เพจเฟซบุ๊กโพสต์เนื้อหาเท็จวิธีปฐมพยาบาลเมื่อโดนแก๊สน้ำตา

กองบรรณาธิการโคแฟค

❓ เนื้อหาที่ตรวจสอบ: วิธีปฐมพยาบาลเมื่อถูกแก๊สน้ำตา ให้ใช้ของเหลวที่มีฤทธิ์เป็นกรดล้างตา

ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง: **เนื้อหาเท็จ แม้มีเจตนาให้ตลกขบขัน แต่อาจสร้างความใจผิดและก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่อาจหลงเชื่อ** 

📝 เนื้อหาโดยสรุป: วันที่ 18 ก.ย.  68 เพจเฟซบุ๊ก “โม่งดำ-Black Hood Operator” ซึ่งเป็นเพจของผู้สนใจกีฬายิงปืนและยุทธวิธีทางการทหาร-ตำรวจ มีผู้ติดตามเกือบ 2 แสนราย โพสต์ข้อความภาษาไทยและภาษาเขมรเรื่อง “วิธีการปฐมพยาบาลเมื่อถูกแก๊สน้ำตา” โดยอ้างว่าให้ใช้สารที่เป็นกรด เช่น น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำส้มสายชู น้ำยาล้างจานหยอดที่บริเวณดวงตาเพื่อช่วยลดอาการแสบร้อน (ลิงก์บันทึก)

โพสต์นี้ถูกเผยแพร่หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ตำรวจควบคุมฝูงชนของไทยใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางควบคุมผู้ชุมนุมชาวกัมพูชาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2568

🔎 โคแฟคตรวจสอบ: สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเมื่อถูกแก๊สน้ำตาว่า “ให้รีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือในปริมาณมาก” โดยเอียงหน้าเทน้ำล้างให้ไหลจากหว่างคิ้วไปทางหางตา นานอย่างน้อย 10-15 นาที 

สพฉ. ระบุว่าการออกฤทธิ์ของแก๊สน้ำตาจะเกิดขึ้นทันทีที่สัมผัสหรือภายใน 30 วินาที และจะคงอยู่นานราว 10-30 นาทีหลังการสัมผัส เมื่อถูกร่างกายจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อเยื่อบุผิวที่สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง เยื่อบุตา เยื่อบุช่องปาก เยื่อบุจมูกและทางเดินหายใจ 

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อสัมผัสแก๊สน้ำตา คือ 

1. นำผู้ถูกแก๊สน้ำตาออกมาอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก

2. หากถูกผิวหนัง ควรถอดเสื้อผ้าออก จากนั้นให้ล้างตัวด้วยน้ำประปาหรือน้ำสะอาด โดยให้น้ำไหลผ่านจำนวนมากอย่างน้อย 10-15 นาที 

3. หากมีการระคายเคืองตา ถ้าใส่คอนแทคเลนส์อยู่ ต้องถอดออกก่อน แล้วจึงล้างตาด้วยน้ำประปาหรือน้ำสะอาด โดยเอียงหน้าเทน้ำล้างให้ไหลจากหว่างคิ้วไปทางหางตา นานอย่างน้อย 10-15 นาที 

4. บ้วนปากหลายครั้งด้วยน้ำสะอาด หลังจากนั้นสามารถดื่มน้ำหากรู้สึกระคายคอ 

เนื้อหาจากเพจเฟซบุ๊ก “โม่งดำ-Black Hood Operator” ที่ระบุว่าให้ใช้สารที่มีฤทธิ์เป็นกรดล้างตาจึงเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่หลงเชื่อ ซึ่งขณะนี้โพสต์ยังถูกแชร์ไปมากกว่า 140 ครั้ง

📢 ข้อสังเกตโคแฟค: แม้ว่าโพสต์นี้จะจงใจเผยแพร่ข้อมูลเท็จโดยมีเจตนาล้อเล่นหรือสร้างความตลกขบขัน แต่การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเช่นนี้มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความสับสนและเข้าใจผิด ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและชีวิตหากมีผู้หลงเชื่อ  

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 68 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการสร้างข่าวปลอม ข้อมูลลวง และข้อมูลอันเป็นเท็จทุกรูปแบบที่นำไปสู่การยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชัง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการเจรจาทางการทูตและการสร้างความร่วมมือในการแก้ปัญหาด้านความมั่นคงบริเวณชายแดน โดยขอให้ประชาชนรับและส่งต่อข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติ ตรวจสอบข้อมูลที่อาจเป็นเท็จทุกครั้ง ใช้สื่อทุกแพลตฟอร์มอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน 

เรื่องอื่นที่เกี่ยวข้อง