มาตรการรับมือกับโอมิครอนในต่างประเทศ Cofact Special Report #12
มาตรการรับมือกับโอมิครอนในต่างประเทศ
ปัจจุบันโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนกำลังแพร่ระบาดหนักและแทนที่สายพันธุ์เดลต้าแล้วในหลายประเทศ แต่ละประเทศมีมาตรการรับมือไวรัสสายพันธุ์นี้แตกต่างกันไป แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะคล้ายกันก็คือมาตรการที่ใช้กับโอมิครอนไม่เข้มงวดเมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลต้าและสายพันธุ์ดั้งเดิม เนื่องจากผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์หลายฉบับระบุตรงกันว่าความรุนแรงของเชื้อโอมิครอนน้อยกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ บวกกับการฉีดวัคซีนและภูมิคุ้มกันทางธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น ทำให้จำนวนผู้ป่วยครองเตียง และผู้ป่วยหนักน้อยกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า
ฝรั่งเศสผ่านร่างกฎหมาย Vaccine Pass เกือบทุกกิจการต้องตรวจปชช.ก่อนเข้าใช้บริการ
เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรของฝรั่งเศสอนุมัติแผนการออกเอกสารอนุญาตให้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนครบตามจำนวนโดสสามารถเข้าใช้บริการสถานที่ต่างๆ หรือ Vaccine Pass โดยบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปจะต้องแสดงคิวอาร์โค้ดที่ระบุว่าตนได้รับการฉีดวัคซีนครบตามจำนวนโดสแล้ว ทั้งนี้ฝรั่งเศสยังไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ หรือปิดสถานประกอบการต่างๆ ถึงแม้จะมียอดผู้ติดเชื้อต่อวันถึงหลักแสนคน เนื่องจากรัฐบาลบอกว่าปัจจุบันอัตราครองเตียงของผู้ป่วยโควิดนั้นอยู่ราวๆ 50-60% ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์โอมิครอน
โรงเรียนในสหราชอาณาจักรยังคงเปิดตามปกติ
รัฐบาลอังกฤษยังคงอนุญาตให้โรงเรียนในประเทศเปิดการเรียนการสอนในห้องเรียนได้ตามปกติในภาคเรียนใหม่ โดยนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนทุกคนจะต้องมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบมาแสดงก่อนเข้าโรงเรียนในวันเปิดเทอมวันแรก อย่างไรก็ตามนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา อายุ 12 ปีขึ้นไปจะต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในพื้นที่โรงเรียนตลอดเวลา ถึงแม้จะมีผลตรวจโควิดเป็นลบ และฉีดวัคซีนครบจำนวนโดสแล้วก็ตาม
สหราชอาณาจักรกำลังประสบกับปัญหาขาดแคลนครูที่สามารถเข้าสอนในโรงเรียนได้ นาดฮิม ซาฮาวี รัฐมาตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของสหราชอาณาจักรระบุว่า ในช่วงปลายปีที่ผ่านมามีครูลาป่วยเนื่องจากป่วยด้วยโควิด หรือมีประวัติสัมผัสเสี่ยงสูงกว่า 8% และเขาคาดว่าในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโอมิครอนพอดี อาจจะมีจำนวนครูที่ลาป่วยมากกว่านี้
รัฐนิวเซาท์เวลส์สั่งปิดสถานบันเทิง สกัดโอมิครอน
ผู้ว่าการรัฐนิวเซาท์เวลส์ รัฐที่มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลีย ซึ่งมีเมืองสำคัญอย่างนครซิดนีย์ สั่งปิดสถานบันเทิงชั่วคราวเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อโอมิครอน พร้อมกับเพิ่มมาตรการจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการร้านอาหาร และคาเฟ่ ห้ามมีการยืนดื่มสุรา หรือเต้น และห้ามมีการเล่นดนตรีสดในร้านอาหาร ส่วนห้างสรรพสินค้า ฟิตเนส และสถานประกอบการอื่นๆ ยังเปิดให้บริการได้ตามปกติ
ออสเตรเลียกำลังประสบกับปัญหาจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อรายวันสูงถึง 35,000 ราย
สหรัฐฯ อนุมัติฉีดวัคซีนเข็ม 3 ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป
เมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA อนุมัติให้ใช้วัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค เข็มกระตุ้น (เข็มที่ 3) ให้กับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป โดย FDA กำหนดเกณฑ์ให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นหลังจากได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 มาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 เดือน
รอเชล วาเลนสกี้ ผู้อำนวยการองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ระบุว่า เด็กมีความจำเป็นต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน เนื่องจากจะช่วยลดความรุนแรงของเชื้อ และยังมีส่วนช่วยให้การเรียนการสอนในโรงเรียนดำเนินต่อไปได้โดยไม่ต้องกลับไปเรียนออนไลน์ที่บ้าน เนื่องจากมีผลการศึกษาชัดเจนว่าการเรียนในโรงเรียนส่งผลดีต่อพัฒนาการและทักษะการเข้าสังคมของเด็ก สุขภาพจิตของเด็กดีกว่า
