมันสูง ซึ่งอาจกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันมากเกินไป ส่งผลให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวได้
3. การแพ้หรือไวต่อส่วนผสมบางอย่าง: ในบางคน การแพ้หรือไวต่อส่วนผสมบางอย่างในช็อกโกแลต เช่น นม หรือสารเติมแต่งอาจกระตุ้นการเกิดสิว
ดังนั้น ช็อกโกแลตไม่ได้ทำให้เกิดสิว แต่น้ำตาลที่อยู่ในช็อกโกแลตที่ทำให้เกิดสิว หากอยากกินช็อกโกแลตควรเลือกช็อกโกแลตที่มีปริมาณน้ำตาลน้อย เพื่อดีต่อสุขภาพ
(ข้อมูลจากเว็บไซต์ : สำนักโภชนาการ กรมอนามัย / สถานีเทคโนโลยีดิจิทัลวิทยาศาสตร์บริการ / หมอชาวบ้าน )
