พล.อ.ประยุทธ์ ชวนคนติดตามข่าวช่อง Top News ข่าวจริงที่มาพร้อมกับเสียงวิจารณ์

Top Fact Checks Political

คำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ชื่นชมและเชิญชวนให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม Top News เป็นเนื้อหาที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียให้ความสนใจมากที่สุดประเด็นหนึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนอยู่ในสตูดิโอรายการ “เช้าข่าวเข้ม” ของช่อง Top News พร้อมข้อความ “ประยุทธ์ขอให้ทุกคนดูข่าวช่อง Top News เป็นช่องเสนอข่าวจากข้อเท็จจริง วิเคราะห์ข่าวอย่างมีหลักเกณฑ์ที่ทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง” ถูกเผยแพร่ในทวิตเตอร์และแอปพลิเคชันไลน์ในวันที่ 1 ก.พ. 2566 ขณะที่สื่อกระแสหลักก็เสนอข่าวในทำนองเดียวกัน เช่น เพจเฟซบุ๊กไทยรัฐออนไลน์โพสต์ภาพนายกฯ พร้อมคำพูด “ประชาชนที่รับฟังอยู่ทางบ้าน ขอให้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองจากช่อง Top News นะครับ เป็นช่องที่นำเสนอข่าวจากข้อเท็จจริง” โดยไทยรัฐให้ข้อมูลว่า พล.อ.ประยุทธ์พูดระหว่างเยือน Top News เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ 2 ปี

คำพูดของนายกฯ ที่ถูกหยิบยกมาบางส่วนและการสรุปความ ทำให้ขาดรายละเอียดและบริบท หลายคนจึงอาจสงสัยถึงที่มาที่ไป กระทั่งคิดว่าเป็นข่าวปลอม เพราะแม้ว่าการที่บุคคลสำคัญไปร่วมงานวันเกิดสื่อจะเป็นเรื่องปกติ แต่การที่นายกรัฐมนตรีชักชวนให้ประชาชนรับข่าวสารจากสื่อสำนักใดสำนักหนึ่งแทบไม่เคยเกิดขึ้น อีกทั้ง Top News ไม่ได้เป็นสื่อในกำกับของรัฐบาลหรือสื่อกระแสหลัก แต่เป็นสื่อเอกชนที่ออกอากาศทางทีวีดาวเทียมและช่องทางออนไลน์มาได้เพียง 2 ปี 

โคแฟคตรวจสอบ

จากวิดีโอบันทึกภาพและรายงานข่าวกิจกรรมวันครบรอบ 2 ปีของ Top News พล.อ.ประยุทธ์เป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงในแวดวงการเมือง ตำรวจ ทหารและภาคธุรกิจที่เดินทางไปร่วมแสดงความยินดีกับ Top News นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์แล้วยังมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต. วินธัย สุวารี ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เป็นต้น 

พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาอยู่ที่ Top News ประมาณ 1 ชั่วโมง โดยออกตัวว่า “มาในหลายสถานะ” และกล่าวถึง Top News ว่า “เป็นสื่อที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่น ให้ความเชื่อถือและติดตามจำนวนมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา”

นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Top News นำนายกฯ เข้าเยี่ยมชมสตูดิโอ ซึ่งขณะนั้นกำลังออกอากาศสดรายการ “เช้าข่าวเข้ม” ที่มีนายกนก รัตน์วงศ์สกุล และนายธีระ ธัญไพบูลย์ เป็นพิธีกร คำพูดของนายกฯ จึงได้รับการเผยแพร่ในรายการดังกล่าวด้วย ช่วงหนึ่งนายกฯ พูดกับพิธีกรว่า “ผมติดตาม [Top News] เพราะว่าเราพูดจากข้อเท็จจริง ความเป็นจริง…เพราะฉะนั้นการวิเคราะห์ข่าวก็อยากให้เป็นแบบนี้ แล้วก็ทำยังไงมันจะไม่สร้างความขัดแย้งกันมากมาย พูดกันด้วยข้อเท็จจริง…ผมก็ติดตามมา มีเวลาผมก็เปิดดู แล้วก็เห็นว่าเป็นสื่อที่มีคุณภาพ”

ก่อนจะออกจากสตูดิโอ นายกฯ ถามพิธีกรว่ายังถ่ายทอดสดอยู่หรือไม่ เมื่อได้รับคำตอบว่าใช่ เขาจึงหันมาพูดกับกล้อง เชิญชวนให้คนติดตามข่าวจาก Top News ซึ่งโคแฟคถอดคำพูดจากคลิปรายการ “เช้าข่าวเข้ม” ที่เผยแพร่ทางช่องยูทูป @TOPNEWSLIVE77 เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ดังนี้

“สวัสดีอีกครั้งนะครับ ก็ขอให้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองจากช่องท็อปนิวส์นะครับ ซึ่งเป็นช่องที่เสนอข่าวที่มาจากข้อเท็จจริง เท่าที่ผมประเมินเอานะ เสนอจากข้อเท็จจริง แล้วก็วิเคราะห์อย่างมีหลักมีเกณฑ์อะไรต่างๆ เหล่านี้ คือไม่ใช่เพื่อความขัดแย้ง ทั้งนี้เพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าอะไรมันเป็นอะไร อันนั้นคือสิ่งสำคัญ ไม่ได้ทำเพื่อใคร ทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ซึ่งก็ตรงกับเจตนารมณ์ของผม แล้วก็กับแนวทางการปฏิบัติของผมสืบต่อไปในวันข้างหน้า”

ข้อสรุปโคแฟค: ข่าวจริง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเชิญชวนให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากช่อง Top News จริง ซึ่งเป็นการพูดออกอากาศในรายการ “เช้าข่าวเข้ม” ขณะไปร่วมอวยพรวันครบรอบการก่อตั้งสถานี แต่ก็มีบางช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในเชิงเสนอแนะให้ Top News วิเคราะห์ข่าวบนพื้นฐานความจริง พูดข้อเท็จจริงและไม่สร้างความขัดแย้ง

อย่างไรก็ตาม น่าบันทึกไว้ด้วยว่า การชื่นชมยกย่อง Top News ของนายกฯ ได้ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์จากผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวนไม่น้อยถึงความเหมาะสมของการที่ พล.อ.ประยุทธ์แสดงท่าทีสนับสนุน Top News อย่างชัดเจน บางส่วนแสดงความไม่เห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ที่บอกว่า Top News เสนอข้อเท็จจริงและไม่สร้างความขัดแย้ง ซึ่งวันต่อมา ผู้ประกาศข่าว Top News ก็ได้ออกมาตอบโต้เสียงวิจารณ์เหล่านั้น เช่น นายสันติสุข มะโรงศรี พิธีกรรายการ “ข่าวมีคม” กล่าวว่ามีการนำคำพูดของนายกฯ ไปทำแบนเนอร์เพื่อสร้างความเข้าใจผิดว่านายกฯ ชี้นำให้ประชาชนดูแต่ Top News 

“[พล.อ.ประยุทธ์] ไม่ได้บอกว่าให้ดูเฉพาะจาก Top News แบนเนอร์ถูกเอาไปโจมตี เอาไปด้อยค่าว่าช่องนี้เสนอแต่ข่าวปลอมข่าวเท็จ…บอกมาสิว่าข่าวไหนเท็จ ถ้ามันเท็จ ถ้ามันไม่ตรงเราจะแก้ให้” นายสันติสุขกล่าว

เรื่องแนะนำ