ขณะที่อดีตคณะที่ปรึกษาทางการแพทย์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยแพร่บทความในเว็บไซต์วารสารทางการแพทย์ JAMA แนะนำให้รัฐบาลสหรัฐฯ เปลี่ยนแนวคิดใหม่เพื่อรับมือกับโควิด-19 เนื่องจากผลการศึกษาหลายแห่งระบุตรงกันว่า โควิด-19 กำลังจะเป็นโรคประจำถิ่น ดังนั้นรัฐบาลควรหันมาดูแลผู้ป่วยเสมือนผู้ที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจชนิดหนึ่ง เร่งการฉีดวัคซีน และปรับมาพัฒนายารักษา พร้อมกับมีมาตรการให้ประชาชนเข้าถึงยา และอุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากอนามัยคุณภาพสูงแบบ N95 และ KN95 และชุดตรวจหาเชื้อด้วยตนเองที่บ้าน (ATK) ได้ง่ายกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพราะสุดท้ายแล้วเราต้องอยู่กับโควิด-19 ให้ได้
เกาหลีใต้ออกมาตรการห้ามผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนเข้าห้างฯ-ซูเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่
เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดที่เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ประชาชนสามารถรวมกลุ่มทำกิจกรรมต่างๆ ได้ไม่เกิน 4 คน และสถานประกอบการต่างๆ ที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีพจะต้องปิดให้บริการภายในเวลา 22:00 นอกจากนี้รัฐบาลยังขยายขอบเขตประเภทกิจการที่ผู้เข้าใช้บริการต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนก่อนเข้าใช้บริการเพิ่มเติม ได้แก่ห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่ หลังจากก่อนหน้านี้อนุมัติให้ใช้กับร้านอาหารแบบนั่งรับประทานในร้าน โรงภาพยนตร์ ฟิตเนสและสปามาแล้ว ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปจะต้องแสดงหลักฐานดังกล่าว (วัคซีนพาส) ก่อนเข้าใช้บริการสถานที่เหล่านี้ ส่วนแผนการใช้วัคซีนพาสกับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปยังคงเลื่อนไปก่อน เนื่องจากปัจจุบันยังมีเด็กอีกกว่า 30% ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว ทั้งนี้รัฐบาลจะขอเวลาใช้มาตรการนี้อีก 2 สัปดาห์เพื่อประเมินสถานการณ์ว่าระบบสาธารณสุขยังสามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยได้อยู่หรือไม่
สิงคโปร์ปรับกฎใหม่ ฉีดวัคซีนครบ ต้อง 3 เข็ม
เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ประกาศให้ประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปต้องไปฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น (เข็มที่ 3) ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป โดยชาวสิงคโปร์ และผู้พักอาศัยจะต้องไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภายใน 9 เดือน เพราะหลังจากนั้นรัฐบาลสิงคโปร์จะปรับเกณฑ์ใหม่ว่าผู้ฉีดวัคซีนครบโดสจะต้องฉีด 3 เข็ม (2 เข็มสำหรับผู้ที่เคยฉีดวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันมาก่อน) ผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นจะไม่นับว่าเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ และอาจถูกปฏิเสธการใช้บริการสถานที่ต่างๆ เช่นการนั่งรับประทานอาหารในร้าน หรือการใช้บริการโรงภาพยนตร์และฟิตเนส
ลอเรนซ์ หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ยังระบุด้วยว่า ขณะนี้รัฐบาลยังคงไม่ใช้มาตรการเข้ม เช่นการล็อกดาวน์ เนื่องจากจะกระทบกับภาคเศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกันก็ยังไม่ผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม ปัจจุบันสิงคโปร์ใช้มาตรการตรวจหลักฐานการฉีดวัคซีนสำหรับผู้เข้าใช้บริการสถานประกอบการในร่ม เช่น ร้านอาหาร ฟิตเนส ห้างสรรพสินค้า และโรงภาพยนตร์ และจำกัดจำนวนโต๊ะและผู้รับประทานอาหารร่วมโต๊ะในร้านอาหาร
ที่มา:
uhttps://edition.cnn.com/world/live-news/omicron-variant-coronavirus-news-01-06-22/index.html
https://www.bbc.com/news/uk-59886078
http://www.arirang.com/news/News_View.asp?nseq=290610
เกี่ยวกับผู้เขียน
ธนภณ เรามานะชัย (ไมค์) Fact-checker และ คอลัมนิสต์ประจำ Cofact Thailand
ปัจจุบันทำหน้าที่วิทยากรด้านการตรวจสอบข้อมูลข่าวและเครื่องมือดิจิทัลด้านข่าวให้กับ Google News Initiative ก่อนหน้านี้เขาเป็นผู้ประกาศข่าวเทคโนโลยีให้กับสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี (Voice TV) และอดีตกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (FCCT) https://www.damikemedia.com